ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านบรรพบุรุษล่ะ !?”
หลังจากที่พูดคุยกับทุกๆ คนนั้น ‘ชูเฟิง’ สังเกตเห็นว่า ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงถามขึ้น
“อ่อ…..ท่านเพิ่งปรับปรุงรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเมื่อเร็วๆ นี้ และในตอนนี้ ท่านได้คอยเฝ้าดูอาการของ ซูรู่ และ ซูเหม่ย อยู่”
‘จูเก่อ หลิวหยุน’ กล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังเมื่อได้ยินเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงรีบพา ‘จื่อ หลิง’ เข้าไปด้านใน โดยที่ทุกๆ คนก็ติดตามเขาเข้าไปเช่นกันหลังจากเข้ามาถึงด้านในนั้น ‘ชูเฟิง’ พบว่า ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า กำลังปรับปรุงรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณอยู่ด้วยความยากลำบาก
ถึงแม้ว่าในอดีตที่เขามีชีวิตอยู่จะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม แต่ในตอนนี้ที่เขาเป็นเพียงจิตวิญญาณ เขาก็ไม่อาจใช้พลังของเขาได้อย่างเต็มที่
“ท่านผู้อาวุโส ให้ข้าช่วยนะ”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘จื่อ หลิง’ รีบเสนอตัวออกไป และใช้อำนาจพลังวิญญาณสีฟ้าของนาง เสริมเข้าไปในรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า
“หืมมมม ?!”
ทันที่เห็น ‘จื่อ หลิง’ นั้น แววตาของผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงอย่างรวดเร็วนั่นเพราะว่า ‘จื่อ หลิง’ ยังเด็กมาก แต่ด้วยอายุเพียงแค่นี้ นางกลับเป็นถึงผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีฟ้า ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคของ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า
ดังนั้น นี่จึงทำให้ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาได้พบกับอัจฉริยะในรุ่นนี้ ที่จะสามารถก้าวข้ามความสามารถของเขาไปได้
“ท่านบรรพบุรุษ นี่คือ จื่อ หลิง นางคือคู่หมั้นของข้า”
ในขณะนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็เดินเข้ามา พร้อมกับหยิบเอาหินวิญญาณออกมาจากถุงจักรวาล หินนี้สามารถเสริมสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้นได้
“โอ้….นางคือคู่หมั้นของเจ้ารึ เจ้าหนุ่ม…เจ้าช่างโชคดีจริงๆ นี่เปรียบได้กับการค้นพบสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดเลยนะ”
ในขณะนั้น เมื่อผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้ารับรู้ว่านางคือใคร เขาก็ได้พยักหน้ารับด้วยความยินดี และเมื่อเขามองไปที่ ‘ชูเฟิง’ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยตกตะลึง และประหลาดใจ
“เพียงเวลาแค่หนึ่งปี เจ้าก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นแก่นแท้วิญญาณระดับหกแล้วหรือนี่ ความสามารถในการบ่มเพาะพลังของเจ้าช่างยอดเยี่ยมกว่าที่คาดคิดนัก”
“แหะๆ ศิษย์แค่โชคดีน่ะ”
‘ชูเฟิง’ กล่าวตอบพลางเกาศรีษะ
“เจ้าหนู…เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว แต่ข้าก็ชอบมันนะ นี่ก็แสดงว่าข้ามองคนไม่ผิดจริงๆ”
ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า กล่าวพร้อมกับยิ้มบางๆ ด้วยความยินดี เพราะเมื่อเขาเห็นความสมารถของ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ แล้วนั้น ความปราถนาที่เขาจะได้คืนชีพก็อยู่อีกไม่ไกลเท่านั้นหลังจากนั้น ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก เช่นเดียวกับ ‘จื่อ หลิง’ ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเสริมพลังของรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณด้วยความที่ ‘ชูเฟิง’ เป็นเพียงผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีเทา
นั่นจึงทำให้เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก เขาทำได้เพียงมองลอดผ่านรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเข้าไป เพื่อมองดู ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ ที่กำลังทุกข์ทรมานในตอนนี้นั้น สถานการณ์ของ ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ เลวร้ายมากกว่าในปีก่อนมากนัก ร่างกายของถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเกาะกุมอยู่ และมีไอร้อนที่ราวกับจะระเบิดได้ทุกเวลาแผ่กระจายออกมาตามลำดับ
ใบหน้าของพวกนางแทบที่จะไม่ใช่ใบหน้าของมนุษย์อีกต่อไป เมื่อเห็นสถานการณ์ของ ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ ในปัจจุบัน ที่พวกนางไม่หลงเหลือความงดงามเช่นในอดีต ‘ชูเฟิง’ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ราวกับมีมีดกำลัดลงไปที่หัวใจของเขาอย่างช้าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พวกนางก็คงไม่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอยู่ในตอนนี้ในท้ายที่สุดการวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณก็เสร็จสิ้น
ทุกๆ คนจากสำนักมังกรฟ้า ตระกูลชูและตระกูลซู ที่ตอนนี้มีเพียง พ่อ และพี่ชาย ของ ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ ก็ได้อยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อ ‘จาง เทียนยี่’ พบกับ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า เขาก็ได้แสดงความชื่นชมออกมาอย่างต่อเนื่องต่อผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าและผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ก็ชื่นชมในตัวของ ‘จาง เทียนยี่’ อยู่มาก
เพราะความสำเร็จในอนาคตของ ‘จาง เทียนยี่’ ต่อจากนี้ จะสูงส่งก้าวหน้ากว่าตัวเขาเองมากแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ ‘จาง เทียนยี่’ เท่านั้น แต่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ เองก็เช่นกัน
ในระยะเวลาอันสั้นนั้น ทั้ง ‘ชูเฟิง’ , ‘จื่อ หลิง’ และ ‘ชาง เทียนยี่’ จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับความสามารถของทวีปอื่นๆ ได้หลังจากที่ได้ยินการประเมินของผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าแล้วนั้น ทุกๆ คนได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับผลการประเมินที่สูงลิบ
และหลังจากที่ ‘จาง เทียนยี่’ และผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าได้แยกตัวไปคุยกันตามลำพังกลับมา พวกเขาทุกคนก็ได้ร่วมพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในอาณาจักรมังกรฟ้า และความกล้าหาญของ ‘จาง เทียนยี่’ อีกทั้งยังพูดคุยถึงเรื่องราวของ ‘ชูเฟิง’ทุกๆ เรื่องราว ต่างทำให้ทุกคนพากันร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
บางคนถึงกลับกระโดดโหยงเหยงอย่างสนุกสนานยิ่งได้ฟังมากขึ้นเท่าไหร่ ทุกๆ คนต่างคิดว่าความแข็งแกร่งของ ‘ชูเฟิง’ เป็นสิ่งที่แม้แต่ฝัน พวกเขาก็ไม่อาจทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกตระกูลชู พวกเขารู้สึกภูมิใจในตัวของ ‘ชูเฟิง’ เป็นอย่างมากถ้านึกย้อนกลับไปนั้น พวกเขาต่างรังเกียจ ‘ชูเฟิง’
แทบจะทุกคน พวกเขาเอาแต่ด่าทอ กลั่นแกล้ง ‘ชูเฟิง’ อยู่ตลอดเวลาแต่ในตอนนี้ พวกเขากลับภูมิใจในตัวของ ‘ชูเฟิง’ อย่างมาก เพราะถ้าไม่มี ‘ชูเฟิง’ พวกเขาก็ไม่สามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาจะทำได้เพียงแค่จินตนาการเอาเท่านั้นในระยะเวลาหนึ่งปีนั้น พวกเขาทุกคนต่างสามารถพัฒนาขึ้นมาได้อย่างมาก
ด้วยความช่วยเหลือของสระแก่นวิญญาณ พวกเขาทุกๆ คนจึงสามารถเสริมความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างมากอาจกล่าวได้ว่า ทุกๆ คนพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่คนที่ไม่เก่งกาจด้านการต่อสู้ พวกเขาก็สามารถต่อสู้ได้ดีขึ้นจนไม่อาจจำคนเก่าของตัวเองได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าพวกเขาถูกขัดเกลาด้วยสระแก่นวิญญาณในขณะที่ทุกๆ คนกำลังสนุกสนานกับการพูดคุยกันนั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่อาจทำใจของเขาให้สนุกไปกับสถานการณ์รอบข้างได้
หลังจากที่เขาเห็นสภาพของ ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ แล้วนั้น หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์จนยากที่จะระบายออกดังนั้น เขาจึงแยกตัวออกมา และเดินลึกเข้าไปยังการก่อตัวของรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ และเฝ้ามอง ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ อย่างเงียบๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ภายในหนึ่งปีข้าจะช่วยพวกเจ้าให้ได้ หากข้า ชูเฟิง ช่วยเหลือพวกเจ้าไม่ได้ ข้าจะขอตายตามพวกเจ้าไป”
เมื่อเห็นสาวงามอันเป็นที่รักทั้งสองคนของเขา ที่อยู่ภายในรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณนั้น หัวใจที่เคยเข้มแข็งของเขาก็อ่อนไหว หากเขาไม่สามารถช่วยพวกนางได้ เขาก็ไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
“ข้าสามารถบอกได้เลยว่าพวกนางงดงามมาก ในก่อนหน้านี้”
ทันใดนั้น ได้มีเสียงที่อ่อนหวานดังขึ้นมา ‘ชูเฟิง’ จึงหันหน้าไปมอง และพบว่า ‘จื่อ หลิง’ ปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของเขา’จื่อ หลิง’ ก้าวเข้ามาพร้อมกับยิ้มบางๆ และนั่งลงที่ด้านข้างของ ‘ชูเฟิง’
“ไม่ใช่เพียงแค่งดงาม แต่พวกนางยังคงอยู่อย่างสุขสบาย ที่พวกนางเป็นเช่นนี้เพราะข้า”
‘ชูเฟิง’ กล่าว
“ถ้านั่นเป็นข้า ข้าก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน และถ้าเป็นเจ้า พวกเราก็จะทำเช่นนั้น”
‘จื่อ หลิง’ กล่าวพลางยิ้มหวานเมื่อเห็นถึงความตั้งใจของ ‘จื่อ หลิง’ นั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาได้โอบกอด ‘จื่อ หลิง’ ไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างแผ่วเบา ราวกับการดูแลลูกนกตัวน้อยๆในคืนนั้น ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ได้เฝ้าดู ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ ที่ด้านนอกของรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ
ในขณะที่ ‘จาง เทียนยี่’ ยังคงพูดคุยกับทุกๆ คนอย่างสนุกสนานอยู่ที่ด้านนอก
ในเช้าของสองวันถัดมา ‘ชูเฟิง’ , ‘จื่อ หลิง’ และ ‘จาง เทียนยี่’ ได้ทานอาหารร่วมกับทุกๆ คน ก่อนที่จะออกเดินทางไปที่อาณาจักรซุย ด้วยราชรถที่งดงามเพราะที่นั่นคือสถานที่ตั้งของ หุบเขากระบี่..
แปลโดยคุณ# : ความสุขผ่านไปชั่วข้ามคืน ก็ต้องเผชิญกับความลำบาก : ลำบากบ้านมืงสิ มันคือความมันส์ มันที่แท้จริง มันงดงาม มันคือจิตวิญญาณ!!! : มึงท่าจะหนัก ไปหาหมอบ้างก็ดี!!! มีใครบ้างวิ่งไปหาศัตรูแล้วสนุก : มันคือศิลปะ!!! : ศิลปะ มันคือภาพที่สามารถมองด้วยตาไม่ใช่อ่อ!!! : หากคนที่อ่านแล้วเห็นภาพ แสดงว่าคนคนนั้นมีศิลปะในหัวใจ มันคือการจินตนาการ เข้าใจ!!!
ที่มา: