ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเจ้าสำนักเทพอัคคี ‘คง เฉินกวง’ ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก หลังจากที่โดนทำโทษอย่างรุนแรง เขายังขังตัวเองอยู่ภายในสำนัก และอดีตเจ้าสำนักคนก่อนก็ได้กลับมาควบคุมสำนักเทพอัคคีอีกครั้ง
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาไม่มีหน้าที่จะไปเผชิญต่อผู้คนอีก หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ บุกมาโจมตีสำนักเทพอัคคี ความโกรธแค้นก็อัดแน่นอยู่ภายในหัวใจของเขา
ข่าวที่ ‘ชูเฟิง’ ได้บุกโจมตีสำนักเทพอัคคี และได้ฆ่าเหล่าลูกศิษย์ของสำนักไปอีกมาก อีกทั้งยังสามารถบีบให้เจ้าสำนักคนก่อน ที่เก็บตัวเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่ออกมา ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากข่าวแพร่กระจายออกไปนั้น ผู้คนทั่วทั้งเก้าอาณาจักรต่างพากันตกตะลึง
เพราะการกระทำของ ‘ชูเฟิง’ นั้นเกินกว่าสิ่งที่ทุกคนจะสามารถจินตนาการได้ เขาสามารถบุกโจมตีสำนักเทพอัคคี ทำลายสุสานบรรพชน ฆ่าลูกศิษย์ของสำนัก ทำลายตำหนักต่างๆ และแม้แต่การป้องกันของสำนักเทพอัคคีก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ถ้าอดีตเจ้าสำนักเทพอัคคีไม่ได้ปรากฏตัวออกมานั้น รับรองได้เลยว่าสำนักเทพอัคคีคงจะหายไปจากพื้นทวีปเป็นแน่ และไม่ใช่เพียง ‘ชูเฟิง’ เท่านั้น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น แต่มีอีกบุคคลหนึ่ง นั่นคือ ‘จื่อ หลิง’
เมื่อกล่าวถึงหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าสีม่วง มีระดับพลังอยู่ในระดับเก้า ขั้นแก่นวิญญาณ และความสามารถที่เกินจากสามัญสำนึก ทุกคนต่างรู้ว่านั่นคือ สาวงามที่ประกาศว่าจะขอติดตาม ‘ชูเฟิง’ ภายในงานชุมนุมแต่งงาน ที่นครอันทรงเกียรติ
ชายหนุ่มอายุสิบหกปี กับหญิงสาวอายุสิบห้าปี สามารถบุกโจมตีขุมอำนาจที่มีมากว่าพันปีจนเกือบย่อยยับ ไม่ได้หมายความว่า สำนักเทพอัคคีอ่อนแอแต่อย่างใด แต่หมายความว่าบุคคลทั้งคู่นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
‘ชูเฟิง’ กลายเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจอย่างมาก มันเป็นเรื่องที่ทุกคนในเก้าอาณาจักรต่างให้การยอมรับ
ด้วยความที่ ‘ชูเฟิง’ มีความสามารถเกินกว่าสามัญสำนึกคนทั่วไป อีกทั้งด้วยความบ้าคลั่ง หากเมื่อมีใครทำให้เขาโกรธแค้น เขาจะตอบโต้คืนด้วยความบ้าเลือดอย่างถึงที่สุด
ชายหนุ่มอายุเพียงสิบหกปี ‘ชูเฟิง’ ชื่อของเขาได้กลายเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายอย่างรวดเร็ว
เพราะเมื่อมีเด็กเล็กๆ ในตระกูลต่างๆ ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน พวกเขาจะกล่าวว่า
“หากไม่เชื่อฟัง ชูเฟิง จะมาจับเจ้า !!”
และเมื่อกล่าวเช่นนั้น เด็กๆ ก็จะว่านอนสอนง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็มีผู้คนจำนวนมากที่คิดว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยวอย่างแท้จริง เพราะขุมอำนาจต่างๆ ในเก้าอาณาจักรต้องการให้เขาตาย แต่เขากลับไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เขาสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของเหล่ามหาอำนาจ และยังสามารถตอบโต้กลับ จนเกือบจะทำให้พวกเขาถูกลบหายไปจากพื้นทวีปอีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่า ‘ชูเฟิง’ กลายเป็นต้นแบบของคนรุ่นหลุ่มสาว และมีอีกหลายคนที่ศึกษาชีวะประวัติของเขาเพื่อเป็นแบบอย่าง
ที่พวกเขาทำเช่นนั้น เพราะพวกเขาชื่อว่า ‘ชูเฟิง’ เป็นบุคคลที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ อีกทั้งความสามารถของเขา ยังเหนือล้ำกว่าผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า เขาจึงกลายเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของเก้าอาณาจักรไป
สาวงามมากมายต่างต้องการเป็นคนรักของ ‘ชูเฟิง’ พวกนางยอมที่จะติดตามเขาไปทุกหนแห่ง เพียงเพื่อให้เขายอมรับพวกนาง
สำหรับเหล่าชายหนุ่ม มีบางคนที่ต้องการจะเป็นมิตรสหายของเขา หรือแม้กระทั่งเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่ามหาอำนาจ ไปพร้อมกับ ‘ชูเฟิง’
เรื่องราวทั้งหมดนี้คือสถานการณ์ในปัจตุบันของทั้งเก้าอาณาจักร เรื่องที่ทุกๆ คนให้ความสนใจมากที่สุดคือ เรื่องของ ‘ชูเฟิง’ และหกมหาอำนาจ
เมื่อข่าวได้แพร่กระจายจนทั่วทั้งทวีป เรื่องสำนักเทพอัคคีถูกบุกโจมตีจนเกือบจะพังพินาศนั้น ผู้ที่ตกอยู่ในความตะลึงมากที่สุดคือ สำนักหยวนกัง , หบเขาไร้ใจ , หุบเขากระบี่ , นิกายไป๋ และ ตระกูลเจี่ย
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลเจี่ยจะวิตกกังมากนัก เพราะนอกจาก ‘เจี่ย ชิงเผิง’ ที่คอยควบคุมดูแลตระกูลแล้วนั้น พวกเขายังมีผู้อาวุโสที่เป็นอัจฉริยะในรอบร้อยปีอยู่อีกด้วย
อีกทั้งตระกูลเจี่ยยังมีผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ที่ได้วางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณป้องกันอาณาเขตของตระกูลเจี่ยไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังเรื่องของ ‘ชูเฟิง’ นัก หาก ‘ชูเฟิง’ เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับพวกเขา นั่นเท่ากับว่า ‘ชูเฟิง’ ส่งตัวเองเข้าสู่ความตายอย่างแน่นอน
แต่สำหรับ สำนักหยวนกัง , หุบเขาไร้ใจ , นิกายไป๋ และหุบเขากระบี่ พวกเขาต่างกังวลเรื่องของ ชูเฟิง อยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจี่ย และพวกเขาก็หวาดกละวที่จะได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับสำนักเทพอัคคี
ดังนั้น ทั้งสี่มหาอำนาจจึงขอร้องไปทางผู้อาวุโสของพวกเขา ที่แยกตัวออกไปเพื่อบ่มเพาะพลัง เพื่อให้พวกเขาช่วยดูแลสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา
เมื่อบรรพบุรุษทั้งห้าออกมาจากการฝึกฝน พวกเขาได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ และรู้สึกว่าผู้สืบทอดของพวกเขาได้ทำอย่างถูกแล้ว พวกเขาจึงมีคำสั่งให้สามารถฆ่า ‘ชูเฟิง’ ได้
เมื่อบรรพบุรุษทั้งห้าร่วมมือกัน จึงรายงานเรื่องต่อราชวงศ์เจียง เพื่อขอกำลังสนับสนุนในการจัดการกับ ‘ชูเฟิง’
ในความเป็นจริงนั้น ราชวงศ์เจียงเป็นผู้รับผมประโยชน์เท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนายเหนือหัวของทั้งเก้าอาณาจักร นอกเหนื่อจากอาณาจักรฮั่นที่พวกเขาครอบครองนั้น ในทุกปี ราชวงศ์เจียงจะเก็บภาษีจากอาณาจักรอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่เคยลงมือจัดการเรื่องราวอะไรเองเลยแม้แต่น้อย
ด้วยความที่ สำนักหยวนกัง , หุบเขาไร้ใจ , นิกายไป๋ , หุบเขากระบี่ และสำนักหยวนกัง เป็นขุมอำนาจในหลายอาณาจักร
เมื่อเหล่าบรรพบุรุษของพวกเขาร่วมมือกันร้องเรียนมายังราชวงศ์เจียง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียการปกครอง ราชวงศ์เจียงจึงต้องลงมือเอง
ดังนั้น ราชวงศ์เจียงจึงมีคำสั่งให้องค์หญิง ที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นใหม่ของราชวงศ์เจียง ที่ชื่อว่า “เจี่ย ยี่หนี่” พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ขั้นแดนสวรรค์หนึ่งร้อยคนออกตามหา ชูเฟิง และยังให้กล่าวคำสัตย์ว่าจะจัดการ ชูเฟิง ภายใต้กฏระเบียบของทั้งเก้าอาณาจักร
เมื่อข่าวของราชวงศ์เจียง ที่ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นแดนสวรรค์หนึ่งร้อยคนออกมาจัดการได้แพร่กระจายออกไป ทุกๆ คนต่างตกตะลึงในความแข็งแกร่งของราชวงศ์เจียง
หากมามองผิวเผินนั้น การกระทำของราชวงศ์เจียง คือการรักษาความปลอดภัยของหกมหาอำนาจ และความมั่นคงของทั้งเก้าอาณาจักร
แต่ในความเป็นจริงนั้น ราชวงศ์เจียงต้องการแสดงความแข็งแกร่งออกมา เพื่อให้ทุกๆ คนรู้ว่าราชวงศ์เจียงนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
หากพวกเขาต้องการจะทำสิ่งใดมันย่อมสามารถทำสำเร็จได้โดยง่าย พวกเขาแสดงให้เห็นว่า ความมั่นคงของราชวงศ์เจียงจะไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าทั้งเก้าอาณาจักรจะร่วมมือกัน ก็ไม่อาจต้านทานราชวงศ์เจียงได้
ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจใด พวกเขาก็เป็นได้เพียงเนินดินเล็กๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าราชวงศ์เจียง เพราะพวกเขาสามารถเปรียบได้กับภูผาที่สูงชันไม่อาจสั่นไหวหรือพังทลายได้
เรื่องราวการกระทำของราชวงศ์เจียงได้แพร่สะพัดออกมาอย่างรวดเร็ว จนกลบเรื่องของ ‘ชูเฟิง’ อย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริงนั้น หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ได้ก่อความวุ่นวายในสำเทพอัคคี พวกเขาก็ได้ออกจากอาณาจักรฉิน และมายังอาณาจักรหยวน ที่อยู่ติดกับอาณาจักรมังกรฟ้า
อาณาจักรหยวนเป็นสถานที่ตั้งของนิกายไป๋ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ต้องการที่จะทำเช่นเดียวกับที่สำนักเทพอัคคี นั่นคือเข้าไปเอาแหล่งอำนาจพลังวิญญาณภายในสุสานบรรพชน ที่ซ่อนอยู่ในนิกายไป๋
แต่ข่าวของสำนักเทพอัคคีนั้นแพร่กระจายออกมาเร็วเกินไป หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ มาถึงนิกายไป๋นั้น พวกเขาก็พบว่า บรรพชนของนิกายไป๋ได้ออกมาจากการเก็บตัว อีกทั้งนิกายไป๋ยังได้เรียกตัวเหล่าศิษย์ และผู้อาวุโสที่ออกไปด้านนอกกลับมา เพื่อเตรียมรับมือกับการมาของ ‘ชูเฟิง’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ จึงมีเวลาพอที่พวกเขาจะทำการบ่มเพาะพลังของพวกเขาในที่ที่ห่างไกลออกมา
‘จื่อ หลิง’ ยังคงพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับแดนสววรค์ ในขณะที่ ‘ชูเฟิง’ ใช้เวลาของเขาทั้งหมดในการปรับแต่งลูกแก้ววิญญาณกว่าล้านเม็ดที่เขารวบรวมมาได้
#
..ที่มา: