ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปอาจกล่าวได้ว่า ความเร็มของทักษะมังกรทะยานเก้าสวรรค์นั้นรวดเร็วอย่างมาก เพียงแค่สองวัน ‘ชูเฟิง’ กูสามารถติดตามกลุ่มของแปดขุมอำนาจได้ทัน แต่ ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้เข้าไปใกล้แต่อย่างใด เขายังคงรักษาระยะห่างเอาไว้
หลังจากที่แปดขุมอำนาจรู้ที่ตั้งของสมบัตินั้น พวกเขาก็เข้าโจมตีหุบเขาพันปิศาจโดยทันที เพื่อเปิดทางเข้าสู่สมบัติ
ผู้เชี่ยวชาญขั้นแดนสวรรค์กว่าแปดสิบคน บุกทะลวงเข้าสู่หุบเขาพันปิศาจ พวกเขากวาดล้างเหล่าสัตว์ยักษ์อย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งสู่ที่ตั้งของสมบัติโดยที่ไม่สัตว์ยักษ์แม้แต่ตนเดียวที่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้
ขณะที่ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ที่ติดตามกลุามพวกเขามานั้น และกำลังจะแอบแฝงเข้าไปยังที่ตั้งของสมบัติ จู่ๆ ในเวลานั้น ‘จื่อ หลิง’ ก็กระตุกชายเสื้อของ ‘ชูเฟิง’ เพื่อให้หยุดการเคลื่อนไหว
ในขณะนั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่สามารถเข้าใจถึงการกระทำของ ‘จื่อ หลิง’ ได้ แต่เพียงชั่วขณะเขาก็เข้าใจในทันที ในเวลานั้นได้มีบางอย่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สิ่งยั้นคือร่างกายหนึ่ง ที่พุ่งตรงมายังทางเข้าของวังใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสมบัติ ด้วยความรวดเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ทันทีนั้น ทั้ง ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ต่างเห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นั้น คือ อัจฉริยาของราชวงศ์เจียง ‘เจียง หวู่ชาง’
“เขามาที่นี่เพื่อค้ยหาสมบัติจริงๆ”
ในเวลานั้น ‘จื่อ หลิง’ คาดเดาของการมาของเขา และช่วงเวลาที่เขาหายตัวไป จากนั้นจึงกล่าวถามกับ ‘ชูเฟิง’ ว่า
“เจ้าคิดว่าในนั้นจะมีสมบัติไหม หรือว่ามันเป็นเพียงกับดักเท่านั้น”
“ในนั้นต้องมีสมบัติอย่างแน่นอน แต่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่นั้น……ข้าก็ไม่แน่ใจ”
‘ชูเฟิง’ กล่าว
“ตามข้ามา จำเอาไว้ว่า อย่าใช้อำนาจพลังวิญญาณของเจ้า เพราะภายในกลุ่มนั้น มีผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีฟ้า อย่างน้อยสิบคน ทันทีที่เจ้าใช้อำนาจพลังวิญญาณนั้น พวกเขาจะสามารถค้นพบเจ้าได้อย่างรวดเร็ว”
‘จื่อ หลิง’ กล่าวเตือน
“อืม……..”
‘ชูเฟิง’ พยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่จริงจัง ความจริงนั้น เขารู้ว่ากลุ่มคนข้างหน้านั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อำนาจพลังวิญญาณของเขาแต่อย่างใด และทำตามคำบอกของ ‘จื่อ หลิง’ ตลอดเวลา โดยปล่อยให้ ‘จื่อ หลิง’ เป็นคนตรวจสอบทุกๆ อย่างแทน
และนั่นคือเหตุผลที่ ‘จื่อ หลิง’ รู้ถึงการมาของ ‘เจียง หวู่ชาง’ โดยที่ ‘ชูเฟิง’ ไม่สามารถสัมผัสถึงเขาได้แม้แต่น้อย
ขุมพลังทั้งแปดนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ทุกๆ ที่ที่พวกเขาก้าวผ่านไปนั้น ราวกับทุกอย่างจะพังทลายลงอย่างราบคาบ โดยที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ยักษ์ หรือกับดักต่างๆ และแต่รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ก็ไม่สามารถต้านทานพวกเขาได้
แต่บนเส้นทางนั้น ‘ชูเฟิง’ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ และในขณะนั้น ‘เจียง หวู่ชาง’ ก็ได้หยุดความเคลื่อนไหวขณะที่ติดตามกลุ่มแปดขุมอำนาจ ในเวลาเดียวกันนั้น ‘ชูเฟิง’ และ ‘จื่อ หลิง’ ก็พบความผิดปกติ
พระราชวังใต้ดินนั้นกว้างขวางมาก และมันเหมาะที่จะเรียกว่าถ้ำใต้ดินมากกว่า เพราะมันไม่มีแม้แต่หินเรืองแสง หรือการตกแต่งใดๆ เป็นเพียงผนังถ้ำเรียบๆ เท่านั้น
ในขณะแปดขุมอำนาจก้าวลึกเข้าไปภายในถ้ำนั้น ‘เจียง หวู่ชาง’ ก็ก้าวออกมา และหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของผนังด้าวนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาหยิบวัตถุบางอย่างออกมา มันมีลักษณะคล้ายลูกกุญแจ แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ เขาใช้กุญแจนั้น เปิดผนังถ้ำ พลังปรากฏประตูออกมาบานหนึ่ง และมันแผ่ออร่าพลังที่พิเศษออกมา
ขณะที่ออร่าพลังนั้นแผ่กระจายออกมา ทันทีนั้นใบหน้าของ ‘ชูเฟิง’ พลันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสได้ว่า ออร่าพลังนี้มีลักษณะเหมือนกับออร่าพลังในหอคอยอสูรฟ้า และเขารู้สึกอีกว่า ออร่าพลังนนี้คล้ายกับออร่าพลัง ‘ต้านต้าน’ มันคืออร่าของ อสูรฟ้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ‘เจียง หวู่ชาง’ ก้าวผ่านประตูนั้นไป พลังออร่าที่แผ่กระจายออกมานั้นก็หายไป และผนังถ้ำด้านนั้นก็กลับสู่สภาพเดิม
“เขาต้องรู้เส้นทางแน่นอน หรืออย่างน้อย เส้นทางที่เขาไปนั้นก็น่าจะถูกต้องที่สุด”
หลังจากนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็เกินที่ผนังด้านนั้น และตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เขารู้สึกได้ถึงความพิเศษของมัน และเขาไม่สามารถเปิดมันได้ เขาจึงหันหน้าไปที่ ‘จื่อ หลิง’ และกล่าวว่า
“มันพิเศษมาก ข้าไม่สามารถเปิดมันได้”
“ข้าก็ไม่แน่ใจ ผนังนี่มันค่อนข้างพิเศษเลย แต่ข้าจะลองเปิดมันดู”
‘จื่อ หลิง’ ไม่มั่นใจว่านางสามารถเปิดประตูได้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีตัวเลือกเช่นนี้นั้น นางทำได้เพียงทดสอบดูเท่านั้น
เพื่อความปลอดภัยนั้น ‘จื่อ หลิง’ ได้วางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณโดยรอบ เมื่อทำเช่นนี้แล้ว จะไม่มีใครสามารถค้นพบนาง และ ‘ชูเฟิง’ ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่นางกำลังทำได้
หลังจากวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณแล้วนั้น ในเวลาเดียวกัน เพียงพริบตาเดียวพลันเกิดออร่าสีดำขึ้นมาที่ด้านหน้าของพวกเขา ภายใต้ออร่าสีดำนั้นมีอักขระแปลกๆ อยู่ มันคล้ายกับหลุมดำ ให้ความรู้สึกราวกับเป็นประตูสู่อีกโลกหนึ่ง
***** พรึ่บ *****
พลันภายในออร่าสีดำนั้น ก็มีร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาด้านนอกอย่างช้าๆ มันไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ เมื่อพิจารณาอย่าถี่ถ้วน นั่นคล้ายกับจิตวิญญาณมากกว่า
เมื่อเห็นได้ชัดนั้น ร่างนั้นคือ ผู้หญิง ใบหน้าของนางไม่ได้งดงามมากนัก นางสูงถึงสองเมตรครึ่ง ร่างกายของนางล้อมรอบไปด้วยออร่าพลังสีทอง อีกทั้งยังเป็นพลังวิญญาณขั้นแดนสวรรค์
“คาราวะเจ้านาย”
หลังจากที่นางปรากฏตัวออกมานั้น นางแสดงความเคารพต่อ ‘จื่อ หลิง’ อย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ ข้าต้องการวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเทพธิดา และข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
ในทันทีนั้น ‘จื่อ หลิง’ ไม่ได้กล่าวไร้สาระแต่อย่างใด นางรีบเข้าประเด็นทันทีอย่างรวดเร็ว
ในเวลานั้น นางก็ปลดปล่อยพลังออกมาจ่กร่างกาย เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง พลังเหล่านั้นก็ผสานเข้ากำรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของ ‘จื่อ หลิง’
พลังงานนั้น อาจเปรียบได้กัยบแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย เพราะพลังงานเหล่านั้นเป็นพลังงานที่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
สิ่งสำคัญคือ พลังงานนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก จน ‘ชูเฟิง’ สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน และมันทำให้เขาคิดว่าพลังระดับนี้ไม่สมควรที่จะมีอยู่ในโลกนี้
“ต้านต้าน นี่คืออสูรวิญญาณที่ จือ หลิง ทำสัญญาด้วยใช่หรือเปล่า”
‘ชูเฟิง’ กล่าวถามภายในห้วงความคิดของเขา
“ถูกต้อง มันเป็นอสูรวิญญาณ จากโลกวิญญาณเทพธิดา”
“ผู้หญิงคนนี้น่าประทับใจมาก นางสามารถทำสัญญากับโลกวิญญาณเทพธิดา ที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับสอง และยังสามารถทำให้พวกนั้นยอมรับนางได้อีก”
‘ต้านต้าน’ กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“โลกวิญญาณนางฟ้า อสูรวิญญาณจากโลกวิญญาณเทพธิแข็งแกร่งมากเลยเหรอ”
‘ชูเฟิง’ กล่าวถาม
“พวกนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน โลกวิญญาณเทพธิดานั้น อยู่ในอันดับสองของ เจ็ดโลกวิญญาณ”
‘ต้านต้าน’ อธิบาย
“แล้วโลกวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดล่ะ”
‘ชูเฟิง’ กล่าวถาม
“เจ้าช่างกล้าถาม แน่นอนว่าต้องเป็นโลกวิญญาณอสูรฟ้าของข้า หากผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณคนไหนสามารถทำสัญญา กับโลกวิญญาณอสูรฟ้าได้นั้น พวกเขาจะแข็งแกร่งที่สุด”
‘ต้านต้าน’ กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะเขาได้ทำสัญญากับโลกวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด ในเจ็ดโลกวิญญาณ
“น่าแปลกมาก อสูวิญญาณไม่สามารถออกจากร่างของผู้ทำสัญญาได้ไม่ใช่เหรอ แล้ว จื่อ หลิง ใช้วิธีไหนถึงทำให้อสูรวิญญาณออกมาช่วยนางได้กัน”
‘ชูเฟิง’ รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติอยู่
เพราะ ‘ต้านต้าน’ ที่อยู่ภายในร่างของเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่นางก็ถูกสะกดให้อยู่ภายในนั้น และไม่สามารถออกมาช่วยเขาได้ ทำได้เต็มที่เพียงแค่ ควบคุมร่างกายของเขาเท่านั้น
เมื่อเขาคิดว่า ‘ต้านต้าน’ สามารถออกมาช่วยเขาได้นั้น จะแข็งแกร่งเพียงใด เพราะในตอนนี้เขาเพียงยืมพลังของ ‘ต้านต้าน’ เท่านั้น หากนางใช้พลังของนางเอง จะน่าเกรงขามมากถึงขนาดไหนกัน
อีกทั้ง ถ้าในอนาคตนั้น สาวงามเช่น ‘ต้านต้าน’ สามารถออกมาได้นั้น เขาจะไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป และมั่นใจได้เลยว่า ชีวิตของเขาจะต้องหอมหวานอย่างแน่นอน
แปลโดยคุณ#
ที่มา: