ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปราชวงศ์เจียง นั้น อาศัยอยุ่ในอาณาจักร ฮั่น ในพื้นที่ที่กว้างใหญ่และเจริญกว่า สถานที่ทุกที่นอกจากนี้ยังมี กลิ่นอายโบราณอีกด้วย มันเป็นพลังที่มีอยู่มายาวนานที่สุดในทวีปเก้าอาณาจักรนี้ ซึ่งมันก็อยู่ในอาณาจักรนี้มาหลายพันปีแล้ว
หลายวันผ่านไป ตั้งแต่ ‘ชูเฟิง’ ‘จื่อ หลิง’ ‘อสูรราชันย์วานร’ ‘กู่ เทียนเฉิน’ และคนอื่นๆ ได้เข้ามาในราชวงศ์เจียง
นับตั้งแต่เข้ามา ร่องรอยของ ‘อสูรราชันย์วานร’ และ ‘กู่ เทียนเซิน’ก็หายไป เป็นเพราะ องค์จักรพรรดิบอกว่าต้องการคุยกับทั้ง 2
ในตอนแรกพวก’ชูเฟิง’ ก็กังวล ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับ ‘อสูรราชันย์วานร’หรือเปล่า แต่ ราชวงศืเจียงไม่ได้ทำอะไรพวกเขาและยังต้อนรับพวกเขาอย่างดิบดีราวกับเป็นแขกสำคัญ ไม่ใช่แค่ไวน์และอาหารชั้นเลิศ เท่านั้น เขายังจัดโอสถสวรรค์ให้กับพวก’ชูเฟิง’อีกด้วย
แต่ถ้า’อสูรราชันย์วานร’ พบกับเรื่องเลวร้ายนั้นก็เป็นโชคร้ายของพวกเขา เพราะว่าด้วยพลังของพวกเขานั้น เปรียบได้ดั่งมด ในราชวงศ์นั้น มีคนจำนวนมากที่สามารถฆ่าพวกเขาได้
แต่ในปัจจุบันพวกเขานั้นไม่ได้เพียงแค่ยังสบายดี แต่ราชวงศ์เจียง พวกเขายังได้รับของชั้นเลิศอีกด้วย มันหมายความว่า’อสูรราชันย์วานร’นั้นยังอยู่ดี และ ราชวงศ์เจียง ไม่มีความคิดที่จะทำอะไรพวกเขา
“พี่ชาย ชูเฟิง แม่นาง จื่อ หลิง ไม่ได้พบ กันเสียนานเลยนะ”
ในวันนั้น พวก’ชูเฟิง’กำลังคุยกับอยู่ในสวนก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พวกเขาจึงหันไปมองที่เจ้าของเสียง จึงพบชายหนุ่มหน้าตา หล่อเหลาสวมชุดทองอยู่
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นเขาคือ เจ้าชายของราชวงศ์เจียง ผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในราชวงศ์เจียง ‘เจียง หวู่ชาง’
“น้องชาย หวู่ชาง เป็นเจ้าเองหรือ”
เมื่อเห็น ‘เจียง หวู่ชาง’ ‘ชูเฟิง’ก็มีความสุขมาก
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับ ‘เจียง หวู่ชาง’ และนอกจากนี้ เขายังเคยช่วยชีวิตของ ‘เจียง หวู๋ชาง’ ไว้อีกด้วย จึงทำให้การกระทำของเขานั้นกลายเป็นความดีความชอบต่อ ‘เจียง หวู่ชาง’ไป
ก่อนหน้านี้ ราชวงศ์ เจียง ได้นำกองกำลังเพื่อค้นหา’ชูเฟิง’อีกด้วย แต่ราชวงศ์เจียงก็ไม่ได้ตามล่าตัวเขา และยังมอบของขวัญชิ้นงามให้กับเขาอีกด้วย และนั่นเป็นเพราะ’เจียง หวู่ชาง’ จึงทำให้เขาได้บ่มเพาะขึ้นอย่างรวดเร็วโดยทางอ้อมอีกด้วย
ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงไม่ได้มีอคติกับ ‘เจียง หวู่ชาง’ และในตอนนี้เขายังเรียก’ชูเฟิง’ว่า พี่ชายอีกด้วย
หลังจาก ‘เจียง หวู่ชาง’ ปรากฏตัวขึ้น เขาก็เรียกพวก’ชูเฟิง’ ขึ้นไปยังหอคอยสูงที่อยู่ในเมฆ และบนหอคอยสูงนั้น ‘เจียง หวู่ชาง’ได้จัดอาหารต้นรับ ทั้ง3ไว้อีกด้วย
“พี่ชายชูเฟิง แม่นาง จื่อ หลิง พี่ใหญ่ จาง เทียนยี่ ข้าขอโทษด้วยจริง ก่อนหน้านี้ข้านั้นเอาแต่เก็บตัวบ่มเพาะ จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับพวกท่าน อภัยให้ข้าด้วย.”
‘เจียง หวู่ชาง’ นั้นลบตัวตนที่สูงส่งของเขาออกไปทั้งหมด และเขาไม่เพียงทำตัวสุภาพกับ’ชูเฟิง’และ’จื่อ หลิง’ เขายังทำตัวสุภาพกับ ‘จาง เทียนยี่’ และเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อีกด้วย เขายังเทไวน์ และเขายังย่างเนื้อให้พวกเขาอีกด้วย ในตอนนี้นั้นเขาไม่ใช่เจ้าชายผู้สูงส่งของราชวงศ์เจียง แต่เขาคือน้องชายของ’ชูเฟิง’และคนอื่นๆ
“ น้องชาย หวู่ชาง เจ้าช่างสุภาพเสียจริง.”
“ อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ 1 ปี น้องชาย หวู่ชาง เอ๋ย เจ้าสามารถทะลวงจากระดับ 9 แก่นแท้วิญญาณไปยังระดับ 2 อาณาจักรสวรรค์ได้ ด้วยความเร็วเช่นนี้เจ้าทำให้ข้าลำบากใจจริงๆ.”
‘ชูเฟิง’ พูดแล้วก็ยิ่มประมาณว่าช่วยไม่ได้นี่เนอะ
ในสายตาของคนนอก เขาเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ยังด้อยกว่า’จื่อ หลิง’ แต่’เจียงหวุ่ชาง’นั้น ยิ่งกว่านั้น ในตอนนี้เขาอยู่ในระดับเดียวกับ’จื่อ หลิง’ เมื่อปีก่อน แต่ตอนนี้เขานั้นได้แซงหน้า’จื่อหลิง’ไปด้วยซ้ำ และนั่นทำให้’ชูเฟิง’ตกใจมาก ทั้งๆที่’จื่อ หลิง’ มีกายศักดิ์สิทธิ์คอยช่วย
” ฮี่ฮี่ อย่าพูดอย่างนั้นไปพี่ชายชูเฟิง ข้าเป็นคนจากราชวงศ์เจียง คนราชวงศ์นี้นั้นทุกคนจะมี พลังของสายเลือดอยู่ตราบใดที่เรามีทรัพยากรเพียงพอ การบ่มเพาะก็ไม่ได้ยากอะไร.”
“ และข้าพูดอย่างไม่ได้อวยตัวเองเลยนะ พลังของสายเลือดข้าน่ะพูดได้ว่าทรงพลังที่สุดในราชวงศ์เจียงแล้ว บรรพบุรุษข้าเคยบอกไว้ว่า สายเลือดของพวกเราน่ะใกล้เคียงกับสายเลือดจักรพรรดิ เชียวล่ะ.”
“ ในอนาคตถ้าข้าประสบความสำเร็จ และได้รับพลังของสายเลือดจักรพรรดิมา ในตอนนั้นพลังข้าข้าก็จะเพิ่มขึ้นอีกเยอะแน่นอน.”
‘เจียง หวู่ชาง’พูดในตอนนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และความภาคภูมิใจในสายเลือดพิเศษของเขา
“ สายเลือดจักรพพรดิ ถ้าเจ้าได้รับพลังจากกสายเลือดจักรพรรดิในอนาคต เมื่อเข้าทะลวงมันได้เจ้าก็ต้องใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะมากกว่านี้อีกใช่หรือไม่”
‘จื่อ หลิง’ถาม
“ แน่นอน สายเลือดจักรพรรดินั้นเป็นสายเลือดสืบทอดระดับสูง ในตอนนั้น ถ้าราชวงศ์เจียงของข้ามอบทรัพยากรให้แก่ข้าทั้งหมด ก็ไม่พอ.”
“ แต่นั่นไม่มีปัญหา ถ้าในตอนนั้นข้าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเจ้าสงครามได้ ข้าก็สามารถบ่มเพาะด้วยตนอเองได้.”
‘เจียง หวู่ชาง’พูดด้วยความทะเยอทะยาน
“ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพลังสายเลือดของเจ้าจะทรงพลังขนาดนี้.”
‘จาง เทียนยี่’ พูดแล้วก็ผงกหัว แต่ในขณะที่พูดก็หันไปสื่อสารกับชูเฟิงอย่างลับๆ
“ ศิษย์น้องชูเฟิง ไม่ใช่ว่าพลังทีเจ้ามี มันจะเป็นพลังของสายเลือดอย่างนั้นหรือ เจ้าต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและมีพลังที่โดดเด่น มันคล้ายกับ สายเลือดจักรพรรดิที่ เจียง หวู่ชางเลย”
ในเวลานั้น ‘จื่อ หลิง’ ก็มองไปที่’ชูเฟิง’ เธอรู้เกี่ยวกับพลังสายฟ้าในร่าง’ชูเฟิง’ ถึงมันจะต่างกับพลังสายเลือด
แต่การบ่มเพาะของ’ชูเฟิง’นั้น ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเช่นเดียวกับพลังของสายเลือด ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่า’ชูเฟิง’นั้นมีสายเลือดจักรพรรดิที่ ‘เจียง หวู่ชาง’กำลังฝันถึงอยู่
สายตาของพวกเขาต้องการคำตอบจาก’ชุเฟิง’ แต่’ชูเฟิง’ก็ไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นี้จะเป็นพลังที่เรียกว่าสายเลือดจักรพรรดิหรือเปล่า เขาจึงได้แต่ส่ายหัว
“ น้องชาย หวู่ชาง เทียบกับ สายเลือดราชวงศ์ แตกต่างกับสายเลือดจักรพรรดิอย่างไร”
เห็นเช่นนั้น ‘จื่อ หลิง’ก็หันไปมอง ‘เจียง หวู่ชาง’อีกครั้ง เธอต้องการช่วย’ชูเฟิง’ เกี่ยวกับพลังที่เขามีโดยถาม’เจียง หวู่ชาง’
“ ข้าไม่รู้ เพราะในราชวงศ์เจียงของข้ายังไม่มีคนมีสายเลือดจักรพรรดิเลย จากที่ข้าได้ยินสายเลือดจักรพรรดินั้นมีอยู่ในดินแดนในตำนาน.”
‘เจียง หวู่ชาง’ ยิ้มและพูด
“ ดินแดนในตำนาน”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ‘ชูเฟิง’และคนอื่นๆก็ตกใจมาก พวกเขารู้ว่าดินแดนนี้คือใจกลางของโลก คือสถานที่ที่อัจฉริยะเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไป เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
“ น้องชาย หวู่ชาง สายเลือดจักรพรรดินี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพลังสายเลือดแล้วใช่หรือไม่”
‘จื่อ หลิง’ถามต่อ
“ แม่นาง จื่อ หลิง ท่านสนใจในพลังของสายเลือดด้วยหรือ”
อย่างไรก็ตาม หลังจาก ‘จื่อ หลิง’ พูด ตาของ’เจียงหวู่ชาง’ ก็เกิดประกาย
..
แปลโดยท่าน#ฮาย
ที่มา: