I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Zhan Long ตอนที่ 278 ตำราหอกแมกมาเล่มที่สอง

| Zhan Long | 1380 | 2363 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แปลโดย WildFox

หลังจากผ่านการต่อสู้ไปราวหนึ่งชั่วโมง การโจมตีระลอกที่สี่ของพวกตะขาบก็ยุติลงภายใต้กระบวนแนวตั้งรับของพวกเรา เจ้ามอนสเตอร์ระดับปีศาจพวกนี้ไม่เพียงดรอปไอเทมระดับทองเท่านั้นแต่ยังใจกว้างดรอปเหรียญตราปีศาจให้อีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเอาไปแลกเป็นค่าประสบการณ์โดยตรงหรือจะเอาไปขายเป็นเงิน ตราปีศาจพวกนี้ก็นับเป็นของดีทีเดียว

ไอเทมส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพวกอุปกรณ์สวมใส่หรือตราปีศาจถูกแบ่งแจกจ่ายไปตามกลุ่มเล็กๆที่ต่อสู้นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอามารวมเข้าเป็นของกิลด์ ด้วยวิธีนี้จะทำให้แต่ละคนมีกำลังใจผลักดันในการต่อสู้ต่อไป ส่วนการ์ดตะขาบซึ่งมีความสามารถในการเพิกเฉยพลังป้องกันของเป้าหมาย 10%

ซึ่งมีคุณสมบัติค่อนข้างดีกว่าการ์ดออร์คทมิฬเพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยจะได้สัมผัสการ์ดระดับสูงๆย่อมแสนจะดีใจถ้าได้ใช้มัน เช่นพวกสายอาชีพปืนยาวคาบศิลาและพวกใช้ธนูเป็นอาวุธ การที่เพิกเฉยพลังป้องกันของศัตรูถึง 10% ย่อมส่งผลให้การโจมตีของพวกเขารุนแรงขึ้นอีกระดับเลยทีเดียว! ………………

“ฉึ่ก!”

เสียงดาบจักรพรรดิ์ฉินที่เสียบเข้ากับพื้นดิน ผมหัวเราะและมองไปยังพวกตะขาบที่เหลือในระยะสายตาและพูดว่า

“เพี้ยง! ขอให้บอสของระลอกที่สี่นี้มันมาเกิดแถวๆพวกเราด้วยเถอะ ไม่งั้นคงจะเฉามือกันนานแน่เลย!”

‘มัตฉะ’ยกหอกของตัวเองขึ้นก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าไปแล้วหันมายิ้มและพูดว่า

“ท่าทางคาถาของหัวหน้าจะไม่ได้ผลแล้วล่ะค่ะ ฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่า บอสของระลอกที่สี่ซึ่งเป็นเต่าทองยักษ์ เลเวล 69 ระดับจักรพรรดิ์เกิดขึ้นแถวๆประตูทิศใต้ ซึ่งเจี้ยนเฟิงหานกับพวกกิลด์ [Vanguard] ตั้งแนวรับอยู่ค่ะ ท่าทางพวกเราจะเฉามือกันต่อไปละมั้งคะ….”

“ประตูทิศใต้งั้นเหรอ”

ผมสงสัย

“ชั้นว่า หานเป่ยซ่งจากกิลด์ [Crimson Contract] ก็ตั้งแนวรับแถวๆนั้นไม่ใช่เรอะ ไม่แน่ใจว่าจะเกิดเรื่องกับพวก [Vanguard] เข้ารึเปล่าซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง [Crimson Contract] ท่าทางจะงานเข้าไม่น้อย…..”

‘แม่ทัพหลี่มู่’ถือดาบของเขาเดินเข้ามาถามว่า

“บอสระดับจักรพรรดิ์ไม่น่าจะตายง่ายๆ ถึงแม้ว่า [Vanguard] มันจะมีคนมากก็จริง แต่ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 10-15 นาทีกว่าจะเอาบอสลงได้ พวกเราจะพาคนไปที่ประตูทิศใต้ดีไหม?”

ผมใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายศีรษะตอบว่า

“ไม่ดีกว่า ตรึงกำลังของเราไว้ที่นี่ นี่มันเพิ่งผ่านไปแค่สี่รอบเท่านั้น อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า โบราณว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เอาเป็นว่านับตั้งแต่รอบที่เจ็ดเป็นต้นไปถ้าโอกาสเป็นใจให้ละก็ พวกเราจะเก็บบอสที่เหลือให้เรียบ!”

“อืมม..เอาแบบนั้นก็ได้!”

และเป็นตามที่คาดไว้ หลังผ่านไปเพียง15 นาทีเสียงประกาศจากระบบก็ดังขึ้น

“ติ๊ง!” ประกาศจากระบบ : ขอแสดงความยินดีด้วย! ผู้เล่น เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน(Simple)

สามารถสังหารบอสลำดับที่สี่ของ [เมืองโบราณ] แห่ง [เมืองป้าฮวง]

และได้รับ ค่าสเน่ห์+4 ค่าประสบการณ์ 30% และตำราสกิลระดับ S : [หอกแมกม่า]!

“ให้ตายสิ [หอกแมกม่า]!”

ผมรำพึงพลางกำหมัดแน่น

“หัวหน้ากิลด์คะ มีอะไรอย่างนั้นเหรอคะมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับสกิล [หอกแมกม่า] นี่รึเปล่า หรือว่ามันหายากหรือว่าอะไรยังไงคะ…”

เสียง’หลินเสี่ยวอู่’ถาม ผมบดกรามเป็นสันนูนก่อนตอบว่า

“ชางเยว่ ตงเฉิงเยว่ ก็ได้เรียนสกิลระดับ S [หอกแมกม่า] นี้เช่นเดียวกันซึ่งมันเป็นสกิลที่มีพลังโจมตีรุนแรงมากสกิลหนึ่ง เจี๋ยนเจี่ยนตันตันคงต้องใช้เวลาเพิ่มระดับสกิลนี้ซักพักก่อนที่จะใช้ได้อย่างช่ำชองและเมื่อถึงเวลานั้น มันคงจะเป็นการยากขึ้นไปอีกแน่ในการรับมือกับเธอ นั่นจะทำให้เธอกลายเป็นนักเวทย์ที่มีพลังโจมตีรุนแรงมาก เวลาสู้ในศึกที่ต้องตะลุมบอน แน่นอนว่าเธอคงจะไม่ทำเพียงแค่สะกิดสะเกาพวกเราเท่านั้น และถ้า เจี้ยนเฟิงหาน มันรู้จักควบคุมกับพลังรุนแรงเช่นนี้โดยจัดคนมาคุ้มครอง เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน โดยเฉพาะเป็นพิเศษ พลังในการต่อสู้แบบกลุ่มของกิลด์ [Vanguard] จะเป็นอะไรที่น่าหวั่นเกรงไม่น้อยทีเดียว”

‘หลินเสียวอู่’เม้มปากแดงนั้นเป็นเส้นตรงก่อนจะหัวเราะและพูดว่า

“ก็ถ้าเราต้องเจอกับกลุ่มที่อารักขา เจี๋ยนเจี่ยนตันตัน จริงๆ พวกเราก็จะรุมยิงเธอด้วย [ศรแยกหยุดยั้ง] และให้หัวหน้าใช้ความเร็วทะลวงเข้าไปสังหารเธอซะ ต่อให้เธอแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงพลังชีวิตของพวกนักเวทย์ก็มีข้อจำกัด เพราะหลังจากที่เกราะมานาสลายไปแล้วก็มีแต่เพียงความตายเท่านั้นรออยู่เบื้องหน้านักเวทย์ทั้งหลาย ความจริงข้อนี้ไม่มีใครเปลี่ยนมันได้หรอกค่ะ”

ผมพยักหน้า

“อื้ม ชั้นก็หวังเช่นนั้น! เอาล่ะ เตรียมตัวต้อนรับการโจมตีระลอกที่ห้ากันได้แล้ว หวังว่าคราวนี้บอสของมันจะมาเกิดที่ค่ายของเราน่ะ หรืออย่างน้อยมาใกล้ๆพวกเราหน่อยก็ยังดี!”

‘แม่ทัพหลี่มู่’เอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

“หัวหน้า ว่าก็ว่าเถอะนะ ถึงแม้ว่ารางวัลสูงสุดของกิจกรรม [เมืองโบราณ] นี้จะเป็น [ตราเทพการค้า]ที่แสนจะล้ำค่านั้นก็จริงอยู่แต่ว่าบอสทุกตัวที่ผ่านมามันก็ดรอปตำราสกิลระดับ S แบบ AOE ด้วย ซึ่งตำราเหล่านี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน แถมหายากยิ่งกว่าอะไร เราน่าจะสู้กับบอสเพื่อชิงเอาตำรามานะ เพราะแค่สกิลที่สำคัญไม่กี่สกิลก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ ซึ่งกิลด์ [Zhan Long] ของเรายังไม่อาจเทียบเคียงจำนวนคนกับกิลด์อย่าง [Vanguard] หรือ [Prague] ได้เพราะงั้นเราก็ต้องหาหนทางอื่นเพื่อมาชดเชยความเสียเปรียบตรงนี้ หัวหน้าไม่คิดบ้างเหรอว่า ตำราสกิลจากบอส[เมืองโบราณ]พวกนี้มันจะเป็นคำตอบสำหรับพวกเราตอนนี้?”

ผมสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า

“แม่ทัพหลี่มู่ ชั้นเข้าใจความหมายของนายแล้ว….เอาล่ะ หลี่มู่นายเป็นคนไปจัดการตั้งหน่วยของอัศวินและม๊องค์ที่มีพลังป้องกันและพลังชีวิตสูงเอาไว้ เยว่ชิงเฉียน เยว่เหว่ยเหลียง มัตฉะ หลินเสียวอู่ รวมทั้งชั้นจะช่วยกันด้วย พวกเราจะจัดเป็นกองกำลังล่าสังหารบอส เมื่อมีบอสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พวกเราจะรีบไปทันทีและเก็บบอสให้ได้ตราบเท่าที่ยังมีโอกาส จริงอยู่ แม้ว่าจะต้องงัดกับศัตรูที่รายล้อมทั้งหลายแต่ว่าการที่เราไปฉกเอาตำราสกิลระดับ S จากพวกมันก็เป็นสิ่งที่เราสมควรทำแน่นอน ถึงยามต้องบู๊ [Zhan Long] ของเราก็บ่ยั่น”

“เอ้อ มันต้องอย่างนี้สิ! ขอแค่สั่งมาคำเดียว กำลังจากค่าย Valiant Bravery ก็พร้อมจะลุยเสมอ!”

“จัดไปอย่าให้เสีย!”

“ครืดดด ครืด ครืด…”

เสียงประตูเหล็กค่อยๆเปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมกับมอนสเตอร์ระลอกที่ห้าเด้งที่ออกมาเป็นเงาตะคุ่มๆ รอบนี้มอนสเตอร์ที่ออกมาช่างมีลักษณะเฉพาะตัวที่แปลกตา เพราะมันเป็นฝูงของผีดิบกองกอยที่มียันต์ปิดอยู่ที่หน้าผากและสวมใส่ด้วยชุดขุนนางจีนสมัยราชวงศ์ชิง ‘กอย กอย กอย’

เสียงพวกมันเคลื่อนที่ออกมา แขนทั้งสองข้างที่ยื่นมาข้างหน้าล้วนเน่าเปื่อยโดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือของพวกมันเนื้อส่วนใหญ่หลุดไปหมดจนมองเห็นกระดูกได้ชัดเจนรวมทั้งเล็บคมยาวของมันซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่ที่ปลายทั้งสิบนิ้ว

“เอากะมันสิ…”

‘หรันหมิ่น’เอ่ยขึ้น

“นี่มันผีดิบในหนังจีนย้อนยุคหรือไงฟะ เว้นแต่ว่าเรายังไม่รู้ว่าจะรับมือกับพวกมันยังไงดี…”

‘ซ่งหาน’หัวเราะในลำคอพูดว่า

“เร็วทุกคน กลั้นหายใจไว้พวกผีดิบกองกอยมันจะได้มองไม่เห็น…”

‘มัตฉะ’รีบกลั้นหายใจยืนนิ่งอยู่กับที่จนเกจหายใจของเธอขึ้นมาเหมือนเวลาตกลงไปในน้ำ หน้าตาเริ่มเหยเกเพราะกลั้นหายใจไว้นานเกินไป

“แปะ…”

ผมแตะที่ไหล่ของ’มัตฉะ’เบาๆแทบจะฝืนตัวเองกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

“เลิกกลั้นหายใจได้แล้ว มัตฉะ เจ้าพวกผีดิบพวกนี้มันเป็นมอนสเตอร์ระดับปีศาจเลเวล 70 ที่มีค่าพลังโจมตีสูงมาก ผู้เล่นหลักทั้งหลายตั้งรับประจำตำแหน่งให้ดี อย่าปล่อยให้สหายรบในทีมเสียชีวิตได้ ฮีลเลอร์ทั้งหมดใช้สกิลรักษาสุดฝีมือหนุนแนวหน้าของเราไว้ให้ได้!”

“วาบบบ!”

แสงสว่างส่องลงมาอาบร่างของผม มันคือแสงจากสกิลบัฟเลเวล 7 ของ’เป็ดที่รัก’นั่นเอง ซึ่งทำให้ค่าพลังป้องกันของผมเพิ่มขึ้น 14% ก็ราวๆ 285 หน่วยพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นมา ทีมของเราแทบจะกลายเป็นทีมใหม่เลยเมื่อได้บัฟจากฮีลเลอร์ แสงสว่างส่องไปทั่วแยกพวกเรากับกองทัพผีดิบนั้นราวกับทิวาและราตรี

‘แม่ทัพหลี่มู่’พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า

“ชั้นมองสเตตัสมองมันไม่เห็นเลย มันเลเวล 70 ระดับปีศาจด้วย หัวหน้าเลเวล 66 แล้ว ช่วยแชร์ข้อมูลของพวกมันให้เราหน่อยได้ไหม ไม่งั้นพวกเราคงต้องเสียเปรียบไอ้พวกผีดิบนี่อักโขอยู่”

“ตกลง!”

และด้วยการวาดมือของผม สเตตัสของเจ้าผีดิบตัวที่อยู่หน้าสุดก็ปรากฏขึ้นในช่องสนทนากิลด์

【ผีกองกอยเมืองโบราณ】(ระดับปีศาจ) เลเวล : 70

พลังโจมตี : 1850 – 2340

พลังป้องกัน : 1180

พลังชีวิต : 24000

สกิล : 【แทงสุดมือ】【กัดฝากรัก】【พิษคร่าชีวา】

คำอธิบาย : 【ผีกองกอยเมืองโบราณ】เป็นซากศพของผู้ที่เสียชีวิตมาเมื่อนานมาแล้วซึ่งถูกเก็บไว้ยังสุสาน หากแต่ถูกรบกวนด้วยพลังงานอันชั่วร้ายทำให้ถูกปลุกขึ้นมา กลายเป็นผีดิบกองกอยไร้วิญญาณที่มีกรงเล็บอาบยาพิษที่รุนแรงมาก พวกมันโจมตีด้วยความกระหายเลือดและสร้างความหวาดกลัวให้กับกองทัพมนุษย์มานักต่อนักแล้ว โปรดรับมือด้วยความระมัดระวัง

“บ้ะ พลังโจมตี 2340….”

น้ำเสียง’แม่ทัพหลี่มู่’เหมือนใจไม่อยู่กับตัว

“พวกเราระวังตัวด้วย งัดกับไอ้พวกกองกอยนี่น่าจะไม่หมูซะแล้ว”

“ตกลง”

‘หรันหมิ่น’พยักหน้ารับทราบ ผมยกดาบจักรพรรดิ์ฉินขึ้นเพื่อเหลือบสายตาดูสถานะพิเศษจากดาบเทพเจ้าเล่มนี้ สกิล[ฆ่าสังเวยเลือด]อยู่ที่ 87% นั่นหมายความว่าพลังโจมตีของดาบนั้นสูงขึ้นอีก 87%

เยี่ยม! ต้องขอบใจการต่อสู้ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่กับศัตรู ทำให้พลังโจมตีของผมในตอนนี้ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในเมืองป้าฮวงอย่างไม่ต้องสงสัย เทียบกันแล้วตอนนี้คงไม่มีใครจะสังหารมอนสเตอร์ได้ไวไปกว่าผมแล้วในตอนนี้

“กอย กอย กอย…”

เสียงคำรามของพวกผีดิบพร้อมกับที่พวกมันเร่งจังหวะกระโดดพุ่งเข้าใส่พวกเรา

“อี๋…….”

‘มัตฉะ’สีหน้าราวกับจะเป็นลม ผมรีบตะโกนบอกทันที

“ใครที่ทนกลิ่นสาปพวกมันไม่ได้ให้ปิดโหมดรับรู้กลิ่นของเกมส์ซะ แล้วลงมือฆ่ามันเด๋วนี้เลย!”

ส่วนตัวผมแล้วยังคงเปิดโหมดรับรู้ทางกลิ่นในเกมส์เอาไว้ เพราะมันทำให้ผมรับรู้ความสมจริงของเกมส์ได้มากขึ้นและเหล่ายอดฝีมือก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน เทียบกันแล้วกลิ่นของเจ้าพวกตายซากนี่ยังไม่ถือว่าเท่าไหร่ สมัยที่ผมยังเป็นทหารรับจ้างอยู่นั้น บางครั้งก็ติดอยู่ในสนามรบเป็นเวลานานเป็นอาทิตย์ต้องทนกับกลิ่นศพคนตายตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพราะงั้นกลิ่นแค่นี้ถือว่าธรรมดากับผมมาก

เมื่อหันไปยังฝูงผีดิบกองกอยที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่าหนาตาไม่หยุดหย่อน ผมจึงยกดาบจักรพรรดิ์ฉินขึ้นพร้อมกับซัดออกอย่างรุนแรงด้วยสกิล[ดาบเจ็ดดารา] ส่งผลให้ตัวเลขค่าความเสียหายที่น่าหยดหยองลอยขึ้นมาเป็นแพ

4237!

4661!

4983!

10004!

………..

“เฮ้ย โอ้โห ดาเมจเป็นหมื่นเลยเรอะ…พลังโจมตีของเซียวเหยานี่มันทะลุมิติไปไหมเนี่ยะ ถ้าค่าดาเมจที่ทำได้เป็นหมื่นแบบนี้ ชั้นไม่อยากจะคิดเลยว่ะ ว่าพลังโจมตีของเค้าจะมีเท่าไหร่ถึงจะโจมตีได้รุนแรงระดับนี้”

‘ซ่งหาน’ตอบอย่างเรียบๆว่า

“ผมว่าน่าจะอย่างน้อยเป็นหมื่นนั่นแหละมั้ง?”

“บร๊ะเจ้า พลังโจมตีชั้นยังแค่ 6000เองว่ะ”

“อย่าเอาแต่ฝอย เร่งมือเข้า…..”

ที่แถวด้านหน้าของแนวตั้งรับที่ละลานตาไปด้วยทั้งดาบและโล่ที่รอรับการปะทะอยู่ และเมื่อพวกผีดิบมาถึงมันก็โดดพุ่งเข้าใส่อย่างไม่รอรี พร้อมกับใช้มือของมันแทงเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง

เสียง ‘สวบ สวบ สวบ’ดังไปทั่วก่อนจะทิ้งรูโบ๋ที่เต็มไปด้วยโลหิตไว้บนหน้าอกของผู้เล่นสายประชิดที่สวมเกราะหนักไว้

แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สร้างค่าความเสียหายได้มากกว่า 2000+ นี่มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่คิดเอาไว้แล้ว!

“ไอ้พวกผีลืมหลุม…..”

‘หรันหมิ่น’เหวี่ยงขวานของตัวเองหมุนไปรอบๆตัวก่อนจะเรียกใช้สกิล[คมพายุหมุน]เพื่อกวาดเอามอนสเตอร์ไปหลายตัวด้วยดาเมจที่ไม่น้อยหน้าใครๆ สังหารพวกผีดิบกองกอยไปหลายตัวด้วยสกิลเด็ดของเขา สมแล้วที่เป็นผู้กล้านักรบคลั่งหมายเลขหนึ่งของกิลด์ [Zhan Long] ด้วย’แม่ทัพหลี่มู่’ ‘แม่ทัพหวังเจี้ยน’ ‘เยว่ชิงเฉียน’และ’ซ่งหาน’ที่เป็นเสมือนขุนพลฝ่ายบุ๋น

ส่วน’หรันหมิ่น’ ‘ตงเฉิงเล่ย’และ’แม่ทัพไป๋ฉี’ที่เป็นขุนพลบู๊ พวกเราก็สามารถฟาดปากกับกิลด์ใหญ่อย่าง[Vanguard]ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อโดยไม่กลัวเกรง!

“กอย…”

เจ้าผีดิบตนหนึ่งส่งเสียงอย่างโหดร้ายก่อนจะโดดโถมเข้าใส่หรั่นหมิ่น และอ้าปากกว้างกัดเข้าที่คอของเขาไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าของหรันหมิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเพราะพิษที่แทรกเข้ามาในร่างซึ่งเป็นผลจากสกิล[พิษคร่าชีวา]ของมัน

500 !

500 !

500 !

………

ตัวเลขค่าความเสียหายลอยขึ้นมาไม่ขาดสายจนทำให้ซ่งหานต้องร้องเตือนขึ้นว่า

“ฮีลเลอร์ รีบฮีลหรันหมิ่นเร็วเข้า! อย่าปล่อยให้เค้าตายเพราะพิษผีดิบ….”

‘หรันหมิ่น’ที่ถอยออกมาได้พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“พวกเราระวังด้วย ไอ้ผีดิบพวกนี้ถ้าเลือดมันลดน้อยกว่า 10% เมื่อไหร่มันจะใช้[พิษคร่าชีวา]กะให้เราลงไปนอนในหลุมกับมันด้วย รีบฆ่ามันให้ตายตอนเลือดมันเหลือมากกว่า 10% และระวังอย่าโดนมันกัดเข้าล่ะ ไม่งั้น พวกนายจะเสียพลังชีวิตถึง 5000 ภายใน 10 วินาทีเท่านั้น แบบนี้ฮีลเลอร์ของพวกเรางานงอกแน่…..”

ถึงแม้คำเตือนนั้นจะถูกบอกต่อๆกันไปแต่แถวตั้งรับด้านหน้าของกิลด์ [Zhan Long] ก็ยังคงมีผู้เล่นที่ตกเป็นเหยื่อของพิษผีดิบตายไปคนแล้วคนเล่า ในที่สุดด้วยการโจมตีระลอกที่ห้านี้เอง ทำให้พวกเราเสียผู้เล่นไปจำนวนมาก แนวหน้าของเราเสียชีวิตไปหลายสิบแล้วภายในเวลาเพียง 10 นาที

นั่นทำให้พวกเราเริ่มขาดแคลนผู้เล่นสายประชิดสวมเกราะหนักซึ่งจะนำปัญหาใหญ่มาให้เราแน่ในการต่อสู้ต่อไป แน่นอนว่าถึงจะเทียบกับคนอื่นๆแล้วกิลด์ [Zhan Long] ยังสูญเสียน้อยกว่าผู้เล่นกลุ่มอื่นๆ ที่ทำการสู้รบอยู่ทางประตูด้านทิศเหนือซึ่งตอนนี้ต่างแตกกระจายแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง

เหลือเพียงบางกลุ่มที่ทำการยืนหยัดต่อสู้อยู่กับพวกผีดิบไม่ถึง 10 กลุ่ม กองทัพผีดิบเกือบจะกลืนเอาทัพของผู้เล่นหายไปเลย ทำเอาขวัญหนีดีฝ่อมิใช่น้อย

………

เมื่อเห็นภาพของเหล่าผีดิบที่มองไปทางไหนก็เจอแต่พวกมัน ‘หลินเสียวอู่’ ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมรำพึงขึ้นว่า

“ให้ตายสิ….รอบที่ห้านี่ยังโหดขนาดนี้เลย ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าอีกห้ารอบที่เหลือพวกเราจะสู้กับมันยังไง….”

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments