ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปมันอาจกล่าวได้ว่าในมุมมองของ’ชุเฟิง’คำพูดของ ‘ต้าน ต้าน’ นั้นเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุด แม้ว่า ‘ต้าน ต้าน’ จะเป็นอสูรโลกวิญญาณแต่เธอก็มีความรู้ที่มากเกี่ยวกับผู้เชื่อมต่อฯอย่างแท้จริง
แม้ว่าเธอนั้นจะอาศัยอยู่ในภพของพวกอสูรโลกวิญญาณแต่เธอกับสามารถมีความเข้าใจทุกสิ่งในโลกใบนี้และยังมีทักษะลับพิเศษเฉพาะของผู้เชื่อมต่อฯที่แม้แต่เหล่าผู้เชื่อมต่อฯที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมายก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับทักษะพิเศษที่เธอกล่าวมา
ฉะนั้นแล้ว’ชูเฟิง’จึงได้สงบสติอารมณ์ของตังเองลงแล้วเริ่มที่จะเดินทางไปทั่วทวีปเก้าอาณาจักรเขาหลีกเหลี่ยงการฆ่าเหล่าศิษย์ของขุมพลังอำนาจทั้งหกและพยายามหาทรัพยากรอย่างสงบเขาค้นหาสุสานของผู้เชียวชาญนิรนามเรื่อยมาตลอดการเดินทางของเขาเพื่อที่ดูดซับแหล่งพลังงาน
เพียงแค่พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปนับหลายเดือน ออร่าของเด็กน้อยใสซื่อได้จากหายไปจากใบหน้าของ ‘ชูเฟิง’และ’จือหลิง’
‘จือหลิง’เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและกลายเป็นสวยงามมากยิ่งขึ้น ‘ชูเฟิง’กลายเป็นผู้ชายมากขึ้นและมากขึ้นอย่างกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และในปีนี้’ชูเฟิง’ก็ได้อายุ 17 ปี ส่วน’จือหลิง’นั้น 16 ปี
ในช่วงเวลานี้’ชูเฟิง’และ’จือหลิง’นั้นไม่ได้ตั้งหลักปักฐานที่ไหนพวกเขาได้เดินทางไปทั่วทั้งเก้าอาณาจักรและความจริงพวกเขายังได้ค้นพบซากโบราณสถานมากมายของเหล่าผู้เชียวชาญที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
‘ต้าน ต้าน’ และ อสูรโลกวิญญาณของ ‘จือหลิง’ นั้นได้รับผลประโยชน์จากการเดินทางครั้งนี้ไปเต็ม ๆ
3 : อสูรโลกวิญญาณที่หมายถึงนี้ไม่ได้แปลว่าเป็นเผ่าอสูรนะ แต่แค่ใช้เรียกแทนเฉย ๆ ก็เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นคนของโลกวิญญาณ แต่ถ้าจะให้เรียกว่า*มนุษย์โลกวิญญาณ*มันก็ดูแปลกๆ เพราะฉะนั้นเลยเรียกว่าอสูรโลกวิญญาณ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นเผ่าอสูรโลกวิญญาณนะ
อสูรโลกวิญญาณของ ‘จือหลิง’ นั้นได้บุกฝ่าไปในแดนสวรรค์ระดับที่ 3 ได้สำเร็จแต่ในขณะเดียวกัน ‘ต้าน ต้าน’ ก็ได้บุกฝ่าเข้าในดินแดนแก่นแท้ระดับที่ 9 ซึ่งระดับพลังวิญญาณของเธอในตอนนี้นั้นก็ได้นำ’ชูเฟิง’เป็นที่เรียบร้อย
และในความเป็นจริงตลอดระยะเวลาการเดินทางมานี้’ชูเฟิง’ได้รับทรัพยากรมานั้นไม่ได้เป็นจำนวนน้อย อาจกล่าวได้ว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลมากสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับเขามันเล็กน้อยมากเพราะด้วยตันเถียนของเขาที่ต้องใช้ทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งและมหาศาลมันจึงทำให้เขายังคงติดอยู่ที่ระดับ 6 ของแดนแก่นแท้วิญญาณ
เขาทำได้เพียงแค่กัดฟันของเขาและอดทนต่อไปเท่านั้นขีดจำกัดสองปีในการช่วยเหลือ ‘ซูรู่’และ’ซูเหม่ย’ เริ่มที่จะลดลงเรื่อย ๆ และเวลาของเขาที่เหลืออยู่ในตอนนี้นั้นมันชั่งน้อยนิดเหลือเกินมันจึงทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างมากและในตอนนี้หลังจากที่ ‘จือหลิง’ พยายามที่จะบุกฝ่าและล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่เพียงแค่ในเวลานี้เธอได้ประสบความสำเร็จเธอในตอนนี้นั้นสามารถบุกฝ่าเข้าไปยังแดนสวรรค์วิญญาณได้เป็นที่เรียบร้อยและในขณะที่เธอสามารถบุฝ่าเข้าไปยังแดนสวรรค์ได้สำเร็จก็ได้เกิดปรากฏการท้องฟ้าแจ่มใสและแสงแดนที่ถ่ายถอดลงมานั้นเป็นสีม่วงอ่อน ๆ
และปรากฏระฆังสีม่วงขึ้นบนท้องฟ้ามันได้สลายเมฆที่อยู่โดยรอบไปทั้งหมดและส่งแสงออร่าสีม่วงมาที่ ‘จือหลิง’แต่ยังนับว่าโชคดีนักที่ปรากฏการนี้เป็นขนาดเล็ก และนอกเหนือไปจากนี้’ชูเฟิง’และ’จือหลิง’ก็ยังได้ซ่อนตัวอยู่ที่หุบเขาร้างแห่งนึ่งจึงไม่จำเป็นต้องกลัวใด ๆ ว่าจะมีผู้อื่นมาเห็น
หลังจากที่ประสบความสำเร็จ ‘จือหลิง’ ก็ได้หันกลับไปจ้องมองที่’ชูเฟิง’และพูดกับเขาในสิ่งที่เธอได้คิดเอาไว้อยู่ในใจมาเป็นเวลานาน
“ชูเฟิงข้าจะออกไปจากถ้ำนี้ แล้วลองกลับไปที่สำนักเทพอัคคี หลังจากที่เข้าสู่แดนสวรรค์ได้แล้วมันทำให้พลังอำนาจของข้านั้นก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ข้าเชื่อว่าข้าในตอนนี้นั้นสามารถที่จะรับมือกับอดีตเจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักเทพอัคคี ที่อยู่ในระดับ 6 แดนสวรรค์ได้อย่างแน่นอน.”
“ข้าอยากจะไปที่สำนักเทพอัคคีและไปปล้นสมบัติของมันที่สะสมมานานนับพันปีมาทั้งหมด และข้ามันใจได้เลยว่าของเหล่านั้นทั้งหมดจะสามารถทำให้เจ้าบุกฝ่าไปยังระดับ 7 แดนแก่แท้ได้อย่างแน่นอน”
‘จือหลิง’ กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ไม่.”
แต่’ชูเฟิง’กับปฏิเสธในทันทีเพราะเขารู้ว่าแม้ความแข็งแกร่งของ ‘จือหลิง’ จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและเธอยังเป็นผู้ใช้อำนาจร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรมาจากสวรรค์แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหันหน้าไปยังผู้ที่อยู่ระดับ 6 แดนสวรรค์มันทำให้เธอไม่มีความมั่นใจมากนักและแน่นอนว่ามันมีความเสี่ยงมากเกินไป
และหลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน’ชูเฟิง’สามารถยืนยันความรู้สึกของเขาที่มีต่อ ‘จือหลิง’ ได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นรักเธอจริงๆ เขารักเธอสุดหัวใจแล้วพร้อมที่จะเดิมพันชีวิตตัวเองทั้งหมดเพื่อปกป้องนาง
แม้ว่าตัวเองนั้นจะได้รับบาทเจ็บสาหัสเจียนตายเขาก็ยอม…ถึงแม้ว่าภายนอกของ ‘จือหลิง’ จะดูเย็นชาและปกคลุ่มไปด้วยน้ำแข็งที่ปิดกั้นความรู้สึกของเธอ และเพื่อผลประโยชน์เธอยินดีที่จะใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีแต่ถ้าทำเพื่อ’ชูเฟิง’แล้วล่ะก็เธอก็พร้อมที่จะพุ่งชนกับทุกอย่าง
ไม่ว่าผลประโยชน์ของการต่อสู้ทั้งหมดจะตกเป็นของ’ชูเฟิง’ก็ตามเธอก็จะไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเธอเองเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อชิงสมบัติมาให้’ชูเฟิง’เมื่อหันไปมองผู้หญิงที่สามารถทำเพื่อเขาได้ถึงขนาดนี้’ชูเฟิง’จึงไม่อาจที่จะปล่อยเธอไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเขาได้อีก
เพราะเขานั้นรัก ‘จือหลิง’ อย่างแท้จริงและเขาก็อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือของเขาทั้งหมดเพื่อที่จะได้อยู่กับเธอ
“ชูเฟิงโปรดเชื่อข้า ข้าสามารถกลับออกมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับสมบัติทั้งหมด”
‘จือหลิง’ กล่าวออกมาอย่างมั่นใจและใบหน้าของเธอนั้นยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
“ถ้าอย่างนั้น ให้ข้าไปกับเจ้าด้วย”
‘ชูเฟิง’กล่าว
“ไม่”
แต่หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ‘จือหลิง’ ปฏิเสธในทันที
“ทำใม? หากเจ้ามีความมั่นใจจริงเหตุใดถึงไม่ให้ข้าไปด้วย? มันเป็นเพราะว่าเจ้ากลัวที่จะพ่ายแพ้ให้กับอดีตเจ้าสำนักรุ่นก่อนของสำนักเทพอัคคีใช่หรือไม่.”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงล่ะก็อย่างน้อยถ้าเจ้าจะตาย ข้าก็ต้องตายไปกับเจ้าด้วย.”
‘ชูเฟิง’ตอบสวนกลับ
“ข้า…”
ทันที ‘จือหลิง’ อยากที่จะเถียงกลับ แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ ท้ายที่สุดเธอก็ได้ก้มหน้าลงและไม่เอ่ยคำพูดใดอีก
“จือหลิง ถ้าหากเจ้ารักข้าจริง ๆ ข้าขอหลับนอนกับเจ้าสักครั้งได้หรือไม่”
“ข้าเคยบอกว่าเจ้านั้นเป็นผู้ใช้ร่างกายศักดิ์สิทธิ์และถ้าหากเจ้าได้หลับนอนกับข้าบางทีมันอาจสามารถปุกพลังบางอย่างในตัวของข้าให้ตื่นขึ้นมาและมันช่วยให้ข้าบุกฝ่าเข้าไปในระดับ 7 แดนแก่นแท้เลยก็เป็นได้”
‘ชูเฟิง’พูดอีกครั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่’ชูเฟิง’พูดแบบนี้กับ ‘จือหลิง’ ในช่วงแรก ๆ เขาทำเป็นเพียงแค่พูดล้อเลียนนางเท่านั้น แต่ในช่วงหลัง ๆ มานี้เขาเริ่มที่จะจริงจังมากขึ้น ตลอดเวลาที่เขาไปร่วมเดินทางกับ’จือหลิง’มานั้นเขายังไม่อาจสัมผัสร่างกายที่งดงามของเธอได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดที่สุดในโลกสำหรับเขาในตอนนี้ท้ายที่สุด’ชูเฟิง’ก็ได้บอกถึงความหมายที่แท้จริงของเขาออกไป ตราบใดที่เขาได้หลับนอนกับ ‘จือหลิง’ บางทีมันอาจมีโอกาศที่จะปลุกพลังอำนาจสายฟ้าศักดิ์สิทธ์ในร่างกายของเขาให้ตื่นขึ้นมาและด้วยเหตุผลนั้นมันอาจช่วยเพิ่มระดับพลังวิญญาณของเขาเป็นอย่างมาก
และบางทีเขาอาจเข้าใจพลังงานในรูปแบบใหม่ทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจกับมันมากนักแต่อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาสที่จะลองเสี่ยงดูแต่หลังจากที่ ‘จือหลิง’ รู้ความจริงเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไปอย่างใจร้าย แม้ว่า ‘จือหลิง’ จะเสียสละให้’ชูเฟิง’ได้ทุกอย่างแต่มีเพียงแค่เรื่องนี้อย่างเดียวเท่านั้นที่นางไม่สามารถทำเพื่อ’ชูเฟิง’ได้
“ชูเฟิงการที่เจ้าเข้ามาหาตัวข้านั้นมันเป็นเพราะว่าเจ้าชอบข้าจริง ๆ หรือเพียงแค่ต้องการพลังอำนาจจากร่างกายของข้ากันแน่?”
ทันใดนั้นสายตาของ ‘จือหลิง’ ก็กลายเป็นเคร่งขรึมในทันที
“ข้า…”
ทันที’ชูเฟิง’รู้สึกลังเลเล็กน้อย ถ้ามันเป็นก่อนหน้านี้ล่ะก็แน่นอนว่าเขาจะพูดออกไปอย่างไม่ลังเล.
“แน่นอนว่าข้านั้นชอบเจ้า!”
แต่มันแตกต่างกันแล้วในเวลานี้ เพราะเขานั้นรัก ‘จือหลิง’ อย่างแท้จริงจนไม่สามารถห้ามใจของตัวเองได้อีกแล้วและเขาก็ยินดีที่จะเสียสละตัวเองเพื่อเธอ ดังนั้นเมื่อหันหน้าไปทางผู้หญิงที่เขารัก’ชูเฟิง’ทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องหลอกลวงเธอ
ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงได้ทนกัดฟันของเขาและพูดออกไปกับ ‘จือหลิง’ ว่า
“ข้าขอยอกมรับว่าตอนแรกข้านั้น…”
“พอได้แล้ว”
แต่ก่อนที่’ชูเฟิง’จะพูดจบ ‘จือหลิง’ ก็ได้ใช้มือของเธอปิดปากของ’ชูเฟิง’เอาไว้จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มหวานออกมาพร้อมกับกล่าวว่า
“ที่ผ่านมามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ข้ารู้เพียงแค่ว่าข้าในตอนนี้นั้นรักเจ้ามากแค่ไหนและข้าก็หวังว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนข้าข้าหวังว่าเจ้าจะรักข้าเหมือนอย่างที่ข้ารักเจ้า ข้าสามารถให้เจ้าได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้ ข้ายังมีปัญหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ฉะนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเข้าใจข้า”
ขณะที่เธอพูดคำเหล่านั้นออกมา ‘จือหลิง’ ยังคงมีรอยยิ้มหวานที่งดงามบนมุมปากของเธอ แต่ในดวงตาของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่สะท้อนแสงและโปร่งใส จากนั้นมันก็ได้ไหลลงมาอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำในลำทานลงมาบนแก้มของเธอ
“จือหลิง ข้าขอโทษ มันเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามีปัญหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่”
“ข้าขอสัญญาว่าข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ข้าจะไม่ทำให้เจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้อีก”
เมื่อเห็นเช่นนั้น’ชูเฟิง’จึงได้รีบเช็ดน้ำตาของนางในทันที มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ‘จือหลิง’ ร้องไห้ในทันทีจากที่’ชูเฟิง’นั้นมักเป็นคนที่สงบเสงี่ยมอยู่เสมอเขาก็ได้ตื่นตระหนกย่างแท้จริง
เขาตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างมาก เพราะเขารู้สึกว่า ‘จือหลิง’ ในตอนนี้นั้นได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากจริง เขาสามารถรับรู้ได้ว่า ‘จือหลิง’ ในตอนนี้นั้นได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เจ็บปวดรวดร้าวและใจแตกสลายถ้าเขาสามารถหยุดน้ำตาของ ‘จือหลิง’ ได้ต่อให้ทำอะไรเขาก็ยอม
แม้ว่า ‘จือหลิง’ จะเอามีดมาแท่งเขาเป็นร้อยครั้งเขาก็ยอมเขาได้สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องหลับนอนกับ ‘จือหลิง’อีกแม้ว่า ‘จือหลิง’ จะไม่ยอมให้เขาทั้งชีวิตทั้งหมดของเธอเขาก็จะไม่พูดถึงมันอีกทั้งชีวิตเพราะว่าเขาในตอนนี้นั้นได้รัก ‘จือหลิง’ มากกว่าที่จะดูดซับพลังอำนาจของเธอ
#################################################################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 3 หัวดอที่จะมาเผาชูเฟิงไปพร้อมกลับคุณ
1 : นั้นแหละครับท่านผู้ชม มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่ง
2 : เห้ออยู่ด้วยกันเป็นผัวเป็นเมียแต่เยสกันไม่ได้นี่แลดูทรมานดีนะ
1 : นั้นดิสงสารชูเฟิง
2 : ช่ายยยยย น่าสงสาร
3 : ซูรู่ ซูเหม่ย ก็มีมึงจะไปส่งสารมันทำใม
1 : ก็พวกนางยังโดนขังอยู่ใง และก็อีกอย่างชูเฟิงอยู่อย่างใกล้ชิดกับจือหลิงมานานหลายเดือนมึงรองคิดดูนะทุก ๆ วันที่อยู่ใกล้กับหญิงสวยขนาดนั้นมันจะไม่เงี่ยนกันบ้างหรอนี่ขนาดแตะตองยังอะไรไม่ได้มากเลย เห้อสงสารอสุจิที่ถูกกังขังเป็นเวลานาน บางทีพวกมันก็อยากจะออกมาดูโลกภายนอกบางก็ได้
3 : นี่มึงสงสารชูเฟิงหรืออสุจิมันกันแน่ว่ะเอาให้ชัว
2 : แหม่ 1 นายก็คิดมากไปบางทีบักเฟิงเรามันอาจแอบไปเหนี่ยวมาก็ได้
3 : เออและอีกอย่างไม่กี่ 10 บทข้างหน้าก็มีตัวละครใหม่โพล่มาและแถมเด็ดซะด้วยขนาดชูเฟิงยังต้องก้มหัว
1 : ใครว่ะ???
3 : อยากรู้อ่ะดิก็ตามดูเอาเองดิครับ
1 : หื้มมึงเอามายั่วแบบนี้เลยงั้นหรอ!!!!!!!
3 : เออมีปัญหาไรป่ะ?!
#################################################################################################
…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน####…..
ข้าจะไม่ธรรมให้เจ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้อีก
เกือบได้ฮากันแล้วไม๊ล่ะ . . . . .
ที่มา: