ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เห้อ ไม่นึกเลยว่าราชวงศ์เจียงจะถูกต้อนให้จนมุมถึงขนาดต้องใช้วิธีนี้เลยรึเนี่ย”
หลังจากที่ได้เห็นตัวอักษรเหล่านี้’ชูเฟิง’ถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
คำว่าสารเรียกราชวงศ์นั้นมันได้มีเอาไว้ก็เพื่อเรียกเหล่าผู้เชียวชาญที่อยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าขุมอำนาจต่าง ๆ ในทวีป 9 อาณาจักรไปรวมตัวกันที่ราชวงศ์เจียงเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้กับศัตรูอันยิ่งใหญ่ที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
ลองคิดถึงความแข็งแกร่งของราชวงศ์เจียงดูว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหนพวกเขาได้ปกครองทั่วทั้งทวีป 9 อาณาจักรมานานนับหลายปีและไม่เคยมีขุมพลังอำนาจใดที่คิดกล้าจะรุกรานเขาแต่ในตอนนี้จริงราชวงศ์เจียงกำลังขอความช่วยเหลือจากขุมพลังอำนาจต่าง ๆ ในทวีป 9 อาณาจักรซึ่งมันอาจเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้นั้นราชวงศ์เจียงได้ตกอยู่ในชะตากรรมที่แสนจะยากลำบากอย่างแท้จริง
“ชูเฟิงมันเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าจะรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น?”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของ’ชูเฟิง’ไม่ได้มีความแปลกใจและค่อนข้างเหมือนกับอยู่ในความคาดหวังของเขาฉะนั้นแล้ว ‘หลี่ จางฉิง’ จึงได้คิดว่าชูเฟิงนั้นจะต้องร่วงรู้อะไรบางอย่างเป็นแน่
“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักในตอนนี้ราชวงศ์เจียงกำลังพบเจอกับชะตากรรมอันโหดร้าย ไม่สิมันอาจกล่าวได้ว่าทั่วทั้งทวีป 9 อาณาจักรเลยก็เป็นได้ที่กำลังพบเจอกับชะตากรรมที่โหดร้าย เพราะว่าในตอนนี้นั้นได้ได้มีสามราชวงศ์ที่กำลังปกครองทวีปอื่นอยู่นั้นได้ร่วมมือกันเพื่อที่จะโค่นล้มราชวงศ์เจียง”
“ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้นถ้าหากเป็นราชวงศ์เจียงก่อนหน้านี้ล่ะก็แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เกรงกลัวต่อทั้งสามราชวงศ์วงนี้เลย แต่ว่าในตอนนี้สถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปแล้วบรรพชนเก่าแก่ของราชวงศ์เจียงนั้นได้รับบาทเจ็บสาหัสมันจึงทำให้พวกเขานั้นสูญเสียอำนาจการสู้รบไปเป็นอย่างมาก ฉะนั้นแล้วราชวงศ์เจียงในตอนนี้นั้นก็กล่าวได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอย่างมาก”
“แล้วถ้าเกิดราชวงศ์เจียงได้ถูกทำลายลงล่ะก็ข้าเกรงว่าสำนักมังกรฟ้าของพวกเราก็คงได้โดนถูกทำลายลงไปด้วยเป็นแน่”
ชูเฟิงกล่าวออกมาตามความจริง
“โอ้ว…ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น”
หลังจากที่ได้ทราบความจริงอันน่าเศร้าเช่นนี้ใบหน้าของ หลี่ จากฉิง นั้นก็ได้กลายเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“ในตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว เรามีเพียงแค่ต้องต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่เรามีและคงหวังได้เพียงแค่ว่าขอให้ทั้งสามราชวงศ์ไม่ได้มาถึงที่นี่ด้วยระยะอันสั้นด้วยเถอะ”
‘ชูเฟิง’รู้ว่าถ้าหากผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าได้ฟื้นคืนชีพกลับมาล่ะก็มันเป็นที่แน่นอนว่าเขานั้นจะต้องช่วยราชวงศ์เจียงและกำจัดคนของทั้งสามราชวงศ์ได้เป็นแน่
แต่ว่าการคืนชีพให้กับผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้านั้นมันจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนและถ้าแย่ที่สุดก็อาจจะหลายเดือน ฉะนั้นแล้วชูเฟิงจึงหวังได้แต่เพียงว่าผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าจะได้รับการฟื้นคืนชีพมาได้อย่างโดยเร็วและจัดการทั้งสามราชวงศ์เพื่อช่วยเหลือราชวงศ์เจียง
และด้วยเหตุนี้ในตอนนี้สำนักมังกรฟ้าจึงได้รวบรวมผู้เชียวชาญแดนสวรรค์วิญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกันและแจ้งข่าวให้พวกเขาได้รู้ถึงปัญหาของราชวงศ์เจียงในตอนนี้ว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่และพวกเขาต้องเตรียมตัวที่จะสนับสนุนราชวงศ์เจียง
แต่ว่ามันอาจจะมีคนจำนวนมากที่จะต้องสูญเสียชีวิตในศึกการต่อสู้ครั้งนี้ฉะนั้นแล้วชูเฟิงจึงได้บังคับใครให้เข้าร่วมหากผู้ที่รักชีวิตของตนและไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมชูเฟิงก็ไม่ต้องการที่จะรั้งพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะกลัวทั้งสามราชวงศ์จนต้องออกจากสำนักมังกรฟ้าก็ตาม
แต่ว่าสิ่งที่ชูเฟิงไม่ได้คาดคิดมันก็ได้เกิดขึ้นเพราะว่าในตอนนี้ไม่มีใครที่คิดจะออกจากสำนักมังกรฟ้าเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาทุกคนล้วนตัดสินใจที่จะเดินตามชูเฟิงเพื่อไปสนับสนุนและช่วยเหลือผู้คนจากราชวงศ์เจียง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสัตว์ยักษ์ในหุบเขาพันปีศาจ พวกมันทุกตัวล้วนอยู่กันครบและไม่มีพวกมันเลยแม้แต่ตัวเดียวที่คิดจะหลบหนีออกไป
แม้ว่าเหล่าสัตว์ยักษ์ทุกตัวในที่นี้นั้นจะไม่ได้เป็นแบบเดียวกันกับ อสูรราชันย์วานร แต่มันก็อาจกล่าวได้ว่าด้วยการกระทำของพวกมันในตอนนี้มันทำให้ชูเฟิงมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก
ฉะนั้นแล้วด้วยคำสั่งของผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าเขาจึงได้มอบหมายให้ จาง เทียนยี และ ราชันย์อสูรทั้งห้า เช่นเดียวกับเหล่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์คนอื่น ๆ ไปสนับสนุนกองกำลังของราชวงศ์เจียงและช่วยพวกเขาในการสู้รบกับสามราชวงศ์
หลายวันต่อมา …
ปัจจุบันราชวงศ์เจียงในตอนนี้นั้นได้มีการรักษาการอย่างเคร่งครัด พวกเขาทุกคนล้วนรู้ว่าทั้งสามราชวงศ์กำลังจะทำศึกสงครามกับพวกเขาฉะนั้นแล้วพวกเขาในตอนนี้จึงต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ด้านนอกของเมืองกว้างใหญ่ได้มีการสร้างจิตวิญญาณปิดผนึกที่มีประสิทธิภาพแข็งแกร่งเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันการบุกโจมตีของเหล่าผู้เชียวชาญจากทั้งสามราชวงศ์
และในตอนนี้องค์จักรพรรดิของราชวงศ์เจียงเช่นเดียวกับ เจียง เฮิงหยวน ได้ยืนอยู่บนกำแพงเมืองและมองไกลออกไปในมุมสูงด้วยสายตาที่ซับซ้อน เพราะเขาในตอนนี้นั้นไม่ทราบว่าสถานการณ์ที่สงบสุขเช่นนี้มันจะดำเนินการต่อไปได้อีกนานซักแค่ไหน
*** ฟึบบ ***
ทันใดนั้นก็ได้มีคนของราชวงศ์เจียงบินล่อนลงมาจากท้องฟ้าและหยุดอยู่ตรงที่กำแพงเมืองพร้อมกับทำความเคารพองค์จักรพรรดิเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ พร้อมกับปรากฏใบหน้าที่ไม่สบายใจและร้อนลนออกมาและกล่าว “ท่านองค์จักรพรรดิมีข่าวมารายงานขอรับ ในตอนนี้กองทัพของทั้งสามราชวงศ์ได้เดินทางมาถึงเขตแดนของทวีป 9 อาณาจักรแล้วขอรับและที่สำคัญพวกมันกำลังมุ่งหน้ามาที่ราชวงศ์เจียงของพวกเรา”
“เจ้าว่าใงนะ? ทำใมถึงได้เร็วเช่นนี้? พวกมันมีจำนวนเท่าไหร่? และระดับพลังวิญญาณของพวกมัน ?!”
เมื่อได้ยินคำพุดเหล่านั้นใบหน้าของผู้เชียวชาญหลายคนถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและแปลกใจพร้อมกับอาการหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา
“พวกมันกำลังเดินทางมาทางอากาศ แล้วจำนวนของพวกมันนั้นก็เยอะมากจนไม่อาจประมาณการได้และที่แน่ระดับพลังวิญญาณของพวกมันนั้นไม่ต่ำกว่าผู้เชียวชาญแดนสวรรค์อย่างแน่นอนและนอกจากนี้ยังไม่ได้มีเพียงแค่เหล่ามนุษย์เท่านั้นแต่ยังมีพวกเหล่าสัตว์ยักษ์อีกด้วย”
ผู้อาวุโสตอบ
“แล้วกองกำลังขุมอำนาจอื่น ๆ ในทวีป 9 อาณาจักรล่ะพวกเขาอยู่ที่ไหน? พวกเขาควรที่จะได้รับสารเรียกจากพวกเราแล้วใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดทำใมพวกเขาถึงได้ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ?”
หนึ่งในผู้เชียวชาญถาม
“ตระกูล เจี่ย, สำนักหยวนกัง, สำนักเทพอัคคี, และขุมพลังอำนาจอื่น ๆ เหตุใดทำใมพวกเขาถึงยังมาไม่ถึงภายในเขตแดนอาณาจักรของพวกเรา”
“ตามที่ผู้ส่งสารลับของเราได้แจ้งมานั้นในตอนนี้พวกเขาได้กำลังเตรียมกองกำลังของตนและจัดเก็บสมบัติพร้อมที่จะออกจากทวีป 9 อาณาจักรแล้วในตอนนี้ ข้าเกรงว่าพวกมันคงจะไม่ได้มาสนับสนุนพวกเราเป็นแน่.”
ผู้อาวุโสตอบ
“เรื่องจริง? ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุข ทั้ง ๆที่องค์จักรพรรดิได้ช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้แท้ ๆ ให้รอดจากเงื้อมมือเจ้าลิงนั้นแต่พวกมันกลับตอบแทนพระคุณ เรามาเช่นนี้มันชั่งน่าเจ็บใจยิ่งนัก.”
หลังจากที่ได้ทราบข่าวผู้เชียวชาญจากราชวงศ์เจียงทุกคนได้ระเบิดความโกรธแค้นออกมาในทันทีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ตามความเป็นจริงเราไม่ควรที่จะพึ่งพวกเขาและขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้ นอกจากนี้แม้ว่าพวกเขาจะมาแต่พวกเขาจะทำอะไรได้ พวกเขาสามารถหยุดผู้เชียวชาญแดนสวรรค์ระดับ 9 ของทั้งสามราชวงศ์ได้อย่างนั้นหรือ?”
“ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่พวกเราสามารถพึ่งได้ก็มีเพียงแค่ อำนาจสืบทอดทางสายเลือดราชวงศ์ ที่ได้ถูกทิ้งเอาไว้เบื่องหลังโดยบรรพชนรุ่นก่อน ๆ.”
เพียงแค่ในเวลานั้นองค์จักรพรรดิก็ได้พูด
“ในราชวงศ์เจียงของพวกเรานั้น หวู่ฉาง คือความหวังสุดท้ายเพราะการปรากฏตัวสายเลือดของเขานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก หากมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาขึ้นมาล่ะก็ พวกเราจะทำเช่นไร?”
‘เจียง เฮิงหยวน’ กล่าวด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล
“ใช่แล้วท่านองค์จักรพรรดิท่านอาวุโสเจียงได้กล่าวมาถูกต้องแล้ว ในตอนนี้ราชวงศ์เจียงของพวกเรานั้นควรคิดหาวิธีที่จะปกป้อง หวู่ฉาง และส่งเขาออกไปนอกทวีป 9 อาณาจักรอย่างโดยเร็วที่สุด หรือว่าท่านต้องการให้เขาเข้าไปยืมพลังจาก อำนาจสืบทอดทางสายเลือดราชวงศ์ และไปต่อสู้กับศัตรู ? มันเสี่ยงมากเกินไปนะท่าน.”
ผู้เชียวชาญคนอื่น ๆ ก็ช่วยพูด
“ถ้าราชวงศ์ของเราถูกทำลายแล้วเจ้าคิดว่าเรายังคงมีความหวังที่จะได้ใช้มันอยู่อีกอย่างนั้นหรือไม่? นอกจากนี้การที่จะยืมพลังจาก อำนาจสืบทอดทางสายเลือดราชวงศ์ นี้แล้วไปสู้กับศัตรูหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ หวู่ฉาง มันไม่เกี่ยวกับข้าไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ตามข้าก็ภูมิใจที่มีลูกชายเช่นเขา”
บนใบหน้าขององค์จักรพรรดินั้นได้มีรอยยิ้มขึ้นมาบนมุมปากของเขาเป็นลักษณะที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
และหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นผู้เชียวชาญทุกคนต่างก็ก้มหน้าของพวกเขาลงและไม่ได้เริ่มพูดอะไรอีกต่อไป เพราะพวกเขานั้นไม่ทราบที่จะแนะนำวิธีที่ดีไปกว่านี้ให้กับองค์จักรพรรดิอีกแล้ว
“องค์จักรพรรดิแย่แล้วขอรับ”
แต่ในเวลานั้นก็ได้มีผู้เชียวชาญจากราชวงศ์เจียงผู้หนึ่งทะยานผ่านอากาศเข้ามา และทำความเคารพพร้อมกับเปิดเผยใบหน้าที่ตกอยู่ในอาการหวาดกลัวของเขา
“มีเรื่องอันใด?”
เมื่อเห็นการแสดงท่าทางของเขามันถึงกับทำให้เหล่าผู้เชียวชาญได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันทีและถามออกไปในเวลาเดียวกัน
“ได้มีกองกำลังหนึ่งเข้ามายังเขตแดนราชวงศ์เจียงของเราและกำลังมาอย่างรวดเร็วอีกด้วยพวกมันได้มุ่งหน้ามายังราชวงศ์เจียงของเรา ระดับพลังวิญญาณของพวกมันนั้นได้อยู่แดนสวรรค์วิญญาณเกิบทั้งหมด”
ผู้เชียวชาญตอบ
“นี่มันเป็นไปได้ยังใงกันทำใมพวกมันถึงได้มาถึงเร็วแบบนี้?”
หลังจากที่ได้ยินคำเหล่านั้นพวกเขาก็เกิดริ้วรอยย่นบนใบหน้าของพวกเขาในทันทีและจับจองสายตาของพวกเขามองไปยังพื้นที่ที่ห่างไกล นอกจากนี้คำสั่งก็ยังได้ถูกถ่ายทอดลงไปยังกองกำลังของราชวงศ์เจียงทั้งหมดว่าให้พร้อมต่อสู้และเผชิญหน้ากับศัตรู
แต่ในขณะที่ราชวงศ์เจียงได้เตรียมพร้อมที่จะเข้าปะทะกับสิ่งที่กำลังเข้ามาอย่างเต็มกำลัง เขาก็ได้เพ่งเร่งสายตาของเขาออกไปสู่ขอบฟ้าไกลแล้วพวกเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนหลายรูปร่างปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา และเมื่อคนของราชวงศ์เจียงได้เห็นกลุ่มคนพวกนั้นอย่างชัดเจน จากการแสดงกองกำลังที่ขึงขังของพวกเขานั้นก็ได้ลดลงและเปลี่ยนกลายเป็นมีความสุขในทันที
เพราะกลุ่มกองกำลังนั้นไม่ใช้กองกำลังของทั้งสามราชวงศ์ แต่มันเป็นกองกำลังที่นำมาโดยชายหนุ่มผู้หนึ่งและเขาคนนั้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้ เขาคนนั้นก็คือชูเฟิง ที่นำกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดมาจากสำนักมังกรฟ้าเพื่อมาสนับสนุนคนของราชวงศ์เจียง
#################################################################################################
ที่มา: