ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“งั้นศิษย์พี่จาง เตรียมรับมือ”
ชูเฟิงไม่ปฏิเสธ คำขอของจาง เทียนยี่ เขายิ้มอ่อนๆ แล้วก็มีแสงปรากฏขึ้นบนมือเขา และปรากฏเป็นรูปร่างของ ขวานอสูรฟ้าบนมือของเขา.
เมื่อ ขวานอสูรฟ้าปรากฏขึ้น มันทำให้อากาศรอบๆแปรปรวน พลังของมันนั้นนมีอำนาจราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง และในตอนนั้น ทุกคนก็รู้สึกทันทีว่าชูเฟิงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
“แข็งแกร่งจริงๆ นั่นคือขวานอสูรฟ้าอย่างนั้นหรือ ข้าเคยได้ยินมาว่า ตระกูล เจีย และมหาอำนาจอื่นๆนั้น ได้ตามล่าชูเฟิงเพราะขวานนี้ เพื่อต้องการชิงมันมาจากเขา.”
“สมแล้วที่เป็นยอดยุทธภัณฑ์เลือกผู้ครอบครอง พลังของมันนั้นเหนือกว่าดาบไม้ของจาง เทียนยี่อีก มันดูเหมือนว่าผลประลองวันนี้ออกมาแล้วสินะ ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือชูเฟิง.”
คนจากฝูงชนพูดออกมา
“ฮ่าฮ่า ต้องอย่างนี้สิ.”
เมื่อเห็นชูเฟิงใช้ขวานอสูรฟ้า จาง เทียนยี่นั้นดีใจแทบโดดโลดเต้น และหลังจากนั้นเขาก็กระโดดแล้วเหวียงกระบี่ไม้ของเขา ไปที่ชูเฟิงนอกจากนี้ยังรุนแรงกว่าที่ผ่านมาด้วย
“โฮ่!!!.”
ต่อหน้าการโจมตีของจาง เทียนยี่ที่เพิ่มพลังขึ้น มุมปากของชูเฟิงก็ยกขึ้น เขายืนอยู่กับที่ไม่หลบหรือหนี จนกระทั่งการโจมตีของจาง เทียนยี่เข้ามาใกล้ตัวเขา เขาจึงสะบัดแขน และใช้ขวานอสูรฟ้าทันที
“ อะวู้ว “
เมื่อตอนที่ขวานอสูรฟ้าเคลื่อนไหวนั้น มันก็มีเสียงคล้ายกับหมาป่าหอนเกิดขึ้น หลังจากนั้นก็เกิดคลื่นเสี้ยวจันทร์สีดำ และเข้าปะทะกับการโจมตีของ จาง เทียนยี่
*เคร๊งง*
อาวุธทั้ง 2 ปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงปะทะระหว่างเหล็กเกิดขึ้นบนอากาศ ด้วยพลังของมันนั้นสามารถทำให้ชูเฟิงถอยไปได้2-3 ก้าว
แต่ด้าน จาง เทียนยี่ นั้นเขากระเด็นถอยไปหลายเมตร นอกจากนี้ เมื่อมองดีดีแล้วจะพบว่าไหล่ข้างที่จับดาบไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นสั่นอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขารับแรงกดดันเข้าไปเต็มๆ
“ขวานอสูรฟ้าของศิษย์น้องชูเฟิงช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ในเรื่องของพลังเขาเหนือกว่าเรา และนี่คือพลังของยอดยุทธภัณฑ์เลือกผู้ครอบครอง มันเป็นไปได้ว่ายอดยุทธภัณฑ์นั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับยอดยุทธภัณฑ์เลือกผู้ครอบครอง”
ในตอนนั้น จาง เทียนยี่ ก็ขมวดคิ้วแน่น เป็นครั้งแรกที่เขารู้ซึ้งถึงพลังของชูเฟิง
“ศิษย์พี่จาง ศึกยังไม่ตัดสินท่านไม่ควรจะประมาท “
ในตอนนั้นชูเฟิงก็ตะโกนขึ้นมา และเมื่อจาง เทียนยี่รู้สึกตัว ชูเฟิงก็ได้ประชิดตัวเขาแล้ว และเหวี่ยงขวานลงมาที่เขา
ความเร็วของชูเฟิงนั้นสุดยอดมาก เขานั้นไม่ให้จาง เทียนยี่ได้หลบเลย เขาจึงกระชับกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์แน่น อัดพลังของเขาใส่มัน
เมื่อสัญลักษณ์ของกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นอีกครั้งพวกมันก็ได้ไปป้องกัน ขวานอสูรฟ้าที่กำลังพุ่งลงมา
และเกิดเสียง ดัง แคร๊ง ขึ้นอีกครั้ง และนั่นก็เกิดกระแสไฟฟ้าพุ่งไปทั่วทิศทางพร้อมๆกับคลื่นลม
อย่างไรก็ตาม จาง เทียนยี่นั้นถอยไปอีกหลายเมตรอีกครั้ง สิ่งที่แตกต่างจากเดิมคือแขนขวาของเขาสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้น และนั่นมันทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแขนของเขา
“เดี๋ยวก่อน!!! นี่มันไม่ใช่แค่พลังของขวานอสูรฟ้าแล้ว ยังมีความแข็งแกร่งของชูเฟิงเพิ่มเข้าไปด้วย มันช่างร้ายกาจยิ่งนัก การที่ขวานอสูรฟ้าอยู่ในมือเขานั้น มันยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก.”
“ไม่ดีแน่ ข้าจะเข้าไปปะทะกับเขาตรงๆไม่ได้แล้ว ข้าควรจะรักษาระยะห่างและใช้กระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์โจมตี จากระยะไกล.”
ในตอนนั้น จาง เทียนยี่ก็เริ่มตระหนักถึง ขวานอสูรฟ้าบ้างแล้ว
ดังนั้น เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวและใช้ทักษะทางกาย เพื่อที่จะเพิ่งระยะห่างระหว่างชูเฟิงกับเขา และใช้กระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์โจมตีชูเฟิง
*วู่บ*
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ทักษะ ทางกาย ก่อนที่จะถอยหางชูเฟิงที่โจมตีเข้า นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพลังของเขานั้นมันก็เพิ่มขึ้นกว่ารอบที่แล้วเสียอีก ประมานว่า เข้าโจมตีแล้วถอย
“โห้ว .”
เมื่อเห็นรอยยิ้มขบขนที่มุมปากชูเฟิง จาง เทียนยี่ก็ยิ้มขึ้น
เขารู้ว่า ไม่เพียงพลังของชูเฟิงเท่านั้นที่แข็งแกร่ง แต่แท๊คติคของชูเฟิงนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย
ตั้งแต่เริ่มต้น ชูเฟิงรู้เพียงว่าขวานอสูรฟ้าของเขานั้นสามารถโจมตีระยะใกล้ได้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้จาง เทียนยี่ ทิ้งระยะห่างจากตัวเขาได้
การคำนวณที่ผิดพลาด และ ความประมาทนั้น ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ในสถานการณ์นั้นถ้าเขายังดันทุรังใช้ยอดยุทธภัณฑ์สู้กับชูเฟิงต่อไป นั่นอาจจะทำให้เขาพลาดท่าได้
อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการที่จะแพ้การประลอง เขานั้นต้องการติดสินหาผู้ชนะ และผู้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งผู้ที่ได้รับชัยชนะย่อมน่าภาคภูมิใจกว่าผู้แพ้
แม้จะรู้ว่าชูเฟิงนั้นแอบซ่อนพลังไว้อยู่ เขาก็จะสู้ด้วยเต็มกำลัง และไม่ยอมเอ่ยยอมแพ้เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะได้ประมือกับชูเฟิง ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่รู้จะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่
เขาไม่ได้หวังถึงชัยชนะ เขารู้ว่าเขานั้นไม่สามารถที่จะชนะชูเฟิงได้ เขาจึงทุ่มสุดกำลังใช้พลังทั้งหมดต่อสู้กับชูเฟิงอย่างเต็มที่
ดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของชูเฟิงอีกครั้ง เขาไม่ได้ใช้กระบี่ไม้ศักดิ์ป้องกัน แต่เขาระเบิดเพลิงสีฟ้าออกมาจากร่างของเขา
ทักษะลับต้องห้ามของ จาง เทียนยี่ถูกใช้งานมาแล้ว กลิ่นอายของเขาพุ่งสู้ขึ้น และพลังของเขาเพิ่งขึ้นอย่างน่าเกรงขามมาก แม้แต่ คนในระดับ 6 อาณาจักรสวรรค์ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้
ในตอนนั้น ใบหน้าของชูเฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เขากระทำบางอย่างและนั่นทำให้เกิดแสงใต้เท้าเขาและบินนถอยออกมา เขานั้นไม่กล้าเข้าไปปะทะกับมันตรงๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อชูเฟิง เลือกที่จะถอย จาง เทียนยี่ก็พุ่งเข้ามา และกระชับกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น และพุ่งมาทางชูเฟิง ที่สำคัญที่สุดคือ เขาได้ระเบิดพลังของทักษะลับต้องห้ามออกมาและนั่นทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เพียงแค่พริบตาเดียวการประลองนี้ก็ถูกพลิกสถานการณ์กลับ จาง เทียนยี่ ที่ตั้งรับก็กับมาเป็นฝ่ายรุก และเริ่มกดดันชูเฟิง
“สวรรค์ เพลิงสีฟ้า นี่คือทักษะอะไรกัน มันช่างแข็งแกร่งเสียจริง”
“จาง เทียนยี่มีพลังเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ ด้วยพลังที่น่าเกรงขามเช่นนี้ เขาสามารถก้าวข้ามคนที่อยู่ในระดับ 6 อาณาจักรสวรรค์ได้ เขามีพลังเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่า บางทีนี่คือ กายศักดิ์สิทธิ์”
“แข็งแกร่งจริงๆ มันช่างแข็งแกร่งจริงๆ เขาสามารถกดดันชูเฟิง ที่มีขวานอสูรฟ้าได้ นี่หรือว่าเราได้ผลสรุปกันแล้ว ว่าจาง เทียนยี่นั้นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์”
เมื่อเห็นชูเฟิงถูกกดดันให้ถอย ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก เพราะความแข็งแกร่งของจาง เทียนยี่ นี้อาจบอกได้ว่า จาง เทียนยี่ได้สร้างเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อขึ้นแล้ว
แม้จะบางคนที่แอบเชียร์ชูเฟิงอยู่ แต่เขาก็เริ่มรู้สึกว่า จาง เทียนยี่นั้นแข็งแกร่งกว่า หลังจาก จาง เทียนยี่ได้แสดงถึงพลังที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนขึ้นมา
ในตอนนั้น ผู้คนที่แอบเชียร์จาง เทียนยี่นั้นก็รู้สึกพอใจมาก และรู้สึกว่าชัยชนะครั้งนี้ตกเป็นของ จาง เทียนยี่แล้ว
#แปลโดยท่านฮาย
ที่มา: