ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” อสูรวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจแบบนี้ ไม่มีพิภพไหนนอกจากอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้า ? “
ซุน ยี่หาน และคนอื่นๆพูดออกมาพร้อมกัน
” ไม่จริง คงไม่ใช่หรอก อสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าเป็นดั่งตำนาน ถ้านางมาจากโลกวิญญาณอสูรฟ้าจริงๆ พลังวิญญาณของนางทำไมถึงอยู่แค่ระดับ 6 อาณาจักรสวรรค์ ไม่ว่าจะยังไง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะเอาชนะอสูรวิญญาณพิภพภูติพรายตนนั้น ระยะห่างของพลังมันต่างกันเกินไป นางคงจะถูกมันกำจัดอย่างแน่นอน “
เจียง วานชือ ส่ายหน้า เมื่อนางพูด นางก็มองที่ชูเฟิง จดจ้องอย่างใจจดใจจ่อ นางคิดว่า ชูเฟิง คงจะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเวลานั้นมาถึงนางจะเข้าขัดขวาง เพื่อปกป้อง ชูเฟิง ทันที
” ฮ่าๆๆ น่าสนใจจริงๆ มาดูสิว่าข้าจะทำยังไงกับผู้หญิงดื้อรั้นอย่างเจ้า “
อสูรวิญญาณพิภพภูติพรายหัวเราะ ไม่เพียงแต่มันไม่กลัวต้านต้าน มันยังโดดไปด้านหน้า พร้อมกับปล่อยควันสีเขียวเข้ม เข้าปะทะกับ ควันสีดำของต้านต้านที่ปล่อยออกมา
” อ๊าาาา ~~~~~~~ “
เมื่อ ควันทั้งสองสัมผัสกัน ราชันย์แห่งพิภพภูติพรายถึงกับร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด มันกรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน เพราะในตอนนั้นควันสีเขียวเข้มของมันถูกปกคลุมด้วยควันสีดำ
ควันสีดำเข้าโอบล้อมจากนั้นมันก็กลายเป็นหัตถ์สีดำขนาดใหญ่ คว้าไปที่ร่างของอสูรโลกวิญญาณพิภพภูติพราย
” สวรรค์ นะ . . นั้น มะ . . .มัน ? “
เมื่อพวกเขาเห็นสภาพที่น่าอดสูของอสูรวิญญาณภูติพรายตนนั้น ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เห็นแล้วจะไม่ตกตะลึงจนลิ้นพันกัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ฉากที่เกิดขึ้นต่อหน้านั้นมันเหนือความคาดหมายของพวกเขา อสูรวิญญาณภูติพรายกำลังถูกหัตถ์ยักษ์สีดำทมิฬคว้าตัวเอาไว้ จนไม่สามารถกระดิกได้
ปัจจุบัน มันมีสภาพดั่งคนชราที่กำลังจะตาย ร่างกายของมันที่ไม่ค่อยจะน่าพิศมัย กับเสียงร้องโหยหวนที่แสนทุกข์ทรมาน ตอนนี้มันจะ สู้ก็สู้ไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่ได้ ไม่ว่าจะพลังวิญญาณของมันหรือพลังชีวิตของมันทั้งคู่ต่างถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว มันถูกดูดกลืนด้วยมือสีดำขนาดใหญ่ที่จับตัวของมันไว้ และในตอนนั้นต้านต้านเองก็ทำน่าระรื่นอย่างมาก
เมื่อย้อนมองกลับไปที่อสูรวิญญาณภูติพรายก่อนหน้านี้ ที่มันเคยคิดจะเล่นกับนาง ในตอนนี้มันถูกต้านต้านมองด้วยสายตาที่เวทนา ขณะที่นางยิ้มหวาน และกล่าวกับมัน
” จำใส่หัวเอาไว้ ข้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่มาจากโลกวิญญาณปีศาจ แต่ข้ามาจากโลกวิญญาณอสูรฟ้า!!! “
หลังจากพูด ต้านต้านก็ยิ่งกระดี้กระด้า พลังในร่างกายของนางสูบฉีดเดือดพล่านอยู่ภายในร่าง แล้วตอนนั้นเองก็เกิดเสียงดัง
*ปั้ง* อสูรวิญญาณภูติพรายถูกบีบจนตายด้วยหัตถ์ทมิฬ พลังวิญญาณทั้งหมดถูกดูดกลืนโดยต้านต้าน
” สวรรค์ มันเป็นไปไม่ได้!!! อสูรวิญญาณภูติภรายอยู่ในระดับ 9 อาณาจักรสวรรค์ จะแพ้นาง “
ซุน ยี่หาน ก้าวถอยหลัง ใบหน้าของนางซีดเผือดไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของเลือด
” ร้ายกาจมาก นางฆ่ามันได้ภายในพริบตา อสูรวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจเช่นนี้ ไม่ต้องสังสัยเลยว่านางคือ อสูรวิญญาณที่มาจากโลกวิญญาณอสูรฟ้า ในตำนาน “
แม่นางคนอื่นๆก็ต้องตะลึง เมื่อต้านต้านประกาศตัวตนของนาง และยิ่งได้เห็นความแข็งแกร่งของนาง พวกเขาก็ยืนยันว่า ต้านต้าน เป็นอสูรวิญญาณที่มาจากโลกวิญญาณอสูรฟ้า
” เป็นไปไม่ได้!!! ไอบ้านั้นมันทำพันธะสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าได้งั้นหรอ!!! “
เมื่อแทบกับการแสดงออกของ ซุน ยี่หานและคนอื่่นๆ พวกเซว่ ยี่และคนอื่นๆ ถึงกับทำตาลุกตาเหลือก โดยที่ไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
นับตั้งแต่ครั้งโบราณ ผู้ที่สามารถทำพันธะสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าได้ จะกลายเป็นบุคคลที่สุดยอดของแต่ละทวีป และพวกเขาล้วนแต่เป็นผู้เชื่อมต่อฯที่ทรงพลังอำนาจเช่นกัน
แม้จนกระทั้งบัดนี้ ผู้ที่ทำพันธะสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาในทะเลตะวันออกนั้นไม่เคยมีเลย แต่ก็มีตำนานมากมายเกี่ยวกับพวกเขา เพราะพลังของอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้า ที่พวกเขาได้รับ
และในปัจจุบัน ชูเฟิง ก็เป็นผู้เชื่อมต่อฯ ที่ทำสัญญากับอสูรวิญญาณพิภพอสูรฟ้า แล้วทำไมพวกเขาที่ได้รู้ถึงจะไม่ตกใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีความขัดแย้งกับชูเฟิง อย่าง เซว่ ยี่ ,เซว่ เจียน พวกเขาตอนนั้นหวาดวิตกกันอย่างมาก
** พรึบ **
จู่ๆ เซว่ เจียน ก็สะบัดมือ แล้วก็มีบางอย่างพุ่งไปหา ชูเฟิง
** หมับ **
ชูเฟิงคว้ามันเอาไว้ ในตอนนั้นเขาก็รู้ความหมายของมันทันที
” พี่ชาย ท่านเหนือกว่าข้าเซว่ เจียน นั้นคือของตามที่เราตกลงกันไว้ “
หลังจากพูดคำนั้น เขาก็หันไปทาง เจียง วานชือ และกล่าว
” แม่นาง เจียง เวลานี้ท่านได้อาศัยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ข้านั้นไม่อาจเอาชนะเขาได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะกลับมาใหม่อย่างแน่นอน และข้าหวังว่าตอนนั้น ที่อยู่อาศัยของท่านยังคงมีผู้เชี่ยวชาญท่านนี้อยู่ “
หลังจากที่พูดจบ เซว่ เจียน ก็สะบัดแขนหันไปอีกด้าน พร้อมกับมองไปที่ เซว่ ยี่ และพรรคพวกด้วยความขมขื่น ที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะบอกว่ากลับได้ จากนั้นพรรคพวกของเขาก็มองไปที่ ชูเฟิง แวบหนึ่ง จากนั้น พวกเขาก็ตาม เซว่ เจียน ออกไปอย่างรวดเร็ว
” เฮ้อ น่าเบื่อชะมัด ที่พวกเขาดันยอมแพ้ไปแบบนี้ “
ต้านต้านยังคงกอดอกด้วยความภูมิใจ หลังจากนั้นนางก็ยึดแขนบิดขี้เกียจ พร้อมกับหันหลังกลับมา กลายเป็นเส้นแสงสีดำลอยเข้าไปในประตูโลกวิญญาณ
” โห!!สุดยอดมาก ที่เจ้าได้ทำสัญญากับอสูรวิญญาณจากโลกวิญญาณอสูรฟ้า!!! เจ้าเป็นคนแรกเลยที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของภาคทะเลตะวันออก !!! “
ขณะนั้น ซุน ยี่หาน ก็เดินเข้ามาหา ชูเฟิง พร้อมกับมองเขาด้วยสายตาที่เร้าร้อน ทำให้นางดูเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ก่อนหน้านี้ สายตานางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ในตอนนี้ เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
” ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าไว้ ข้ามีนามว่า เจียง วานชือ ไม่ทราบว่านามของท่านคือ ? “
ขณะเดียวกันที่ ศิษย์น้องนางพูดขึ้น เจียง วานชือ ก็เข้ามาแทรก
สีหน้าการแสดงออกของ เจียง วานชือ เห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ นางแทบจะไม่ได้มองหน้า ชูเฟิง แต่ตอนนี้สายตาที่นางมองเขา เต็มไปด้วยความซับซ้อน อารมณ์ที่หวั่นไหวสั่นระรัวอยู่ภายในดวงตา มันคือความซาบซึ้งและความเคารพ
” แม่นาง เจียง ท่านไม่ต้องสุภาพก็ได้ ข้าบอกแล้วว่าเราเหมือนเป็นคนรู้จัก เมื่อมีศัตรูมารบกวน ก็เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องยื่นมือช่วยเหลือ ชื่อของข้า ท่านอาจารย์เป็นคนตั้งให้ว่า ‘หวู่ฉิง’ “
ชูเฟิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
” เจ้าชื่อ หวู่ฉิง เอ่อ . . . . . น้อง . . . หวู่ฉิง สินะ ดูตามอายุแล้ว ข้าน่าจะมีอายุมากกว่าเจ้า ดังนั้นหากไม่เป็นการลำบากใจเจ้าจะเรียกข้า ศิษพี่ ก็ได้ “
เจียง วานชือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
” ข้าก็อาวุโสกว่าเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่ “
จู่ๆ ซุน ยี่หาน ก็เข้ามาขัดจังหวะ
” หวู่ฉิง คารวะเหล่าศิษพี่ ! “
เห็นเช่นนั้น ชูเฟิง รีบยิ้มรับพร้อมกับยกมือคารวะอย่างสุภาพต่อเจียง วานชือและคนอื่นๆ
แต่ขณะที่เขาพูด เขาก็เก็บจ้าวโอสถระดับกลางที่ได้มาสามอันเข้าไป แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมาจาก เจียง วานชือ แต่ทั้งหมดแล้ว ก็เป็นชูเฟิงที่นำมันกลับมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยื่นมันคืนให้กับนาง
ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยดี แต่ชูเฟิงจำเป็นต้องรีบพัฒนาพลังวิญญาณ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เขานั้นขึ้นไปยังจุดสูงสุด เป็นการพิสูจน์ตนเอง
” น้อง หวู่ฉิง เจ้านี้ไม่มีความเกรงใจเอาซะเลย ช่างเถอะ แต่ข้าสงสัยว่า . . . . เจ้ามียังธุระอะไรกับข้าอีกไม๊ ? “
เจียง วานชือถาม
” ภายใต้คำสั่งของท่านอาจารย์ ข้าต้องนำเรื่องบางอย่างไปบอกกับท่านอาวุโส ฉิวซุ่ย ยังไงก็ตาม อาจารย์ข้าได้กำชับมาว่า นอกจากอาวุโสฉิวซุ่ย ห้ามนำเรื่องนี้บอกกับใคร ดังนั้น ศิษย์พี่เจียงโปรดอภัยให้ข้าด้วย เนื่องจากข้าไม่อาจบอกท่านได้ “
ชูเฟิง กล่าว
” ไม่เป็นไรเจ้าอย่าได้เกรงใจ แต่อาจารย์ข้ามีสหายน้อยมาก มีเพียงกี่คนเท่านั้นที่ข้ารู้ น้องหวู่ฉิง พอจะบอกนามของอาจารย์เจ้าได้หรือไม่ ไม่ต้องบอกมาทั้งหมด แค่เพียงไบ้ให้ข้าสักเล็กน้อยก็พอแล้ว “
เจียง วานชือ ถาม
ที่มา: