ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่ ‘จือ ซวนหยวน’ ได้ตัดสินใจเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องรำคาญจุกจิกเล็กน้อยของ’ชูเฟิง’อีกต่อไป เขาได้นำ’ชูเฟิง’มุ่งหน้าไปสู่สถานที่รังของราชาคางคกทมิฬ
ด้วยเหตุนี้มันอาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นคนที่ใจร้อนและไม่ต้องการรีรอหรืออารัมภบทอีกต่อไปแม้ว่าหุบเขาพันปีศาจนั้นมีพื้นที่ใหญ่และกว้างขวางมาก แต่ด้วยการที่พวกเขาเหาะอยู่บนฟ้านั้นมันทำให้พวกเขาสามารถเห็นพื้นที่ทั่วหุบเขาพันปีศาจทั้งหมดด้วยตาของพวกเขา
และนอกจากนี้’ชูเฟิง’ยังเป็นผู้เชื่อมต่อฯที่มีพลังอำนาจวิญญาณแข็งแกร่งมากฉะนั้นการที่เขาจะค้นหารังของราชาคางคกทมิฬนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนะ และส่วนหนึ่งมันก็มาจากข้อมูลในแผนที่ของเขาด้วยเช่นกันต้องบอกก่อนว่ารายละเอียดในแผนที่ทั้งหมดนั้นได้ถูกจดจำเอาไว้และฝังรากลึกเข้าไปในสมองของ’ชูเฟิง’โดยที่ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆแม้แต่เล็กน้อย
และในที่สุดด้วยการเหาะที่รวดเร็วของ ‘จือ ซวนหยวน’ ‘ชูเฟิง’ก็ได้มาถึงสถานที่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ของราชาคางคกทมิฬมันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยโขดหินขนาดใหญ่ที่ไม่เท่ากันและรายล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สูงเสียดฟ้าและในสถานที่ป่าหินนั้นก็ยังเต็มไปด้วยสัตว์ยักษ์ที่สัญจรไปมา
ภายในพวกมันนั้นก็ยังมีสัตว์ยักษ์ถึงสองตัวที่อยู่ในระดับแดนสวรรควิญญาณถึงแม้ว่าพวกมันจะดูเหมือนเดินผ่านไปผ่านมาเฉย ๆ แต่แท้จริงแล้วพวกมันนั้นกำลังลาดตระเวนอยู่ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าสถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นรังหลบซ่อนตัวของพวกมันอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเหตุใดถึงได้มีเหล่าสัตว์ยักษ์ที่ดูน่ากลัวและดุร้ายมากมายมาคอยเฝ่าระวังอยู่ในสถานที่แห่งนี้กัน
“เป็นเช่นไรล่ะ อาวุโส ซวนหยวน เห็นรึยังว่าข้านั้นไม่ได้หลอกลวงท่าน?”
ในขณะที่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จือ เชียนเหยียน’ หลบซ่อนอยู่ในป่า’ชูเฟิง’ก็ได้กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจถึงข้อมูลที่เขามีและตราบใดที่เขาได้พบกับสถานที่แห่งนี้มันก็หมายความแล้วว่าเขานั้นไม่ได้หลอกลวง ‘จือ ซวนหยวน’
“อืม ไม่เลว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยเช่นเจ้านั้นจะเป็นคนที่ไม่ได้เรียบง่ายถึงเพียงนี้ การที่เจ้าได้กลายเป็นผู้เชื่อมต่อฯชุดเทาด้วยวัยเพียงแค่นี้และยังมีพลังอำนาจตรวจจับที่แข็งแกร่งนับได้ว่าเจ้ามีความสามารถที่ถือว่าไม่เลวเลยจริงๆ”
‘จือ ซวนหยวน’ พยักหน้าด้วยความรู้สึกที่พึงพอใจแล้วกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“อืมสำหรับเด็กหนุ่มเช่นเจ้าข้ายังไม่ได้ถามเลยว่าเจ้ามีชื่อเรียกว่าเช่นไร”
‘ชูเฟิง’ครุ่นคิดถึงคำถามก่อนหน้านี้สักพักก่อนที่เขาจะหาวิธีว่าควรตอบคำถามของ ‘จือ ซวนหยวน’ เช่นไรสำหรับชื่อของเขาแต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่บิดบังชื่อของเขาจากผู้เชียวชาญท่านนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวไปตามความจริง
“ข้าน้อยมีชื่อว่า ชูเฟิง”
“อ่ามันเป็นชูเฟิง นับได้ว่าเป็นชื่อที่ไม่เลว งั้นชูเฟิงข้าขอให้เจ้าโชคดี!”
ทันใดนั้น ‘จือ ซวนหยวน’ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มที่แปลก
3 : ความหมายที่แอบแฝงของตาเฒ่า จือ ซวนหยวน คือ “ชูเฟิงกูขอให้มึงโชคเลือด!”
“อาวุโส ซวนหยวน นี่ท่านกำลังหมายความว่าเช่นไร”
เห็นเช่นนั้น’ชูเฟิง’ขมวดคิ้วของเขาเล็กน้อยและตระหนักได้ว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เขาจึงได้ถอยห่าง
“เดี้ยวเจ้าก็รู้เอง”
เพียงในเวลานั้นฝ่ามือของ ‘จือ ซวนหยวน’ ได้จับไปที่ไหล่ของ’ชูเฟิง’และเหวี่ยงแขนของเขาเหมือนกับกำลังจับหุ่นไร่กาอยู่อย่างใงอย่างงั้น เขาได้โยน’ชูเฟิง’ออกไปให้ห่างไกลจากตัวเขาทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจน’ชุเฟิง’นั้นไม่ทันได้ตั้งตัวเขาถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงและเข้าไปยังป่าหิน
ด้วยพลังที่แข็งแกร่งมันทำให้เขาเสียสูญจนใบหน้าของเขานั้นได้กระแทกเข้ากับพื้นดินและรากออกไปเป็นทางยาวพร้อมสร้างหลุมลึก
“บัดซบ!!!”
หลังจาก’ชูเฟิง’ได้ยืนขึ้นมาด้วยใบหน้าที่รู้สึกชาของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะต้องสาปแช่งในใจเพราะทันทีที่เขาลุกขึ้นมาเขาก็ได้ถูกล้อมลอบไปด้วยเหล่าสัตว์ยักษ์และในด้านหน้าและด้านหลังของเขาก็ยังมีสัตว์ยักษ์ที่อยู่ในแดนสวรรควิญญาณที่คอยปิดกันทางหนีทั้งหมดของเขาอยู่
“นี่มันเป็นเด็กเหลือขอจากพวกมนุษย์อย่างนั้นรึ? ไปจับมันมา!”
หนึ่งในสัตว์ยักษ์แดนสวรรค์วิญญาณได้จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ซึ่งมันอาจจะเห็นได้อยู่แล้วว่าพวกมันนั้นมีความรู้สึกที่เกลียดชังต่อมนุษย์เป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันได้พบ’ชูเฟิง’พวกมันกลับเลือกที่จะไม่ฆ่าเขาโดยตรงแต่เลือกที่จะจับเขาแทน
ซึ่งหลังจากที่ชูเฟิงถูกจับพวกมันได้ผูกเขาไว้ด้วยเชือกพิเศษและพาตัวเขาไปยังสถานที่ลึกของป่าหินอาจกล่าวได้ว่ามันกำลังพา’ชูเฟิง’ไปยังรังของพวกมันทันที’ชูเฟิง’ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกมากจนเกินไปนักเขาได้คิดอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบในหัวของเขาว่าเหตุใดทำใม ‘จือ ซวนหยวน’ ถึงได้ทำเช่นนี้กับเขา?
ตัว’ชูเฟิง’เองนั้นไม่มีเหตุใดที่จะเป็นอันตรายต่อเขาซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้บ่งบอกแล้วว่าชายชราผู้นี้นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและยังเป็นที่แน่ชัดอีกว่าเขานั้นไม่ได้ทราบเรื่องบาดหมางระหว่างเขาและ ‘จือหลิง’ และก็ยังไม่ทราบอีกด้วยว่าเขานั้นเป็นผู้หลบหนีในท้ายที่สุดแล้วเขาคิดถึงความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่าง
อย่างแรก ‘จือ ซวนหยวน’ ต้องการที่จะใช้เขาเป็นนกต่อเพื่อดึงดูดความสนใจของเหล่าสัตว์ยักษ์หลังจากที่เขายังไม่ทราบแน่ชัดว่าในรังของราชาคางคกทมิฬนั้นได้มีกลไกลหรือกับดักแบบไหนซ่อนอยู่บ้าง ดังนั้นมันจึงไม่เป็นผลดีที่จะผลีผลามบุกรุกเข้าไปในตอนนี้
ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาคือการปล่อย’ชูเฟิง’ให้เป็นตัวทดสอบกลไกลทั้งหมดที่อยู่ในรังของมันแต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ว่า ‘จือ ซวนหยวน’ นั้นยังคงมีความระมัดระวังต่อ’ชูเฟิง’อยู่ เขากลัวว่า’ชูเฟิง’อาจเป็นสายลับที่ส่งมาจากสัตว์ยักษ์ฉะนั้นเขาจึงต้องการที่จะทดสอบดูว่าสัตว์ยักษ์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
หลังจากที่ได้เห็น’ชูเฟิง’และท่าเป็นเช่นนั้นมันก็ยังพิสูจน์ได้อยู่ว่าอย่างน้อง ‘จือ ซวนหยวน’ นั้นไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเขาโดยตรงฉะนั้น’ชูเฟิง’จึงไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องมาคอยกังวลเพราะเขาสามารถรับรู้ได้ว่าไม่ช้าก็เร็ว ‘จือ ซวนหยวน’ จะต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน
เพราะ ‘จือ ซวนหยวน’ นั้นมีความต้องการที่จะช่วยหลานสาวของเขาเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน’ชูเฟิง’ก็ได้คบคิดถึงกลุ่มของเหล่าสัตว์ยักษ์ที่พาเขามาจากป่าหินโดยที่ยังไม่ได้หยุดพักทุกที่บนผนังถ้ำ มีรูปภาพพิเศษต่างสลักเอาไว้อยู่ ส่วนใหญ่มันจะเป็นภาพของเหล่าสัตว์ยักษ์
แต่ก็ยังมีภาพของมนุษย์ด้วยเช่นกัน และแม้แต่ภาพที่มนุษย์ได้ต่อสู้กับเหล่าสัตว์ยักษ์ก็ยังมีด้วยการคาดเดาของ’ชูเฟิง’เขาคิดว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังพวกนี้จะต้องมีความหมายอยู่เบื่องหลังเป็นแน่โดยเฉพาะภาพเหล่านี้นั้นมันได้ถูกวาดขึ้นมาเป็นเรื่องราวที่ว่าเหล่ามนุษย์นั้นได้ข่มขู่และข่มเหงเหล่าสัตว์ยักซ้ำยังมอบความอัปยศให้แก่เหล่าสัตว์ยักษ์อีกซึ่งในข้อสรุปคร่าว ๆ
แล้วมนุษย์ในมุมมองของเหล้าสัตว์ยักษ์นั้นก็เหมือนดั่งปีศาจที่ชั่วร้ายและมันอาจจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหล่าสัตว์ยักษ์นั้นมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนกับมนุษย์มาแล้วตั้งแต่สมัยโบราณแต่สำหรับ’ชูเฟิง’แล้วเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น สิ่งที่เขาเป็นกังวลคือสิ่งที่สัตว์ยักษ์เหล่านี้นั้นกำลังพาเขาไปที่ใดแต่มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เพราะสิ่งที่เขาเป็นกังวลนั้นจะได้รับรู้ในเร็ว ๆนี้ หลังจากที่ใช้เวลานานในการเดินทางเขาก็ได้มาถึงข้างในใจกลางของถ้ำเสียที พื้นผิวของมันนั้นเป็นขรุขระแต่ก็มีความกว้างขวางและใหญ่มากซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเหมือนราวกับพระราชวัง
แต่ถ้านำไปเทียบกับพระราชวังสีทองแพรวพราวที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วนั้นสถานที่แห่งนี้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับท่อระบายน้ำทิ้งหรือแหล่งหมักหมมต่อสิ่งสกปกเท่านั้นแต่หนึ่งก็ต้องยอมรับก่อนว่าพระราชวังที่เหล่าสัตว์ยักษ์สร้างขึ้นมานั้นเป็นที่หลบซ่อนชั้นดีอาจกล่าวได้ว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถหาเจอเสียสะด้วยซ้ำ
แต่สำหรับรสนิยมในเรื่องความสวยงามแล้วนับว่าเป็นปัญหาใหญ่เพียงหนึ่งเดียวสำหรับของพวกมันที่มีอยู่ในตอนนี้และที่ว่ามาทันทีภายในพระราชวังขนาดใหญ่ก็ได้มีเหล่าสัตว์ยักษ์อาศัยอยู่ในนั้นราว ๆหนึ่งพันตน
พวกมันยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยของทั้งสองฝั่งในพระราชวังและพลังวิญญาณของพวกมันทุกตนนั้นก็นับได้ว่าไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อยพวกมันทั้งหมดล้วนแล้วอยู่ในแดนแก่นแท้วิญญาณแต่ถ้าบอกว่าหนึ่งในพวกมันนั้นใครเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงจะเป็นตัวที่นั่งอยู่บัลลังโครงกระดูกมันคือปีศาจที่มีร่างกายเป็นมนุษย์
แต่หัวของมันจริงๆเป็นคางคกและมันยังเป็นหัวคางคกสีดำทมิฬอีกด้วย มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา บางทีมันอาจอยู่ในระดับเดียวกันกับ ‘หลิน เยว่เยว่’ หรือไม่ก็อาจแย่กว่ามากนักแต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามันจะรูปร่างที่อัปลักษณ์และน่าขยะแขยงแต่พลังวิญญาณของมันนั้นกล่าวได้ว่าลึกล้นพ้นอย่างแท้จริง
อย่างน้อยๆในตอนนี้อำนาจผู้เชื่อมต่อฯอย่างชูเฟิงนั้นก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบพลังวิญญาณของมันได้แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าขยะแขยงของมันควบคู่ไปกับระดับพลังวิญญาณที่ลึกล้นพ้นเช่นนี้
‘ชูเฟิง’ไม่สามารถคิดอะไรเป็นอื่นไปได้นอกจากราชาคางคกทมิฬแต่นั้นไม่สำคัญที่สำคัญจริง ๆคือในใจกลางของพระราชวังนั้นพวกมันได้รวบรวมคนกลุ่มหนึ่งเอาไว้ คนกลุ่มนี้คือกลุ่มเดียวกันกลับที่เขาได้เข้าร่วมมาอยู่ก่อนหน้านี้ในนั้นมีทั้ง ‘จือหลิง’ ‘หลิว จือซุน’ และคนอื่นๆ พวกเขาได้ถูกผูกเอาไว้ด้วยเชือกพิเศษเช่นเดียวกับ’ชูเฟิง’
“ชูเฟิง ?!”
พอเห็น’ชูเฟิง’ ‘หลิว จือซุน’ และคนอื่น ๆ ถึงกับผงะใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบเจอ’ชูเฟิง’เร็วเช่นนี้ในสถานที่แห่งนี้
หลังจากที่ได้เห็นพวกเขา’ชูเฟิง’ก็รู้สึกมีความสุขในใจของเขาเพราะตอนนี้เขาได้เห็น ‘จือหลิง’ และคนอื่นๆแล้ว นั้นหมายความว่าการเดินทางครั้งนี้ของเขานั้นนับว่าไม่เสียป่าวนอกจากนี้ชูเฟิงยังได้พบอีกว่ากระโปรงสีม่วงของ ‘จือหลิง’ นั้นยังไม่ได้รับความเสียหายอันใด
และท่าทีของเธอนั้นก็ยังอยู่ในความสงบเสงี่ยมนั้นก็สามารถบอก’ชูเฟิง’ได้อย่างหนึ่งแล้วว่า’จือหลิง’ ยังไม่ได้รับมลทินใด ๆจากพวกเหล่าสัตว์ยักษ์เธอยังคงรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้อยู่
#################################################################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ
1 : ควยไรว่ะไอ้แก่ ซวนหยวน มีกล้าโยนบักเฟิงของกูออกไปเช่นนั้นได้เยี้ยงไร หือ!!! มันน่านัก
2 : เออถ้าบักเฟิงกูตายไปมึงจะทำยังใงห่ะไอ้แก่ ซวนหยวน!! ตัวละครแบบนี้แม้งน่าโละทิ้ง ๆไปซะ
1 : เดี้ยวก่อน ๆชตากรรมมึงจะเป็นแบบเดียวกับจูเกอหลิวหยุน แรกๆอย่างโหดหลังนี่แค่กระโดดเตะก็ตาย 555 เดี้ยวมึงจะ
ได้ตกอยู่ในสภาพนั้นแน่ไอ้แก่ ไอ้ขี้กาก กล้าทำบักเฟิงกูตอนยามอ่อนแอ หืย!!!! มันน่านัก
3 : ใครจะว่าใงกูไม่สนกูสนอย่างเดี้ยวทำใม ปีศาจอย่างมึงๆไม่ฆ่ามันไปเลยว่ะไอ้สัตว์ยักษ์มึงจะรอให้เก่งขึ้นมาก่อนรึยังใง
หรือต้องให้มันเก่งในระดับที่ไปเยียบหน้าพ่อหยามเมียมึงเลยใงถึงจะคิดได้ว่าน่าจะฆ่ามันไปซะตั้งแต่แรกที่เห็น หืยพูด
แล้วขึ้นไอ้ปีศาจหัวดอไอ้สมองเท่าเม็ดถัว ตัวประกันก็มีแล้วตั้งเยอะแยะมึงจะฆ่ามันไปสักคนสองคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ไรหรอกหมางงง หึย!! ถ้าแม้งไม่ใช่พระเอกนะ!!!
1 : มีปัญหาไรว่ะ 3 ไม่ใช่พระเอกแล้วจะทำใม??
2 : เออบักเฟิงอ่ะที่ 1 ในใจนิยามพี่เขา “ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าเป็นศัตรูกับบักเฟิงบอกเลยคำว่าตายยังไม่เพียงพอ เมียมันต้อง
ถูกย่ำยี่และขยี่!! ขยี่!!! พี่เฟิงไม่ได้กล่าวเอาไว้แต่กูชอบนิยามนี้!!
3 : ทำใมกูแอนตี้บักเฟิงแล้วมันหนักหัวใครไม่ทราบ
1,2 : หนักหัวติ่งบักเฟิงอย่างพวกกูใง!!
3 : ทีม 3 ยกมือ!!
#################################################################################################
…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..
หากมีใครสงสัย คำว่า ลึกล้นพ้น ผมไปถามให้แล้วว่ามันคล้ายๆกับคำว่า ยากแท้หยั่งถึง หรือ สุดจะหยั่ง
ที่มา: