หลังจากที่ตั้งเงื่อนไขกับ’ชูเฟิง’เรียบร้อยแล้ว ‘เจีย หยาน’ และคนอื่นๆ ส่งข่าวไปที่คนของตัวเองและให้พวกเขาไปหาลูกแก้วแก่นแท้มา และพวกเขายังมีแผนสำรองในการหาลูกแก้วแก่นแท้ให้’ชูเฟิง’ทันได้ภายใน10วัน
 
ขณะที่ ‘เจีย หยาน’ และ คนอื่นๆนั้นกำลังยุ่งอยู่แต่ทาง’ชูเฟิง’ ถ้าเขาไม่ได้ดื่มไวน์และคุยกับพวกคนในสมาคมโลกวิญญาณเขาก็จะเล่นหมากรุกแทน
 
แม้กระทั่งศิษย์หญิงจากนครอันทรงเกียรติ ที่ไม่ทราบถึงสถานการณ์นี้ ก็เข้ามาดื่มไวน์และพูดคุยกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน
 
คนที่คอยจับตาดู’ชูเฟิง’อยู่เห็น’ชูเฟิง’ทำเช่นนี้ก็ได้เพียงแต่สาปแช่งเขาในใจแบบ –   ขอทับศัพท์ นะครับมันได้ใจกว่า
 
หลังจากนั้นไม่กี่วัน งานชุมนุมเลือกคู่ก็มาถึงทุกคนมีสิทธิ์เข้าร่วมในงานนี้ ที่ยอดของภูเขา นอกจากนี้ แม้แต่ตัวตนของเจ้าสำนักต่างๆ ที่คอยหลบซ่อนตัวเอง ก็แสดงตนออกมาให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตน มีหลายคนไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วนครอันทรงเกียรติได้เชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับมากมายมาที่นี่
 
และตามกฎที่ระบุไว้ก่อนงานชุมนุมว่า ฝ่ายสาวงามจะเป็นคนเลือกคู่เท่านั้น พวกเธอจะเลือกคนที่ตนเลือก และถ้าคนที่ถูกเลือกยอมรับการเลือกคู่นั้นก็จะถือว่าสำเร็จไป
 
ในตอนนี้ความสัมพันธ์ ของ’ชูเฟิง’ต่อสาวงามเหล่านี้ อาจพูดได้ว่าเหนือกว่า ‘เจีย ฉิงหมิง’ และ ‘สู จงหยู’ ด้วยซ้ำไป  ในสาวงามร้อยคนมีอย่างน้อย 7 คนที่แสดงถึงความต้องการที่จะเลือก’ชูเฟิง’ และอยากให้’ชูเฟิง’เลือกพวกนางด้วยเช่นกัน
 
ในสถานการณ์นี้ ‘ชูเฟิง’ก็ประหลาดใจเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้  แต่ในทาง 4อัจฉริยะนั้น กำลังกัดฟันของพวกเขาด้วยความอิจฉา ริษยา และแสนจะโกรธแค้น เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเสน่ห์ของพวกเขาจะแพ้ให้กับ’ชูเฟิง’
 
แต่ที่คนคาดไม่ถึงก็คือ สาวงามทั้ง 7 ที่เลือก’ชูเฟิง’นั้นถูก’ชูเฟิง’ปฎิเสธทั้งหมด มันทำให้หลายคนช๊อคมาก และ เกิดการคุยกันทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย แต่สำหรับ’ชูเฟิง’ สาวงามพวกนี้ไม่อาจเทียบได้กับคนที่เขาเลือกไว้แล้ว นั่นคือ’จื่อ หลิง’นั่นเอง
 
‘จื่อ หลิง’ ที่ถูกมองว่า เป็นนางฟ้าโดยคนมากมายนับไม่ถ้วน กับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น และเพราะด้วยเหตุผลบางอย่างเธอจึงปฎิเสธที่จะเข้าร่วมงานชุนุมเลือกคู่ครั้งนี้
 
นอกจากนี้ยังมีใครบางคนกระจายข่าวเกี่ยวกับเธออีกว่า เธอนั้นมีคนที่ชอบแล้วและเธอจะบอกทุกคนถึงตัวชายคนนั้นหลังจากที่เธอออกมาปรากฏตัวเอง ตัวตนของ’จื่อหลิง’ในนครอันทรงเกียรตินั้น นับได้ว่ามีอำนาจพอควรเลย มันจึงเป็นเรื่องยากที่คนจากนครอันทรงเกียรติ จะขอร้องเธอหรือออกคำสั่งกับเธอ
 
แต่เพื่อจะแสดงความจริงใจของนครอันทรงเกียรติแล้ว พวกเขาขอให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมอยู่ต่ออีกสักพัก เพื่อที่จะให้ ‘จื่อ หลิง’ได้ออกมาประกาศ ถึงชาย ที่เธอรัก มันบอกได้ว่า ความนิยมของ’จื่อ หลิง’ นั้นมีมากทีเดียว เกือบ 90เปอเซน ของชายหนุ่มนั้นอยากจะรู้ถึงคนที่’จื่อ หลิง’รักและยังหวังว่า สาวงามที่เหลือนั้นจะเลือกพวกเขา
 
แน่นอนว่ามีคนที่ฝันกลางวันขนาดหนักที่หวังให้ตัวเอง เป็นคนที่ ‘จื่อ หลิง’ หลงรักและต้องการให้’จื่อ หลิง’ เป็นภรรยาของตน ไม่กี่วันหลังจากนั้น และ 1 วันก่อนที่จะถึงนัดกับ ‘เจี่ย หยาน’ มีข่าวลือว่า พวก ‘เจีย หยาน’นั้นเตรียม ลูกแก้วแก่นแท้เกือบครบแล้ว และในวันนั้น รองประมุขนิกายโลกวิญญาณได้เดินทางมาหา’ชูเฟิง’ ที่ที่พักอาศัยของ’ชูเฟิง’
 

 
“สหายน้อยชูเฟิง นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าทำพวกมันเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ และข้านั้นได้ทำการทำพวกมันด้วยตัวคนเดียว “
 
‘เกา ฉีซือ’ ส่งถุงจักรวาลให้กับ’ชูเฟิง’ หลังจากนั้น’ชูเฟิง’ก็ตรวจสอบและพบว่ามียา 2 เม็ดกับ ยันต์ทะลวงวิญญาณ 23 อัน
 
ยาต้องห้ามนี้รุนแรงและน่ากลัวที่สุดที่’ชูเฟิง’เคยเห็นมา หาก’ชูเฟิง’กินยาต้องห้ามนี้ไป ระดับของเขาอาจจะก้าวไปสู่ระดับ 7 และรวมกับ สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในตัวเขาก็จะสามารถก้าวไปสู่ระดับ 9 เขารู้ว่าพลังของเขาน่ากลัวแค่ไหนเมื่อเขาไปสู่ระดับ 9 แก่นแท้วิญญาณแล้วรวมพลังกับขวานอสูรฟ้านี้
 
และนอกเหนือจาก ยาต้องห้าม ยังมียารักษาที่คอยรักษาและฟื้นฟูร่างกายและอื่น ๆ ที่ได้ผลกระทบจากยาต้องห้ามนั้นอย่ในถุงอีกด้วย
 
สำหรับยันต์ 23 แผ่นนี้ น่าประทับใจมากแม้พวกมันจะมีพลังที่น่ากลัว แต่ก็ไม่สามารถทะลวงไปยังอำนาจวิญญาณระดับสีฟ้าได้อย่างง่ายดาย แม้ผู้เชี่ยวชาญ ระดับอาณาจักรสวรรค์วิญญาณมาทำ สุ่มสี่สุ่มห้า ก็อาจจะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ให้กับพวกเขา
 
ปกติแล้วพลังระดับผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดฟ้านั้น ไม่สามารถเข้าไปได้โดย ใช้ยันต์จู่โจม มีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากมายเท่านั้นที่จะสามารถ ใช้วิธีนี้ได้
 

 
“ท่านรอง เกา ขอโทษที่ข้าสร้างปัญหาให้ท่าน ข้าชูเฟิงได้จำพระคุณนี้ของท่านไว้ในจิตใจแล้วในอนาคตข้าจะตอบแทนท่านให้ได้ในสักวัน “
 
‘ชูเฟิง’ มองไปที่ ‘เกา ฉีซือ’ และพบว่า ชายชราผู้นี้เหมือนอายุขัยกำลังลดลง ดวงตาของเขาไม่มีชีวิตชีวาเลย ใบหน้าของเขาซีดขาว และเหมือนกับว่าเขากำลังป่วยหนัก
 
‘ชูเฟิง’ ไม่รู้เหตุผลว่า  ทำไม ‘เกา ฉีซือ’ ถึงมีสภาพอย่างนี้ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยมันเกิดจากความเหนื่อยของเขาที่ใช้อำนาจวิญญาณ ในการทำของพวกนี้ให้กับ’ชูเฟิง’ มันอาจบอกได้ว่าเขาได้ใช้พลังไปมากเลยทีเดียว
 

 
“สหายข้า อย่าพูดเยี่ยงนั้นเลย แค่ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้  มันทำให้ข้านั้นละอายใจมากยิ่งหนัก “
 
‘เกา ฉีซือ’ พูดพร้อมถอนหายใจ
 

 
“ท่านรอง เกา ท่านดีกับข้าเหลือเกิน  ข้าก็แค่สมาชิกใหม่ของนิกายโลกวิญญาณที่เข้ามาได้ไม่นาน แต่ท่านกับทำให้ข้าถึงขนาดนี้ ในตอนนี้ข้ารู้สึกซาบซึ้งในนิกายโลกวิญญาณมาก “
 
 
“ท่านสามารถทำเป็นไม่สนใจเรื่องของข้าก็ได้ แต่ท่านได้ทำให้ข้ามากมายถึงขนาดนี้เพียงแค่ข้าคือสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณ ข้าชูเฟิงขอบน้ำใจท่านยิ่งนัก ดังนั้น อย่ารู้สึกละอายใจเลย “
 
 
“เพราะคนที่ควรละอายใจ ควรเป็นข้า ข้ารู้ดีว่าข้าเป็นคนยังไงข้าไม่เคยคิดถึงผลที่ตามมาว่ามันจะทำให้คนใกล้ตัว เกิดปัญหา และไม่มีใครสามารถแก้ไขได้นอกจากข้า “
 
 
“อย่างไรก็ตามตั้งแต่ข้าชูเฟิงมีความสามารถที่จะสร้างปัญหา ข้าก็มีความสามารถในการแก้ปัญหานี้  ด้วยตัวของข้าเองเหมือนกัน”
 
 
“ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ข้าจะได้ออกจากที่แห่งนี้อย่างปลอดภัยหายห่วง พวกเขาไม่สามารถกักตัวข้าไว่ที่นี่ได้ และพวกเขาจะต้องได้รับบทเรียนสำหรับความโลภของพวกเขา “
 
‘ชูเฟิง’พูดด้วย ความเชื่อมั่น
 
เมื่อเห็น’ชูเฟิง’ มีความมั่นใจเยี่ยงนี้ ‘เกา ฉีซือ’ จึงสบายใจ เขายิ้มและพูดว่า
 

 
” ข้าต้องบอกว่าเจ้าเป็นชายหนุ่มที่บ้าที่สุดที่ข้าเคยเห็นเลย และในทางกลับกันเจ้าก็เป็นชายหนุ่มที่ข้าชื่นชมที่สุดเช่นกัน “
 
แปลโดยท่าน#ฮาย
 
ที่มา: