ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปผู้คนจากภูเขาและทะเลนั้นมารวมตัวกันที่สำนักมังกรฟ้า นั่นหมายความว่าผู้คนที่ทุกคนรู้จักจากทั่วทุกสารทิศต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
ไม่ว่างจะเป็นผู้มีชื่อเสียง คนทั่วไป คนแก่ หรือ หนุ่มสาว ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลอง และ เพลิดเพลินไปกับพิธีเปิดสำนัก
แต่ในตอนนี้ทุกคนนั้นก็จับจ้องไป บนท้องฟ้าเหนือ หุบเขามังกรฟ้าเพราะพวกเขารู้ว่าด้านบนนั้นมีการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจกำลังจะเริ่มขึ้น
นอกจากนี้นั่นไม่ได้เป็นเพียงการเผชิญหน้าระหว่างผู้เชี่ยวชาญ แต่เป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 อัจฉริยะของ ทวีปเก้าอาณาจักร
“ศิษย์น้องชูเฟิง เตรียมรับมือ.”
ทันใดนั้น จาง เทียนยี่ ที่ยืนอยู่บนอากาศก็คารวะ อย่างสุภาพ
“ศิษย์พี่ จาง โปรดชี้แนะด้วย.”
ชูเฟิงก็ยิ้มเบาๆ และประสานมือคารวะตอบเช่นกัน
“ฮ่าา!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น จาง เทียนยี่ไม่รอช้า ระเบิดเสียงตะโกนออกมา เขาไม่ได้ใช้ทักษะอะไร เพียงแค่ชกไปกลางอากาศเท่านั้น
เมื่อหมัดนั้น ถูกปล่อยออกมา ก็มีพลังระดับอาณาจักรสวรรค์ออกมาด้วย ก่อเกิดเป็นคลื่นลมที่มีพลังน่าเกรงขาม พุ่งเข้าใส่ชูเฟิง
“ศิษย์พี่ จาง ข้าเกรงว่า การโจมตีนี้ จะไร้ประโยชน์สำหรับข้า.”
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าการโจมตีของ จาง เทียนยี่ ชูเฟิงก็ยืนยิ้มอย่างใจเย็น เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังและไม่ได้ขยับตัวไปไหน ต่อจากนั้นก็มีรูปแบบวิญญาณสีฟ้าปรากฏด้านหน้า และป้องกันหมัดนั้นไว้
ก่อให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ขึ้น มาเกิดการปะทะระหว่างพลังระดับอาณาจักรสวรรค์และรูปแบบวิญญาณ แต่เมื่อคลื่นลมหายไป ทุกคนก็ต้องตกใจอย่างมาก เมื่อพบว่าหมัดของจาง เทียนยี่นั้นถูกป้องกันโดยชูเฟิงอย่างง่ายดาย
“เห! รูปแบบวิญญาณนี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถ้าเจ้าอาศัยแค่รูปแบบวิญญาณ เจ้าก็จะไม่สามารถป้องกันการโจมตีครั้งต่อไปของข้าหรอก.”
ขณะนั้น จาง เทียนยี่ ยืนยิ้ม แล้วก้าวเท้าออกมา หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือซ้ายคว้าอากาศและกลายเป็นคันธนู และใช้มือขวาดึงอากาศดั่งจับลูกธนู และเมื่อเขาปล่อยออก แสงสีทองพุ่งเป็นลูกธนู พุ่งเข้าหาชูเฟิง
“ธนูร้อยแปลง”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชูเฟิงก็พูดขึ้นมา
เมื่อตอนที่เขาพบจาง เทียนยี่ครั้งแรก จาง เทียนยี่ ก็ใช้ธนูร้อยแปลงเช่นกัน ในครั้งนั้น ธนูร้อยแปลงของเขา อาจบอกได้ว่าไร้เทียมทาน ไม่เพียงแต่เขา แม้ แต่จื่อ หลิง ก็ไม่สามารถ ป้องกันได้
และวันนี้ จาง เทียนยี่ ได้ใช้ธนูร้อยแปลงอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ชูเฟิงเริ่มรู้สึกตื่นเต้น
เพราะเขาต้องการจะรู้ว่า ใครสามารถใช้ธนูร้อยแปลงได้ดีกว่ากัน เมื่อเขาอยู่ในระดับเดียวกับจาง เทียนยี่
ดังนั้น ในตอนนี้มีธนูสีทองเต็มท้องฟ้าพุ่งมาที่เขา ชูเฟิงไม่เพียงไม่หลบ เขายังกางรูปแบบวิญญาณสีฟ้าไว้ข้างหน้าเขา
หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็ทำท่าทางเดียวกับจาง เทียนยี่ ในมือของเขาปรากฏคันธนูสีทอง มือขวาของเขาง้างสายคันธนูแล้วปล่อยคันศรออกไป ขณะนั้นมีลูกศรธนูสีทองพุ่งออกมานับไม่ถ้วน
*ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว *
ในตอนนั้น เสียงดังขึ้นในท้องและแสงสีทองลอยออกไปทั่วทุกทาง หลังจากนั้น ธนูแสงทั้ง 2 ฝ่ายก็ปะทะกันบนอากาศส่งผลให้เกิดแสงสีทองระเบิดออกมา
“สวรรค์ แข็งแกร่งมาก พวกเขาช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ นี่คือการปะทะกันระหว่างคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์”
แม้เห็นแสงและพลังที่น่าเกรงขามบนท้องฟ้า ผู้คนที่ดูอยู่ก็ตะลึงอย่างมากเพราะแม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็ยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้เลย
บางคนก็ไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่าทึ่งแบบนี้มาก่อน พวกเขาจึงถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศนี้ และทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
และมันอาจบอกได้ว่าธนูร้อยแปลงที่ทั้ง 2 ใช้นั้นสุดยอดมาก แต่อย่างไรก็ตามย่อมมีคนที่เหนือกว่าและอ่อนแอกว่า หลังจากการปะทะของลูกศรสิ้นสุดลงก็เกิดบางอย่างขึ้น
ศรสีทองของชูเฟิงนั้นสามารถทะลวงจุดศูนย์กลางที่ปะทะกันแล้วพุ่งเข้าไปยัง จาง เทียนยี่ได้
ตอนแรกจาง เทียนยี่สามารถใช้ความสามารถทางกายหลบพวกมันได้ แต่ต่อมานั้นศรสีทองได้ถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันเกินขอบเขตที่จาง เทียนยี่จะทนไหว
“ฮ่า!”
ในตอนที่ ศรธนูหลายดอกที่พุ่งเข้ามาหาเขานั้น เขาก็ได้ระเบิดเสียงออกมาทันที ธนูร้อยแปลงที่อยู่ในมือของเขาก็หายไป มันถูกแทนด้วยแสงสีทองในมือทั้ง 2 ข้างของเขา
*ตูม*
หลังจากนั้น เขาก็สะบัดชุดคลุมและ เหวียงมือทั้ง 2 ข้าง ทำให้เกิดเพลิงขนาดยักษ์ลอยออกมาจากฝ่ามือเขาและเผาธนูสีทองบนท้องฟ้านั่น ทักษะที่เขาใช้คือทักษะระดับ 6
แต่ชูเฟิงก็ไม่หวาดวิตก เมื่อเห็นเปลวไฟเต็มท้องฟ้า พร้อมกับโหมเข้ามาใกล้ๆ
เขาแสยะยิ้มและกำมือแน่น ทันใดนั้นก็มีเสียงมังกรคำรามออกมาและปรากฏเป็นดาบสีทองที่มือของเขา
หลังจากดาบสีทองนั้นปรากฏขึ้น ก็เกิดแรงกดดันทำให้ไฟของจางเทียนยี่กระจายออกไป
“นี่มัน!!! ทักษะ คงชู เฉินเหริน เพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตน!!!”
เมื่อเห็ดาบสีทองของชูเฟิง ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ก็ลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น
“อะไรนะ เพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตน เป็นทักษะเฉพาะของผู้ก่อตั้งของข้า มันถูกครอบครองโดยชูเฟิงอย่างนั้นหรือนี่”
เมื่อได้ยินที่ ผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้าพูด ผู้อาวุโสจากสำนักไร้ตัวตนก็ตกใจอย่างมาก
เพราะเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนนั้นอาจพูดได้ว่าเป็นความลับที่ถ่ายทอดให้แก่อัจฉริยะภายในสำนัก แต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจกับมันได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้มันสาปสูญไปหลายปี
และในตอนนี้ ชูเฟิงก็ได้ครอบครองทักษะที่สาปสูญไปกว่า 1000 ปี แล้วจะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ ชูเฟิงเป็นอัจฉริยะระดับเทพจริงๆ กว่า 1000 ปีแล้ว ในสำนักไร้ตัวตนของข้าไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนได้.”
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชูเฟิงจะใช้มันได้ ข้าคิดว่าในชีวิตข้าจะไม่มีบุญได้เห็นทักษะที่ผู้ก่อตั้งของข้าสร้างขึ้นเสียแล้ว”
ในขณะที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆกำลังตกใจ ประมุขสำนักไร้ตัวตนก็พูดขึ้นด้วยความภูมิใจ และตื้นตันใจ
ความจริงนั้น เพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนที่ถูกใช้โดยชูเฟิง มันแข็งแกร่งอย่างมาก หลังจากใช้ทักษะมังกรคลั่งไร้ตัวตนนั่นเขาก็แทบจะไร้เทียบทานเลยทีเดียว
ไม่ต้องพูดถึงทักษะของจาง เทียนยี่ ซึ่งมันไม่สามารถเอาชนะชูเฟิงได้เลย แม้แต่ทักษะระดับ 7 ก็เช่นเดียวกัน มันไม่สามารถเอาชนะเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนได้
ดังนั้น เขาจึงดึงกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากหลังเขา และตัดสินใจใช้มันสู้กับเพลงดาบมังกรคลั่งไร้ตัวตนของชูเฟิง
มันอาจพูดได้ว่าพลังของยอดยุทธภัณฑ์นั้นแข็งแกร่งมาก หลังจากเขาได้ครอบครองกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศรอบๆตัวของจาง เทียนยี่ก็แข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว
มีสัญลักษณ์บางอย่างเคลื่อนอยู่รอบตัวเขา และถ้ากระบี่กับมนุษย์ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน มันจะเกิดความสามารถที่ยอดเยี่ยม และด้วยความสามารถนั้น ก็สามารถบีบบังคับให้ชูเฟิงถอยล้นได้อย่างต่อเนื่อง
“ศิษย์น้องชูเฟิง เจ้าเล่นมามากพอแล้ว ให้ข้า จาง เทียนยี่ได้รู้ซึ้งถึงพลังของขวานอสูรฟ้าของเจ้าหน่อย แสดงให้ข้าเห็นหน่อยสิว่าขวานอสูรฟ้าของเจ้าหรือ กระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์ ยุทธภัณฑ์ของใครแข็งแกร่งกว่ากัน.”
ในตอนนั้น ทั้ง2ได้ปะทะกันอีกครั้งด้วยพลังของกระบี่ไม้ศักดิ์สิทธิ์จาง เทียนยี่ สามารถบีบให้ชูเฟิงถอยกลับไปได้อีกหลายก้าว หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดให้ชูเฟิงใช้ยอดยุทธภัณฑ์ของเขา
#ท่านฮาย
: แนะ พี่จาง หาเรื่องเจ็บตัวซะแล้ว
: น่าเสียดายที่จาง เทียนยี่ไม่มี อำนาจพลังวิญญาณ ไม่งั้นให้อสูรวิญญาณมาสู้กัน คงจะมันส์น่าดู
: โอ้ววว หากต้านต้านออกมา เกรงว่าคนจะไม่สนใจการต่อสู้ แต่จะส่องใต้กระโปรงซะมากกว่า!!!
: เออ ก็จริง!!!
ที่มา: