ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิหรือเหล่าผู้เชียวชาญจากราชวงศ์เจียงพวกเขาทุกคนล้วนต่างแสดงความดีใจออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะพวกเขานั้นคาดไม่ถึงเลยว่ากองกำลังเสริมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนเขาในศึกครั้งนี้จะถูกนำมาโดย’ชูเฟิง’ เพราะทั้งๆที่กองกำลังที่อยู่ใต้อาณัติของเขาที่ดูแลมานานนับหลายปียังเลือกที่จะถอดทิ้งเขาแล้วออกจากทวีป 9 อาณาจักรไป
มันเป็นดั่งคำสุภาษิตที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า มิตรแท้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อในยามที่เราทุกยากเท่านั้น ถึงแม้ว่ากองกำลังเสริมที่’ชูเฟิง’ได้นำมานั้นมันจะไม่สามารถต่อกรกับทั้งสามราชวงศ์ได้ แต่มันก็ได้ให้กำลังใจและปลุกความฮึกเหิมให้คนของราชวงศ์เจียงได้เป็นอย่างดี
“ข้าไม่เคยนึกเลยว่าในช่วงเวลาที่ราชวงศ์เจียงของข้าได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อยู่ในความเป็นและความตาย, จะเป็นเด็กหนุ่มคนนี้ที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราโดยที่ไม่คิดคำนึงถึงชีวิตของเขา”
“ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใด ยี่หนี่ และ หวู่ฉาง แม้กระทั่งท่านพ่อเองยังมีทัศนคติที่ดีต่อเด็กชายผู้นี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริงที่ว่าเขานั้นเป็นคนที่ใส่ใจกับความปลอดภัยของมิตรสหาย”
เมื่อเห็นชูเฟิงและคนอื่น ๆ มันทำให้ใบหน้าขององค์จักรพรรดินั้นดูเป็นสบายใจมากขึ้น และมุมมองของเขาที่มองชูเฟิงว่าเป็นดีอยู่แล้วในตอนี้ก็ยิ่งเป็นดีมากขึ้นไปอีก
ในขณะที่พวกเขาได้รับรู้ว่ากองกำลังที่กำลังเข้ามานั้นเป็นกำลังเสริมจากชูเฟิง คนของราชวงศ์เจียงก็ได้หยุดการก่อวิญญาณของเขาที่สูงเสียดฟ้าและเปิดประตูเมืองและต้อนรับชูเฟิงและคนอื่น ๆ เข้ามาข้างใน
“ชูเฟิงเพื่อนตัวน้อย เจ้านั้นชั่งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความชอบธรรมจริง ๆ ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้มีเพียงแค่สำนักมังกรฟ้าของเจ้าเท่านั้นที่กล้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนราชวงศ์เจียงของเรา”
เจียง เฮิงหยวน มองไปที่ชูเฟิงพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อ่าพี่ เฮิงหยวน ท่านกล่าวเช่นนั้นได้เยี่ยงไรนี่ท่านไม่เห็นข้า ฉี เฟิงหยาง และตัวแทนจาก คฤหาสน์องค์ชายกิเลน มาด้วยอย่างนั้นหรอกรึ?”
เพียงแต่ในเวลานั้นก็ได้มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ซึ่งมันก็เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก ฉี เฟิงหยาง
“ฮ่า ๆ น้องชาย เฟิงหยาง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมา”
เมื่อเห็น ฉี เฟิงหยาง ใบหน้าของ เจียง เฮิงหยวน นั้นก็ปรากฏรายยิ้มขึ้นมาในทันทีแม้ว่าตัวของเขาเองนั้นจะมีระดับพลังวิญญาณที่ห่างไกลจาก ฉี เฟิงหยาง ไปมากแต่เขาก็ยังคงแสดงทัศนคติที่ดีต่อ ฉี เฟิงหยาง เพราะว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ได้แตกต่างจากพี่น้องเลย
“ฮ่าๆ พี่รองของข้ากล่าวถูกต้องแล้ว ข้าเชื่อว่าด้วยความเมตตาของราชวงศ์เจียงที่คอยปกป้องดินแดนทวีป 9 อาณาจักรมาเนินนานจะต้องมีกองกำลังเสริมที่กำลังต้องการมาช่วยท่านอยู่ไม่น้อยเป็นแน่และที่สำคัญอีกไม่นานนี้ผู้คนจากนิกายโลกวิญญาณก็จะมาร่วมสมทบกับพวกท่านด้วย”
ชูเฟิงอมยิ้มกล่าว
พี่รองที่ชูเฟิงพูดถึงนั้นก็คือ ‘ฉี เฟิงหยาง’ นั้นเองตั้งแต่ตอนแรกที่ชูเฟิงและ ฉี เฟิงหยาง ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ฉี เฟิงหยาง ก็ได้กลายมาเป็นพี่ใหญ่ของชูเฟิงมาโดยตลอด แต่ว่าหลังจากที่ อสูรราชันย์วานรได้ปรากฏตัวออกมาความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กด้วยความที่ อสูรราชันย์วานร นั้นมีอายุมากที่สุดในหมู่พวกเขา ฉะนั้นแล้วในตอนนี้ อสูรราชันย์วานร จึงได้เป็นพี่ใหญ่ของชูเฟิง ส่วน ฉี เฟิงหยาง นั้นก็เป็นพี่รองและชูเฟิงก็กลายเป็นน้อยชายของพวกเขาเพราะว่าชูเฟิงนั้นมีอายุน้อยที่สุด
ขณะที่พวกเขาได้พูดคุยกันก็ได้มีผู้เชียวชาญราชวงศ์เจียงบินมาจากน่านฟ้าและร่อนลงตรงหน้าองค์จักรพรรดิพร้อมกับทำความเคารพและรายงาน
“ท่านองค์จักรพรรดิข่ามีเรื่องมาแจ้งให้ท่านทราบ ตอนนี้ผู้เชียวชาญแดนสวรรค์ทั้งหมดจากนิกายโลกวิญญาณได้ถูกนำมาโดย กู่ เทียนเฉิน ในตอนนี้ได้มาถึงเขตแดนของอาณาจักรของเราแล้วขอรับและในตอนนี้พวกเขาก็ได้กำลังมุ่งหน้ามายังราชวงศ์เจียงของพวกเรา”
“ฮ่า ๆ มันเป็นจริงอย่างที่เจ้าพูดไม่มีผิดชูเฟิง ข้ารู้ว่านิกายโลกวิญญาณนั้นจะต้องไม่เหมือนกับตระกูลเจี่ยอย่างแน่นอน เมื่อราชวงศ์เจียงของข้าพบกับภัยพิบัติข้ารู้ว่าพวกเขานั้นจะต้องเต็มใจมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน คุ้มแล้วจริง ๆ ที่ราชวงศ์เจียงของข้านั้นได้ร่วมมือกับเขามานานเป็นเวลาหลายสิบปีนับว่าไร้ประโยชน์เลยจริง ๆ”
หลังจากที่พวกเขานั้นได้รู้ว่าผู้คนมาใหม่นั้นคือใครมันก็ทำให้พวกเขานั้นแสดงอาการมีความสุขออกมาอย่างไม่รู้จบ เพราะการมาถึงของกำลังเสริมในตอนนี้นั้นแม้ว่าจะไม่ได้มรอำนาจพอที่จะนำไปต่อกรกับทั้งสามราชวงศ์มากนักแต่ก็ทำให้พวกเขามีกำลังใจที่จะต่อสู้ขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว
“ท่านองค์จักรพรรดิ!”
ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนดังขึ้น ในคราวนี้มันเป็นเสียงของคนเฒ่าและก็เหล่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์ พวกเขาได้ตะโกนเรียกร้องหาจักรพรรดิและบินมาด้วยความเร็วที่เร็วมาก
“เกิดอะไรขึ้นมันเป็นไปได้ว่ามีกองกำลังอื่นได้เขามาช่วยเหลือราชวงศ์เจียงของเราอีกอย่างนั้นหรือไม่?”
เมื่อเห็นผู้คนที่กระโจนเข้ามาหาองค์จักรพรรดิด้วยความเร็วเช่นนั้นใบหน้าของผู้เชียวชาญเบื่องร่างก็เต็มไปด้วยร้อยยิ้มและคิดไปเองว่ามันจะต้องเป็นข่าวที่ดีเป็นแน่
“ไม่ใช่. แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสในใจของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและบนใบหน้าของพวกเขานั้นไม่ได้แสดงถึงอาการที่มีความสุขเลยแม้แต่นิดแต่มันกับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “
“มีอะไร? มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นเช่นนั้นองค์จักรพรรดิจึงได้เร่งรีบถาม
“องค์ชายเขา….เขาไม่สามารถทนสายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจได้ขอรับ และตอนนี้เขาก็ได้หมดสติไปแล้ว! ท่านองค์จักรพรรดิโปรดไปดูเขาเร็วเข้าเถอะขอรับ”
ผู้อาวุโสกล่าว
“ท่านว่ายังใงนะ?!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นการแสดงออกของผู้คนจากราชวงศ์เจียงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์จักรพรรดิ ใบหน้าที่มีความสุขของเขาทันทีกลายเป็นซีดขาว เขากระโดดบินไปยังทางฝ่ายหลักของราชวงศ์ในทันที
ในเวลาเดียวกัน, ผู้เชียวชาญคนอื่น ๆ จากราชวงศ์เจียงก็ได้กระโดดบินตามไปในทันทีแม้แต่ชูเฟิงที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องบินตามไปเช่นกัน
และเนื่องด้วยปัจจุบันชูเฟิงและคนอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์ต่อราชวงศ์เจียงเขามาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือราชวงศ์เจียง และในเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องตามไปเพื่อทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย
บนเส้นทางที่เขาได้เดินผ่านนั้นชั่งเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางและอุปสรรคแต่ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็มาถึงและเข้าไปยังพระราชวังใต้ดินที่หรูหรา แต่ถ้าจะพูดให้ถูกมันไม่ได้เป็นแค่พระราชวังใต้ดินธรรมดา แต่มันเป็นการก่อตัวที่กลายเป็นพระราชวังใต้ดินที่มีขนาดใหญ่มาก
เพราะว่าภายในของพื้นที่ทั้งหมดของพระราชวังนั้นมันได้ถูกสลักเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และรูปแบบ และมันยังเห็นได้ชัดอีกว่าเป็นรูปแบบที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
และในขณะเดียวกันก็ได้มีคนกลุ่มใหญ่กำลังรายล้อมชายคนหนึ่งอยู่ ซึ่งโดยในกลุ่มนั้นก็ได้มีบุคคลที่ชูเฟิงรู้สึกคุ้นเคยอยู่นั้นก็คือ เจียง ยี่หนี่ ในตอนนี้ใบหน้าของ เจียง ยี่หนี่ นั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลในขณะที่เธอก็ได้มองตรงไปในยังใจกลางของกลุ่ม
“ท่านองค์จักรพรรดิมาแล้ว!”
หลังจากที่ได้มีคนตะโกนดังขึ้นมาราวกับฟ้าฝ่าฝูงชนที่กำลังไทยมุงอยู่นั้นก็ได้กระจายตัวออกในทันที และในขณะเดียวกันชูเฟิงก็ได้ค้นพบว่าบุคคลที่อยู่ในใจกลางของกลุ่มนั้นก็คือ เจียง หวู่ฉาง
ในตอนนี้ เจียง หวู่ฉาง ได้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน ใบหน้าของเขานั้นได้เหมือนกับคนตายที่มีลักษณะซีดขาวและมีเลือดไหลออกจากทาง ตา หู จมูก ปาก และดูเหมือนว่าเขาในตอนนี้นั้นจะอยู่ในอาการโคม่า และข้าง ๆ เขานั้นก็ได้มีผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่มีพลังวิญญาณระดับที่ 7 แดนสวรรค์วิญญาณกำลังพยายามรักษาเขาอยู่
“หวู่ฉาง!”
เมื่อเขาได้เห็นสภาพของลูกชายตัวเองในขณะนั้นองค์จักรพรรดิก็ได้ยิ่งมีความไม่สบายใจเพิ่มมากขึ้น และเพียงแค่พริบตาเขาก็ได้ไปอยู่ใกล้ร่างกายลูกชายของเขาและได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ เจียง หวู่ฉาง ในทันที
และหลังเสร็จสิ้นจากการตรวจสอบอาการบาดเจ็บของ เจียง หวู่ฉาง ใบหน้าอันตึงเครียดของจักรพรรดิก่อนหน้านี้ก็ได้ผ่อนคลายลงในที่สุดหลังจากนั้นเขาก็ได้ทำความสะอาดคราบเลือดบนใบหน้าของ เจียง หวู่ฉาง ออกพร้อมกับยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า
“พาเขากลับไปพักผ่อนที่ห้องของเขาซะ.”
“ท่านพ่อ น้องชายของข้าเป็นเช่นไรบ้าง เขาปลอดภัยใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจียง ยี่หนี่ ก็ได้เดินเข้าไปแล้วรีบถามอย่างใกล้ชิด
“สบายใจได้ น้องของเจ้านั้นไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เขาเพียงแค่ได้รับเล็กน้อยเท่านั้น”
องค์จักรพรรดิตอบ
“อ่าเด็กคนนี้เขาดื้อรั้นมากเกินไป ก่อนหน้านี้ที่เขาได้เข้าไปเพื่อที่จะครอบครองสายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจ แต่ข้านั้นกับได้รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับเขาและข้าพยายามเรียกให้เขากลับออกมาแต่เขาก็ไม่ยอมฟัง โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสได้ว่ารูปแบบอำนาจวิญญาณไว้ที่ร่างกายของเขาและเมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปท่านผู้อาวุโสก็ได้ดึงเขาออกมา หากไม่ได้ท่านผู้อาวุโสแล้วล่ะก็….เฮ้อ ~~~.”
เมื่อได้กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาใบหน้าของ ‘เจียง ยี่หนี่’ ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไร้พลังและหวาดกลัว
“ท่านองค์หญิงท่านอย่าได้กล่าวโทษตัวเองเช่นนั้นเลยในราชวงศ์เจียงของพวกเราแล้วนั้นนอกจากเขาก็ไม่มีใครที่สามารถจะครอบครองสายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจ และช่วยราชวงศ์เจียงของพวกเราได้อีกแล้ว”
ผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับ 7 แดนสวรรค์พูด
“แล้วเราควรจะทำเช่นไร? ถ้าหากแม้แต่ความเข้มข้นของสายเลือดองค์ชาย หวู่ฉาง ยังไม่สามารถที่จะทนแรงดันของสายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจได้นั้นก็หมายความว่าในตอนนี้ราชวงศ์เจียงของพวกเราก็ไม่มีใครที่สามารถครอบครองสายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจ ได้เลยน่ะซิแล้วเช่นนี้มันหมายความว่าพวกเราทั้งหมดจะต้องตายใช่หรือไม่?”
ผู้เชียวชาญราชวงศ์เจียงกล่าว
“เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วพวกเราก็ไม่สามารถที่จะถอยได้อีก ท่านองค์จักรพรรดิข้าขอร้องท่านโปรดส่งองค์หญิงและองค์ชายออกไปจากราชวงศ์เจียงในตอนนี้ด้วยเถิดพร้อมกับส่งผู้เชียวชาญระดับสูงไปปกป้องพวกเขาในขณะที่พวกเขาได้เดินทางออกไปจากทวีป 9 อาณาจักร ก่อนที่ราชวงศ์เจียงของพวกเราจะถูกกำจัดจนสิ้นซาก.”
ทันใดนั้น’เจียง เฮิงหยวน’ ก็ได้คุกเข่าลงไปที่พื้นและอ้อนวอนต่อหน้าองจักรพรรดิ
“ท่านองค์จักรพรรดิพวกข้าก็รอร้อง!”
ทันใดนั้นทุกคนจากราชวงศ์เจียงก็ได้คุกเข่าลง
“นี่พวกเจ้า…”
เมื่อเห็นเช่นนี้องค์จักรพรรดิก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกและมันก็ยิ่งทำให้เขาลำบากใจยิ่งนักในขณะนี้
“เอิ่ม…ช้าก่อน”
ในเวลานั้นชูเฟิงที่ได้ยืนมองอยู่ก็ได้เปล่งเสียงถามออกมาว่า
“สายเลือดราชวงศ์ผสานอำนาจที่พวกท่านกำลังพูดถึงอยู่เนี่ยพวกท่าพอที่จะบอกข้าหน่อยได้หรือไม๊ว่ามันคืออะไร?”
#################################################################################################
ที่มา: