ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ชูเฟิง หนีไปได้สำเร็จ !!”
‘เกา ฉีจื่อ’ ไม่ได้ใส่ใจต่อสายตาแห่งความเกลียดชังเหล่านั้น เขาสนใจเพียงความปลอดภัยของ ‘ชูเฟิง’ และเมื่อเขาเห็นว่า ‘ชูเฟิง’ สามารถหนีรอดออกไปได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้น
‘ซู ซ่งหยู’ ที่อยู่ด้านหลังของเหล่าผู้อาวุโสนิกายโลกวิญญาณนั้น ก็ได้แสดงออกทางสีหน้าเช่นเดียวกันกับ ‘เกา ฉีจื่อ’ พวกเขาทั้งหมดต่างยินดีที่ ‘ชูเฟิง’ สามารถหนีรอดไปได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบใบหน้าของพวกเขากับ ‘เจี่ย หยาน’ และคนอื่นๆ นั้น พวกเขามีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง เพราะลูกแก้วแก่นวิญญาณทั้งหนึ่งล้านห้าหมื่นเม็ดนั่น ถูกชิงไปโดย ‘ชูเฟิง’ อย่างง่ายดาย ซึ่งมันเป็นความสูญเสียอย่างมากาสำหรับพวกเขา
สิ่งสำคัญคือการที่พวกเขา เป็นถึงหนึ่งในผู้นำมหาอำนาจ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ถึงสิบหกปีลูบคมเอาได้ นี่จึงทำให้พวกเขาไม่มีหน้าที่จะไปพบใครๆ อีกทั้งมันยังทำให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก
***** ฟี้วววววว *****
ในขณะนั้น ‘เจี่ย หยาน’ ดวงตาเป็นประกาย ใบหูของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว เขารีบหันหน้าไปทางต้นเสียง นั่นคือขอบฟ้าที่ ‘ชูเฟิง’ พุ่งลับหายไป เสี้ยวเวลานั้น มุมปากของ ‘เจี่ย หยาน’ ก็ยกขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ฮู่วววว ฮู่ววววว………”
ในขณะนั้นทางด้านของ ‘ชูเฟิง’ มีระเบิดลมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง แต่เขายังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะสามารถหนีออกมาขากนครอันทรงเกียรติได้แล้วนั้น แต่เขายังคงไม่ประมาทแต่อย่างใด เพราะความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เป็นผลที่เกิดขึ้นมาจากยาต้องห้าม
หากยาต้องห้ามหมดฤทธิ์ลง เขาจะต้องสูญเสียความแข็งแกร่งในตอนนี้ไป อีกทั้งยังต้องสูญเสียการบ่มเพาะพลังวิญญาณปัจจุบันของเขาไป และร่างกายของเขาจะต้องแบกรับความทรมานอย่างมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ มันเป็นการกระทำที่อยู่บนความเสี่ยงโดยแท้ ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะหายไป เขาจะต้องหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัย และห่างไกลจากนครอันทรงเกียรติ
***** พรึ่บ *****
ในขณะนั้น มีออร่าพลังสีฟ้า กำลังพุ่งเข้ามาล้อมรอบตัวของ ‘ชูเฟิง’ มันดูราวกับมังกรที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำ มันมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนล้อมรอบ ‘ชูเฟิง’
“นี่มันอะไร !? รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณสีฟ้าอย่างนั้นรึ !!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ‘ชูเฟิง’ รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ออร่าพลังเหล่านี้คือ รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณของผู้เชื่อมต่อระดับชุดฟ้าอย่างแน่นอน
ในขณะที่ ‘ชูเฟิง’ กำลังตรวจสอบอยู่นั้น ออร่าพลังเหล่านั้นก็เข้ามาห้อมล้อมตัวเขาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นลูกบอลสีฟ้าขัง ‘ชูเฟิง’ เอาไว้ภายใน
“อึ้ก !!”
‘ชูเฟิง’ ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เขาหยิบยันต์โจมตีออกมาอย่างรวดเร็ว และปล่อยออกไปในทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ ‘ชูเฟิง’ ประหลาดใจอย่างมาก เพราะยันต์โจมตีไม่ทีผลใดๆ ต่อออร่าสีฟ้านี่เลย ยันต์โจมตีระเบิดออกเช่นปกติ แต่ก็ไม่สามารถทำลายออร่าเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย
***** ตูม ตูม ตูม *****
หลังจากล้มเหลวในครั้งแรกนั้น ‘ชูเฟิง’ ยังคงโยนยันต์โจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง และเขาโยนเข้าไปในจุดเดียวกนเสมอ แต่ผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เขาไม่อาจทำลายออร่าเหล่านี้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ ‘ชูเฟิง’ หวาดวิตกมากที่สุดนั่นคือ ชั้นของออร่าเหล่านี้กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้แม้แต่น้อย
“ใครกันที่เป็นคนทำเช่นนี้”
‘ชูเฟิง’ ขมวดคิ้วแน่น เพราะแม้แต่ ‘เจี่ย หยาน’ ก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ปิดกั้นเส้นทางหนีของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก
“ชูเฟิง เจ้ามันบ้า !!”
ในขณะนั้น มีเสียงดังขึ้นมาที่ข้างหูของ ‘ชูเฟิง’ เสียงดังราวกับจะระเบิดอยู่ภายในหูของเขา สมองของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากคลื่นเสียงนั่น เขาผงะจนเกือบจะตกจากมังกรที่อยู่ใต้เท้าของเขา
ในเวลานั้น รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่ด้านหน้าของ ‘ชูเฟิง’ สั่นเล็กน้อย จากนั้นก็มีประตูปรากฏขึ้น เพียงพริบตานั้น ชายวัยกลางคนสวมใส่เสื้อผ้าสีดำก็ก้าวออกมาจากประตู
ใบหน้าของเขาสง่างาม คิ้วยาวหนาคมดั่งใบมีด ผมดำยาวประบ่า ผสานกับชุดสีดำสนิทของเขา ชายคนนี้มีลักษณะที่น่าเกรงขาม และอันตรายอย่างมาก
เพราะ ‘ชูเฟิง’ สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ชายตรงหน้าของเขานั้น มีพลังวิญญาณอยู่ในระดับหก ขั้นแดนสวรรค์
เขามีการบ่มเพาะพลังมากกว่า ‘เจี่ย หยาน’ เพียงระดับเดียวเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนแตกต่างกันราวฟ้ากับผืนดิน แสดงให้เห็นว่า เพียงแค่ในการบ่มเพาะพลังเท่านั้น ในด้านความสามารถ ชายคนนี้ก็อยู่เหนือกว่า ‘เจี่ย หยาน’
เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้นั้น แม้การบ่มเพาะพลังวิญญาณของ ‘ชูเฟิง’ จะสูงขึ้น อีกทั้งยังมี ขวานอสูรฟ้า ในมือ แต่เขากลับรู้สึกอ่อนแอ และไร้พลัง เปรียบได้กับเขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ แต่ชายคนนี้คือพญาคชสารตัวใหญ่ยักษ์ ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองคนไม่อาจเปรียบกันได้แม้แต่น้อย
“ท่านคือผู้นำตระกูลเจี่ย เจี่ย ซิงเผิง ใช่หรือไม่”
‘ชูเฟิง’ ถามออกไปด้วยเสียงต่ำ เพราะดูจากการบ่มเพาะพลังวิญญาณ และอายุ อีกทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ มันชัดเจนเลยว่า เขาต้องเป็นผู้นำตระกูลเจี่ยอย่างแน่นอน
“เจ้าฉลาดมาก ถูกต้อง…….ข้าคือผู้นำตระกูลเจี่ย เจี่ย ซิงเผิง”
“ชูเฟิง เจ้าได้โจมตีตระกูลเจี่ยหลายครั้งในก่อนหน้านี้ และในตอนนี้ เจ้ายังจะโกงลูกแก้ววิญญาณของตระกูลข้าอีกรึ ก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่”
ในขณะที่ ‘เจี่ย ซิงเผิง’ กล่าวนั้น เขาลอยอยู่สูงในอากาศ มันดูราวกับว่า เป็นประกาสิตจากพระเจ้า
“โฮ่…..ท่านคือผู้นำของตระกูลเจี่ยเช่นนั้นรึ น่าสนใจจริงๆ นี่แม้แต่ผู้นำตระกูลเจี่ยก็ต้องเคลื่อนไหวเพราะข้า”
‘ชูเฟิง’ มองไปที่ใบหน้าของเขาและหัวเราะออกมาเสียงดัง และเขาก็กล่าวต่ออย่างรวดเร็ว
“คำสั่งเสียอย่างนั้นรึ ท่านจะรับฟังเช่นนั้นรึ”
“ฮ่าๆ…..เจ้าฉลาดๆ….”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เด็กเหลือขอเช่นเจ้า จะมาจากสำนักมังกรฟ้าที่ว่างเปล่าเช่นนั้น แต่หากว่าเจ้ามาจากที่นั่นจริง ด้วยความสามารถของเข้า มันย่อมเหนือกว่าทุกๆ คนที่นั่น”
“ข้าอยากรู้ว่าใครคืออาจารย์ของเจ้า ใครคือคนที่สอนเจ้าถึงความสามารถต่างๆ และเจ้าค้นพบทักษะเร้นลับมาจากที่ใด อีกทั้งเจ้าใช้วิธีใดทำให้ยอดยุทธภัณฑ์ยอมรับเจ้าเป็นเจ้าของ”
‘เจี่ย ซิงเผิง’ กล่าวถาม เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องของ ‘ชูเฟิง’ เป็นอย่างดี
“หืม…..อาจารย์ของข้าอย่างนั้นรึ หากข้าบอกออกไป ท่านจะต้องตาย และท่านก็ไม่มีค่าพอที่จะรู้จักชื่อของเขา หากท่านแตะต้องข้าแม้แต่เพียงปลายนิ้ว เขาจะต้องมาล้างแค้นให้ข้า ตระกูลเจี่ยของท่านจะต้องถูกทำลายอย่างย่อยยับ”
‘ชูเฟิง’ สูดหายใจเข้า เขาเห็นว่าไม่มีวิธีอื่นอีก และเห็นว่า ‘เจี่ย ซิงเผิง’ สนใจในเรื่องนี้อยู่ จึงต้องการสร้างความหวาดกลัวต่อ ‘เจี่ย ซิงเผิง’ หากไม่สำเร็จ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ฮ่าๆ….เจ้าคิดเหรอว่าข้าจะกลัวอาจารย์ที่คอยสนับนุนเจ้าอยู่เขื้องหลัง ข้าแค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำให้เจ้าต่อต้านตระกูลเจี่ยของข้า”
“เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร ข้าก็แค่ฆ่าเจ้า และชิงทักษะเร้นลับ กับยอดยุทธภัณฑ์ของเจ้ามา จากนั้นข้าก็รอเงียบๆ เพื่อคอยอาจารย์ของเจ้ามาแก้แค้น เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะต้อนรับเขาอย่างดี”
ทันใดนั้น แววตาของ ‘เจี่ย ซิงเผิง’ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก พลังขั้นแดนสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง พลังนั้นเข้ามาล้อมรอบ ‘ชูเฟิง’ และเริ่มโจมตีเขาอย่างรวดเร็ว
***** พรึ่บ *****
เมื่อเห็นเช่นนั้น ‘ชูเฟิง’ ไม่กล้ารอช้า เขารีบเรียกใช้ทักษะเกราะเต่าทมิฬทันที ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าพลังสีเขียวอย่างรวดเร็ว
“อ่าาาาา……”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ชูเฟิง จะมีทักษะเกราะเต่าทมิฬปกป้องร่างกายของเขา แต่ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณขั้นแดนสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเกินไป พลังวิญญาณเหล่านั้นกำลังกดทับลงบนร่างกายของ ‘ชูเฟิง’ ในขณะนั้น ร่างของเขากำลังจะระเบิดกลายเป็นกองเนื้ออยู่อีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น
***** ตูม *****
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้น ที่ด้านหลังของ ‘ชูเฟิง’ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น พลันพลังวิญญาณขั้นแดนสวรรค์ที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ก็หายไป จากนั้นก็มีเสียของชายชราดังขึ้น
“พ่อหนุ่ม !! ชูเฟิง ยังเด็กนัก ขอให้เจ้าเห็นแก่หน้าของคนแก่เช่นข้าสักครั้ง ปล่อยเขาไปเถอะ”
แปลโดยคุณ#
: ใครกันว่ะ ???
: หรือจะเป็น . . . . . . . ฉี เฟิงหยาง
: ถุ้ย!!! พี่ฉี จะมาทำอะไรได้ ถ้าสหายของฉ๊ เฟิงหยาง มาด้วยว่าไปอย่าง แต่เขาไม่ออกจากหุบเขาร้อยเลี้ยวเลยแล้วจะมาได้ยังไง
: ถ้าหาก ชูเฟิง บอกไปว่า อาจารย์เขาคือ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ไอ้ เจี่ย ไม่ตกใจขี้แตกเลยหรอ. . . . .
: น่าเสียดาย ที่ผู้ก่อตั้งยังเป็นแค่ดวงจิต . . . . . .
ที่มา: