ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“บอกตามตรง หากข้าสู้กับเขาหนึ่งต่อหนึ่ง ข้าไม่ได้หวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ข้ามีความกังวลบางอย่าง เกี่ยวกับทักษะลับ ที่ผู้ก่อตั้งหุบเขากระบี่เป็นผู้คิดค้น”
“มันเป็นทักษะที่แข็งแกร่งมาก หากผู้ใดภายใต้หุบเขากระบี่สามารถฝึกฝนมันได้ พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล”
“ยังไงก็ตาม เรื่องความแข็งแกร่งของทักษะนี้ ถึงข้าจะไม่มั่นใจนักว่า มันจะแข็งแกร่งจริงหรือไม่ แต่ข้ามั่นใจอย่างมากว่า มันจะต้องไม่อ่อนแออย่างแน่นอน”
“บอกตามตรง ว่าข้าไม่มั่นใจเลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทักษะของผู้ก่อตั้งหุบเขากระบี่ ข้าจึงต้องการร่วมมือกับพวกเจ้าทั้งสองคน อีกทั้ง ศิษย์น้อง ชูเฟิง ยังได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้อีกด้วย”
“หืม…..แล้วพวกเราจะเชื่อท่านได้เช่นไร ว่าท่านไม่ได้เข้าร่วมกับหุบเขากระบี่”
‘จื่อ หลิง’ กล่าวถาม เห็นได้ชัดว่านางยังคงโกรธเขาอยู่
“โฮ่ๆ น้องสะใภ้ เจ้าก็เห็นถึงความแข็งแกร่งของข้าแล้ว ด้วยความสามารถทางการต่อสู้ และการบ่มเพาะพลังของเจ้าทั้งสองคนยังอ่อนแอเกินไปในตอนนี้ หากข้าต้องการจะจัดการกับพวกเจ้า ข้าก็ไม่ต้องทำให้มันลำบากเช่นนั้นหรอก”
‘จาง เทียนยี่’ กล่าวพลางยิ้มบางๆ
“เข้ามาสิ !! ถ้าข้าเอาจริง ท่านก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้ !!”
ใบหน้าของ ‘จื่อ หลิง’ ยังคงปรากฏร่องรอยของความกราดเกรี้ยวอยู่เล็กน้อย
“ศิษย์น้อง ชูเฟิง เจ้าควรดูแลน้องสะใภ้ให้ดีนะ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่ไร้เหตุผล ‘จาง เทียนยี่’ ก็ไม่รู้ว่านะจัดการเช่นไร
“จื่อ หลิง……อย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายอีกเลย ข้ามั่นใจว่าศิษย์พี่ไม่ใช่คนไม่ดี”
‘ชูเฟิง’ กล่าวพลางลูบไปที่หัวไหล่ของนาง
“ศิษย์พี่จาง หากท่านไม่มาพบข้า ข้าก็ตั้งใจที่จะไปพบท่านอยู่แล้ว ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับท่าน ว่าพวกเราควรร่วมมือกัน และทำให้หุบเขากระบี่รับรู้ว่า ไม่ควรตอแยกับพวกเรา”
ตลอดเวลานั้น ‘ชูเฟิง’ ได้ใช้อำนาจพลังวิญญาณของเขาจับพิรุท ‘จาง เทียนยี่’ ตลอดเวลา มันจึงทำให้เขารู้ว่า ‘จาง เทียนยี่’ นั้น ไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆ พี่น้องสำนักมังกรฟ้า ย่อมคิดอะไรเหมือนๆ กัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคิดว่าเราควรออกเดินทางกันตอนนี้เลย เพราะดูจากเวลาแล้ว นี่ก็ใกล้ถึงขีดจำกัดของหุบเขากระบี่แล้ว”
“ข้าไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของสำนักมังกรฟ้า ต้องพังทลายเพราะผลจากการกระทำของข้า”
‘จาง เทียนยี่’ กล่าวพลางเกาศรีษะ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเขิลอาย แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ศิษย์พี่จาง ราชรถของ จื่อ หลิง สามารถเดินทางได้รวดเร็วมาก ข้าคาดว่าเราย่อมไปทันกำหนดเวลาของหุบเขากระบี่”
“แต่ก่อนที่เราจะไปยังหุบเขากระบี่ ข้าจะพาท่านไปพบใครบางคนก่อน ข้าคิดว่าท่านคงจะดีใจไม่น้อย”
หลังจากยืนยันแล้วว่า ‘จาง เทียนยี่’ ไม่ได้มีเจตนาร้าย ‘ชูเฟิง’ จึงคิดที่จะพา ‘จาง เทียนยี่’ไปยังสุสานพันกระดูก เพื่อพบกับผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า หาก ‘จาง เทียนยี่’ มีเจตนาร้าย ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ยังไงเสีย เขาก็คิดว่า ‘จาง เทียนยี่’ ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด
“ผู้ใดรึ !?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของ ‘จาง เทียนยี่’ ก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที ‘ชูเฟิง’ จึงเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับ ‘จาง เทียนยี่’ ฟัง เช่น เรื่องที่สำนักถูกกวาดล้าง แต่กำลังหลักของสำนักยังคงมีชีวิตอยู่ และตอนนี้พวกเขาก็อยู่ภายในสุสานพันกระดูก
และสถานที่แห่งนั้น ยังมีแหล่งพลังงานที่สามารถเพิ่มการบ่มเพาะพลังขึ้นได้ อีกทั้งยังบอกถึงเรื่องที่ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้ายังมีชีวิตอยู่ในรูปของจิตวิญญาณ และกล่าวถึงเรื่อง ‘ซูรู่’ และ ‘ซูเหม่ย’ เพราะผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า เป็นบุคคลที่ทุกๆ คนต่างรู้จัก และหากว่าพวกเขารู้ว่าผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้ายังมีชีวิตอยู่ นั่นจะทำให้ทุกคนตกตะลึงสักเพียงใด
ส่วน ‘ซูรู่’ นั้น คือคนที่ก่อตั้งพันธมิตรปีกฯพร้อมกับเขา ดังนั้น ‘จาง เทียนยี่’ จึงคุ้นเคยกับนาง
“ศิษย์น้อง ชูเฟิง ที่เจ้าบอกว่าท่านผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้ายังมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องจริงรึ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของ ‘จาง เทียนยี่’ ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างที่สุด
“เป็นเรื่องจริง ศิษย์พี่จาง หากท่านยินดี ท่านสามารถไปพร้อมกับพวกเรา เพื่อคาราวะท่านผู้ก่อตั้งได้”
‘ชูเฟิง’ กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
“ได้ซิ ข้าอยากพบท่านผู้ก่อตั้ง ในตอนแรกเหตุผลที่ข้าเข้าสำนักมังกรฟ้า เพราะว่าข้าชื่นชมในตัวของท่านผู้ก่อตั้งสำนัก”
“รีบนำทางเลย ศิษย์น้อง ชูเฟิง !!”
‘จาง เทียนยี่’ กล่าวด้วยความเร่งรีบ เพราะเขาอยากพบบุคคลที่สามารถทำให้ทั้งเก้าอาณาจักรสั่นสะเทือนได้ หลังจากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็พา ‘จาง เทียนยี่’ กลับมาที่อาณาจักรมังกรฟ้าอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้สำนักมังกรฟ้าถูกทำลายอย่างย่อยยับ ป่าไม้โดยรอบโดนเผาทำลายจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมแห่งความอุดมสมบูรณ์
ด้วยความทรงจำ ‘ชูเฟิง’ นั้น เขาสามารถค้นหาทางเข้าสุสานพันกระดูกได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากที่พวกเขาสามคนเข้าไปยังสุสานนั้น ผู้คนในสุสานต่างตกตะลึงอย่างมาก
“ชูเฟิง , เทียนยี่ พวกเจ้าสองคนได้พบกันแล้วรึ !!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘หลี่ จางฉิง’ และ ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ ก็กล่าวออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น เพราะ ‘จาง เทียนยี่’ และ ‘ชูเฟิง’ คือลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาอย่างแท้จริง ในตอนนั้น ก่อนที่ ‘จาง เทียนยี่’ จะจากไป เขามีพลังเพียงขั้นแก่นวิญญาณ แต่ในตอนนี้ เขากลับมีพลังถึงระดับสาม ขั้นแดนสวรรค์
การปรากฏตัวของเขาในอาณาจักรมังกรฟ้าตอนนี้ เปรียบได้กับการปรากฏตัวของพระเจ้า สำหรับ ‘ชูเฟิง’ นั้น ก่อนที่เขาจะจากไป เขามีพลังเพียงขั้นกำเนิดวิญญาณ แต่ในตอนนี้เขามีพลังถึงระดับหก ขั้นแก่นวิญญาณ อาจกล่าวได้ว่า การบ่มเพาะพลังของเขารวดเร็วที่สุดก็ว่าได้
หลังจากเห็น ‘ชูเฟิง’ และ ‘จาง เทียนยี่’ นั้น พวกเขาทุกคนต่างมีความสุขอย่างมาก เพราะพวกเขาทั้งสองคนคือตำนานของอาณาจักรมังกรฟ้า และเป็นแบบอย่างสำหรับเหล่าลูกศิษย์ของสำนักมังกรฟ้า อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชมของเหล่าผู้อาวุโสอีกด้วย
“แม่นางผู้นี้คือใครกัน !?”
ในขณะนั้น ด้วยความงดงามของ ‘จื่อ หลิง’ นั้น จึงเป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกๆ คนอย่างรวดเร็ว
“นางคือคู่หมั้นของข้า”
‘ชูเฟิง’ แนะนำ ‘จื่อ หลิง’ ให้กับสมาชิกของสำนักมังการฟ้า และสมาชิกตระกูลชู ของเขา ในขณะที่ ‘ชูเฟิง’ แนะนำตัว ‘จื่อ หลิง’ นั้น นางก็ยิ้มออกมาด้วยความอ่อนหวาน
“ฮ่าๆ ดีมากเจ้าหนู เจ้าได้พบกับภรรยาที่ดี”
‘หลี่ จางฉิง’ , ‘จูเก่อ หลิวหยุน’ และทุกๆ คนต่างกล่าวต้อนรับออกมาด้วยความร่าเริง ไม่ใช่เพียงเพราะความงดงามของนาง ที่งดงามมาก แต่ในด้านความแข็งแกร่ง นางก็มีพลังอยู่ในระดับหนึ่ง ขั้นแดนสวรรค์ นี่จึงทำให้นางเป็นอัจฉริยะที่เพียบพร้อม
ในขณะเดียวกันนั้น เหล่าผู้หญิงที่หมายปองในตัวของ ‘ชูเฟิง’ ก็ไม่อาจมีความสุขได้ และเช่นเดียวกับเหล่าชายหนุ่มหลายคน ที่พวกเขาต่างอิจฉา ‘ชูเฟิง’ ไปตามๆ กัน เพราะด้วยความงามปานเทพธิดาของ ‘จื่อ หลิง’ นั้น แม่แต่โอกาสที่พวกเขาจะได้พบเจอ พวกเขาก็ยังไม่มีโอกาส พวกเขาทำได้เพียงชื่นชม ‘ชูเฟิง’ และแอบเพ้อฝันถึง ‘จื่อ หลิง’
..แปลโดยคุณ#
ที่มา: