* ฟิ้ว ฟิ้ว *
 
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากฟ้าพร้อมกับสายรุ้งที่สวยงาม ทุกคนหันขึ้นไปมองเห็นม้าสีฟ้าขนาดเล็กตาโตมีปีกและมีหางสีรุ้งวิ่งกับแมวประหลาดตัว 4 เหลี่ยมกำลังวิ่งอยู่บนท้องฟ้าพร้อมด้วย สายรุ้งที่พุ่งตามหลังไป สร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคน
 
ล้อเล่นนะ ขำขำ ต่อไปของจริงละ……..
 
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากฟ้าพร้อมกับนกกระเรียนหลากสีบินบนท้องฟ้านั้น จากนั้นก็มีผู้หญิง 10 คนลอยลงมาจากฟ้าร่างของผู้หญิงทั้ง 10 นั้นถูกบดบังด้วยคลื่นลม การปรากฏตัวของพวกเธอนั้นไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน
 
แม้กระทั่งสีกระโปงของพวกเธอก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน แต่อย่างนึงที่เห็นลางลางคือพวกเธอกำลังถือร่มดอกไม้ที่สวยงามอยู่
 
* พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ *
 
ในตอนที่ลอยลงมานั้นพวกเธอก็ได้กางร่มของพวกเธอออกหลังจากพวกเธอได้กางร่มของพวกเธอนั้นความเร็วในการตกลงมาก็ลดทันที นอกจากนี้คลื่นลมที่อยู่รอบๆตัวพวกเธอนั้นก็ค่อยๆหายไป
 

 
“หวา ~~~”
 
หลังจากที่พวกเธอลงบนพื้นสำเร็จนั้นทำให้ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้น อ้างปากค้างและหายใจอย่างรวดเร็วเพราะกำลังตะลึงในความงามของพวกเธอหญิงทั้ง 10 นั้นสูง รูปร่างเรียวสมบูรณ์แบบและมีใบหน้าที่งดงามมากเหล่าชายหนุ่มนับไม้ถ้วนที่ยืนอยู่ตรงนั้นล้วนถูกดึงดูดด้วยความงามของทั้ง10
 

 
“น่าประทับใจจริงๆ พวกเธอทั้งหมดนั้น มีพลังระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณ! “
 
แต่ทุกสิ่งนั้นขอมีข้อยกเว้นเสมอ เพราะ’ชูเฟิง’ไม่ได้ถูกดึงดูดจากความงามของพวกเธอ แต่เขาก็ประหลาดใจเรื่องการบ่มเพาะของพวกเธอเช่นกันหญิงสาวอายุเพียง20ปี แต่การบ่มเพาะถึงระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณ
 
ดังนั้นทักษะการต่อสู้ของพวกเธอจึงไม่ได้ต่ำอย่างแน่นอนภายใต้สายตาที่นับไม่ถ้วนของคนที่มาร่วมงานชุมนุมเลือกคู่ในนครอันทรงเกียรตินี้ ต่างหลงเสน่ห์ หญิงงามทั้ง 10 อย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ อัจริยะจากอาณาจักรต่างๆที่มาร่วมชุมนุม
 
* พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ*
 
ต่อจากนั้นก็มีหญิงงามกว่า 50 คนลอยลงมาจากท้องฟ้าเช่นเดียวกันพร้อมกับกางร่มทำให้ตอนนี้บนท้องฟ้าราวกับเต็มไปด้วยดอกไม้เช่นเดียวกับ 10 คนแรก พวกเธอนั้นงดงามเช่นกัน และยังมีการบ่มเพาะระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณเช่นเดียวกัน
 

 
“ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! ทำไมนครอันทรงเกียรติถึงได้มีสาวงามอัจฉริยะมากมานถึงเพียงนี้”
 
พวกเธอทั้ง 50 คน นั้นอยู่ในระดับ 7 แก่นแท้วิญญาณทั้งหมด และนี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของนครอันทรงเกียรติ ไม่ว่างจะเป็นชาย หรือ หญิง ก็ล้วนแข็งแกร่งต่อจากนั้น 40 สางงามที่เหลือ ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฝูงจน
 
หลังจากนั้นฝูงชนเหล่านี้ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะในเรื่องความงามนั้นพวกเธอไม่แพ้ 60 คนก่อนเลย แต่ว่า การบ่มเพาะของพวกเธอนั้นอยู่ที่ระดับ 8 แก่นแท้วิญญาณ
 
* ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ *
 
การปรากฏตัวของ สาวงามทั้ง 40 คนที่อยู่บนกระเรียนสีรุ้งนั้น ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมากและในเหล่าสาวงามนั้น มีสาวงามจำนวน 9 คน ที่มีพลังระดับ 9แก่นแท้วิญญาณ พวกเธอนั้นทำให้ฝูงชนตะลึงแทบตตาค้างเลยทีเดียว
 
เพราะเมื่อเทียบกับสาวงามก่อนหน้านี้แล้ว ทั้ง 9คนนี้ช่างน่าทึ่งมากนักใบหน้าของ อัจฉริยะหนุ่ม นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะ 4 อัจฉริยะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นหลงเสน่ห์ของ สาวงามทั้ง 9 อย่างหนัก
 

 
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่ะ อาณาจักรฉิน จะมีสาวงามที่สมบูรณ์แบบมากมายขนาดนี้ ข้าไม่เคยเจอหญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ที่อาณาจักรถังของข้ามาก่อน “
 
‘ถัง ยี่ซิว’พูด พร้อมกับเคลิ้มตามความงามของสาวงามทั้ง 9
 

 
” พี่ชาย ยี่ ซิว คนซ้ายสุดเหมาะสำหรับท่าน ส่วนข้า ข้าชอบ คนที่อยู่ตรงกลางที่มีหางม้า2ข้าง เธอน่าจะยังบริสุทธิ์อยู่ ข้าชอบคนแบบนี้ “
 
‘ซ่ง ฉิงเฟิง’ พูด
 

 
“หืม เจ้ารู้ได้ไงว่าเธอจะเป็นเช่นนั้น “
 
‘ไป่ หยุนเฟย’ ถาม
 

 
“ฮ่า ๆ หยุนเฟย เจ้ายังต้องถามอีกหรือ ข้าเคยได้ยินว่านครอันทรงเกียรติ เตรียมความพร้อมหลายปีสำหรับงานชุมนุมเลือกคู่ครั้งนี้ สาวงามที่เห็นนี้เพียบพร้อมทั้งความงามและความสามารถและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับชายใดมากก่อน พวกเธอทั้งหมดยังบริสุทธิ์ราวกับ ‘ลูกนกที่ยังไม่ออกบิน’แน่นอน. “
 
‘หลิว เสี่ยวเหยา’ พูด
 

 
“นั่นหมายความว่านครอันทรงเกียรติจัดงานครั้งนี้อย่างจริงใจสินะ ดูเหมือนการเข้าร่วมครั้งช่างคุ้มค่ายิ่งนัก “
 
หลังจากที่ได้ยิน ‘หลิว เสี่ยวเหยา’ พูด อัจฉริยะทั้ง 3 ก็หันกลับไปมองหาสาวแบบที่เขาแบบออกหน้าออกตาทันทีหลังไม่ใช่แค่เพียง 4 อัจฉริยะ แม้แต่ ‘มู่ หรงยี่’ก็หลงเสนห์ความงามและไม่สามารถโงหัวขึ้นได้หลังจากหญิงงามทั้ง 99 ปรากฏตัวขึ้น
 
พวกเธอก็เริ่มแนะนำตัวทีละคนในตอนนั้น ชายหนุ่มตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาต้องการฟังข้อมูลของสาวงามทั้ง 99 ให้ได้มากที่สุด และค้นหานางในฝันของพวกเขา แต่ในตอนนั้นคนที่ยังสงบเสงี่ยมก็มีเพียง ‘ชูเฟิง’ ‘กูโป๋’ ‘สู จงหยู’ และ ‘เจี้ย ฉิงหมิง’
 
เพราะ’กู โป๋’รู้สึกว่าตัวเองยังเด็กเกินไปและพลังของเขานั้นยังด้อยอยู่เขาจึงไม่ได้หวังที่จะพิชิตใจสาวงามสำหรับ ‘เจี้ย ฉิงหมิง’ และ ‘สู จงหยู’นั้น เพราะพวกเขานั้นปรารถนาที่จะแข็งแกร่ง จึงไม่ได้สนใจสางงามมาเท่าใด ในใจของพวกเขานั้นมุ่งแต่คิดถึงเรื่องผลประโยชน์ที่อยู่บนหุบเขาพันปีศาจสำหรับ’ชูเฟิง’นั้นยังเด็กมาก
 
และเป็นครั้งแรกที่’ชูเฟิง’ได้มาร่วมงานของทวีปเก้าอาณาจักร จึงไม่มีสาวงามคนไหนที่ดึงดูดใจ’ชูเฟิง’ได้ มันไม่ได้เพราะว่าเขาไม่ได้สนใจสาวงาม แต่มันเพราะว่า ไม่มีสาวงามคนไหนที่สามารถครองหัวใจเขาได้
 

 
“ชูเฟิงเจ้าไม่สนใจกับเขาหรือ ข้าได้ยินมาว่าหลังจากเข้าหุบเขาพันปีศาจแล้ว จะสามารถทำความรู้จักกับพวกนางได้อย่างใกล้ชิด ข้ามั่นใจว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้วเจ้าน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเธอไม่น้อย “
 
 
“ไปเล็งสาวงามที่เจ้าชื่นชอบและหลังจากเข้าหุบเขาพันปีศาจแล้วเจ้าก็เดินหน้าลุยเลย!”
 
เห็นว่า’ชูเฟิง’ไม่ได้สนใจสาวงาม ‘กูโป๋’ เลยพูดกับ’ชูเฟิง’
 

 
“พี่ชาย กู โป๋ พวกเรายังเด็กนักสำหรับเรื่องพวกนี้ สิ่งแรงที่เราควรคำนึงถึงคือการบ่มเพาะฝึกตน “
 
‘ชูเฟิง’ยิ้มเบาๆ และพูด
 

 
“อืม น้องชายชูเฟิงพูดถูก ในยุคนี้เราควรฝึกฝนเป็นอย่างแรก หากเราแข็งแกร่ง มันก็ไม่สายไปถ้าเราจะสนใจเรื่องสาวงามในอนาคต “
 
หลังจากได้ยินคำพูดของ’ชูเฟิง’
 
‘กูโป๋’ก็รู้สึกว่าคำพูดของ’ชูเฟิง’นั้นสมเหตุสมผลมาก เขาจึงได้แต่พยักหน้าและพูดเห็นด้วยกับ’ชูเฟิง’แต่ถ้าเขารู้ว่า’ชูเฟิง’ที่พูดเรื่องพวกนี้จริงๆไม่ได้เป็น
 

 
“ไก่อ่อน”
 
แบบที่เขาเข้าใจเขาอาจจะกระอักเลือดตายด้วยความโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย
 
แปลโดยคุณ#
 
ที่มา: