I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 332 – ดวงธาตุราชันย์ปีศาจ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

เมื่อเขาจ้องเข้าไปในกลุ่มฝูงชน พลันคลื่นมนุษย์จำนวนมากก็เปิดทางออกให้แก่เขา

คนที่นำอยู่บนเส้นทางนั้นคือชายและม้าคู่หนึ่ง ชายทั้งคู่ขี่ม้าศึกสีทอง ออร่าพลังของพวกเขานั้นแตกต่างออกไป พวกเขามีระดับพลังอยู่ในขั้นแก่นวิญญาณระดับสูงสุด และพวกเขาก็เป็นคนของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ

คฤหาสน์อันทรงเกียรตินั้นแข็งแกร่งอย่างมาก และคนที่มีระดับพลังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นแก่นวิญญาณนั้น จะได้รับตำแหน่งสูงๆ ภายในคฤหาสน์ และเมื่อบุคคลเช่นนี้ปรากฏตัวออกมา ย่อมไม่มีใครกล้าที่จะกีดขวางเส้นทางของพวกเขา

เหตุผลที่บุคคลเช่นพวกเขามาปรากฏตัวที่นี่นั้น เพราะพวกเขามาเปิดเส้นทางให้กับชายคนหนึ่งที่มีระดับพลังไทม่ธรรมดา ซึ่งอยู่ด้านหลังของพวกเขา และเขาคือสมาชิกของหนึ่งในขุมพลังที่ปกครองอาณาจักรจิตวิญญาณ นิกายโลกวิญญาณ

ในขณะนั้น มีสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณในบริเวณนั้นกว่าสองร้อยคน และทั้งหมดนั้นเป็นชายฉกรรณ์ทั้งสิ้น พวกเขามีอายุไม่เกินสามสิบปี ซึ่งเป็นรุ่นกลางๆ ของสมาชิกนิกายโลกวิญญาณ

นั่นทำให้ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เมื่อเขาเห็นเหล่าสมาชิกนิกายโลกวิญญาณ ภายในกลุ่มนั้นเขาบุคคลที่เขาคุ้นเคย ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับ ‘ชูเฟิง’ และคนๆ นั้นยังได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นของนิกายโลกวิญญาญ ‘กู๋โบ่’

“กู๋โบ่ !!”

เมื่อเห็นเขา ‘ชูเฟิง’ รีบโบกมือขึ้น พร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว

“หยุด !!”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไรออกมา ชายสองคนของคฤหาสน์อันทรงเกียรติ ก็ก้าวออกมาขวางทางเอาไว้ด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว

“ชูเฟิง !!”

เมื่อเห็น ‘ชูเฟิง’ ‘กู๋โบ่’ รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขารีบลุกขึ้น และกล่าวกับผู้เชี่ยวชาญของคฤหาสน์ว่า

“ท่านผู้อาวุโส เขาคือสหายของข้าเอง อีกทั้งเขายังเป็นสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณของเรา”

“โอ้ !!”

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าคนผู้นี้คือ ‘ชูเฟิง’ พวกเขากวาดสายตาไปที่ด้านหลังของ ‘กู๋โบ่’ ทันที คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของนิกายโลกวิญญาณทั้งสิ้น

“เจ้ารู้จักเขาเช่นนั้นรึ เหตุใดข้าจึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน”

ชายที่มีใบหน้าขาว กล่าวถาม กู๋โบ่ ออกมา

“ผู้อาวุโสหวัง บุคคลผู้นี้คือคนที่สามารถปีนขึ้นสู่ชั้นบนสุดของ หอคอยอสูรฟ้า ได้ในครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา เขาคือ ชูเฟิง”

‘กู๋โบ่’ กล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว

“อะไรนะ…..เขาคือ ชูเฟิง !!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกของนิกายโลกวิญญาณแล้วนั้น ทุกๆ คนต่างมอง ‘ชูเฟิง’ ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

บุคคลทั่วไปนั้น ไม่ทราบถึงรายละเอียดของ หอคอยอสูรฟ้า มากเท่าใดนัก แต่สมาชิกของนิกายโลกวิญญาณนั้นรู้ดีถึงความยากในการปีนขึ้นสู่หอคอย ข่าวที่ ‘ชูเฟิง’ นั้นเป็นคนที่สามารถปีนขึ้นสู่ชั้นบนสุดของ หอคอยอสูรฟ้า ได้ในครั้งสุดท้ายนั้น แพร่กระจายออกไปในนิกายโลกวิญญาณอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างอยากเห็นคนที่มีชื่อว่า ‘ชูเฟิง’

“ท่านผู้อาวุโส เขาเป็นสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณจริงๆ ดังนั้น ข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยเหลือข้าได้”

หลังประเมิน ‘ชูเฟิง’ ด้วยสายตาแล้วนั้น ชายที่มีใบหน้าสีขาว ของคฤหาสน์ เดินออกไปด้านหน้า และกล่าวออกมาว่า

“อ่า….เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว พวกเราจะดูและเขาเป็นอย่างดี”

เมื่อชายที่มีใบหน้าขาว กล่าวจบ ผู้อาวุโสทั้งสองก็รับ ‘ชูเฟิง’ เข้าร่วมกลุ่มอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้น มีทั้งสายตานับไม่ถ้วนที่มีทั้งแววชื่นชม และอิจฉาส่งมาที่ ‘ชูเฟิง’ เขาตามกลุ่มของนิกายโลกวิญญาณไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องตรวจสอบใดๆ เขาสามารถเข้าสู่คฤหาสน์อันทรงเกียรติได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าสู่คฤหาสน์แล้วนั้น ด้วยการจัดการของ ‘กู๋โบ่’ และคนอื่นๆ ‘ชูเฟิง’ มีห้องพักที่หรูหรา อีกทั้งยังมีข้าราชบริพารต่างๆ รวมถึงสาวงามคอยดูแลเขา อาจกล่าวได้ว่า มันเป็นการต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติก็ว่าได้

“ชูเฟิง อะไรมันจะบังเอิญเช่นนี้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาพบกับเจ้าที่นี่ เจ้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแต่งงานอย่างนั้นเหรอ”

‘ชูเฟิง’ กำลังพักผ่อนอยู่ภายในห้องพักของเขา ‘กู๋โบ่’ กล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“อ่า….ข้าก็มาที่นี่ด้วยความบังเอิญ ข้าได้ยินมาว่า คฤหาสน์อันทรงเกียรติแห่งนี้ จะจัดงานแต่งงานหรืออะไรสักอย่าง ด้วยความสงสัยข้าก็เลยมาที่นี่”

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การชุมนุมในครั้งนี้ คฤหาสน์อันทรงเกียรติจะสามารถเชิญขุมพลังมาได้มากมายเช่นนี้ มันดูเหมือนว่าจะมีขุมพลังของอาณาจักรอื่นๆ มากันมากมาย แต่ข้าก็ไม่คคิดเลยว่าเจ้าจะมาที่นี่เช่นกัน”

‘ชูเฟิง’ ถอนหายใจออกมา ขณะที่เข้าแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร

“ชูเฟิง เจ้ารู้ถึงเหตุผลที่แอบแฝง ในการจัดงานแต่งงานของคฤหาสน์นี้ใช่มั้ย !?”

‘กู๋โบ่’ กล่าวถาม

“เหตุผลเหรอ ก็เพื่อจะได้พบกับสาวงามจำนวนมากน่ะซิ จะมีเหตุผลอื่นแอบแฝงด้วยเหรอ”

‘ชูเฟิง’ ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรต่อไป

เมื่อ ‘กู๋โบ่’ เห็นว่าสาวใช้ออกไปแล้ว เขาจึงเริ่มวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณไว้โดยรอบ และขยับเข้ามาใกล้ ‘ชูเฟิง’ และกล่าวออกมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า

“ชูเฟิง คิดให้ถี่ถ้วน หากนี่เป็นการแต่งงานแบบธรรมดา เหตุใดพวกเขาจึงต้องรวบรวมคนหนุ่มสาวที่แข็งแกร่งมามากมายเช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเพื่อจะได้พบกับสาวงามจากอาณาจักรอื่นๆ แต่ผู้ที่เป็นที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้น จึงจะสามารถเลือกคู่ครองของตนได้”

“จากที่เจ้ากล่าวมานี่…..ถ้ามันมีอะไรแอบแฝง ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”

ชูเฟิง กล่าวถามด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความสับสน

“เรื่องจริงนั้นคือ ที่อาณาจักรฉิน มีหุบเขาพันปิศาจอยู่ ซึ่งที่นั่นเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย”

“ตามข่าวลือที่ได้ยินมานั้น เมื่อนานมาแล้วมีราชันย์ปิศาจปรากฏตัวขึ้นมาที่หุบเขาพันปิศาจ ราชันย์ปิศาจนั้นมีสติปัญญาที่ชาญฉลาด เพียงแค่มันทุบ หรือกระทืบเท้ายอดเขาก็จะยุบตัว โลกอาจถูกทำลาย และมันยังสามารถเรียกลมฝนได้อีกด้วย”

“ยังไงก็ตาม สำหรับมนุษย์ที่แข็งแกร่งนั้น ย่อมมีความทะเยอทะยาน สำหรับสัตว์ยักษ์เองก็เช่นกัน และราชันย์ปิศาจมันก็ต้องการที่จะปกครองพื้นแผ่นดิน จึงทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นกับราชวงศ์เจียง”

“ตามข่าวลือนั้น หุบเขาพันปิศาจมีขนาดใหญ่มาก แต่ที่มันมีขนาดเล็กลงเท่าปัจจุบันนั้น เพราะว่ามันถูกผลกระทบจากการต่อสู้ของราชัย์ปิศาจ กับขักพรรดิ์แห่งราชวงศ์ การต่อสู้ในครั้งนั้นราวกับ จะทำให้ท้องฟ้าถล่มลงมา ผืนแผ่นดินพังทลาย ก่อให้เกิดการตายมหาศาล”

“ในท้ายที่สุดนั้น องค์จักรพรรดิ์ก็ได้รับชัยชนะจากราชันย์ปิศาจ เหล่าสัตว์ยักษ์กวาดต้อน เพื่อปกป้องความสงบสุขของเหล่าประชาชน แต่องค์จักรพรรดิ์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเพียงไม่นานท่านก็จากไป”

“ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านได้สั่งเสียกับผู้สืบทอดว่า อำนาจอื่นๆ ในเก้าอาณาจักรสามารถเข้าสู่หุบเขาพันปิศาจเพื่อค้นหาสมบัติได้ แต่สำหรับราชวงศ์นั้นห้ามไม่ให้ก้าวเข้าสู่หุบเขาพันปิศาจอีกครั้ง”

“มีความคิดเห็นมากมายกับคำสั่งเสียขององค์จักรพรรดิ์ ถึงเหตุผลที่องค์จักรพรรดิ์ทรงสั่งเสียกับผู้สืบทอดเช่นนั้น บางคนกล่าวว่า เพราะองค์จักรพรรดิ์เคารพในการต่อสู้กับราชันย์ปิศาจ แม้ว่าตัวท่านจะจากไป แต่ท่านก็ไม่ต้องการให้ผู้สืบทอดของท่านเข้าไปรบกวนภายในหุบเขาพันปิศาจ”

“บางคนกล่าวว่า องค์จักรพพรดิ์ได้ล่วงรู้ถึงความลับของหุบเขาพันปิศาจ และท่านไม่ต้องการให้ผู้สืบทอดต้องพบกับอันตรายจึงกล่าวเตือนเช่นนั้น”

“ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด นับตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์เจียงไม่ได้ทำการโจมตีเหล่าสัตว์ยักษ์ และไม่เคยก้าวเข้าสู่หุบเขาพันปิศาจอีกเลย”

“ยังไงก็ตาม นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญ เรื่องสำคัญจริงๆ คือ ในตอนนั้นราชันย์ปิศาจได้ออกกวาดล้างเหล่าสำนักไปมากมาย อีกทั้งยังชิงสมบัติต่างๆ ไปเก็บไว้ที่หุบเขาพันปิศาจ”

“ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับ ความแข็งแกร่งของราชันย์ปิศาจอีก เหตุที่ราชันย์ปิศาจนั้นมีความแข็งแกร่งที่มหาศาล เพราะว่ามันได้พบกับดวงธาตุของผู้เชี่ยวชาญภายในหุบเขา และยังได้รับซึ่งอาวุธระดับสุดยอด”

“แม้ว่าราชันย์ปิศาจจะตายไปแล้ว แต่สุดยอดอาวุธ และทรัพสมบัติต่างๆ ยังคงอยู่ภายในหุบเขาพันปิศาจ และพวกเราก็สามารถค้นหามันได้”

@

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments