ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ศิษย์น้อง ข้ามีธุระด่วนกับผู้อาวุโส ฉิวซุ่ย จริงๆ ได้โปรดให้ข้าได้พบกับท่านด้วย !!”
ชูเฟิง ยังคงอ้อนวอน ด้วยการเดินทางที่แสนไกลนั้น เขาจึงไม่อยากที่จะกลับไปมือเปล่า
“ไปซะ !!”
ในขณะนั้น สาวงามที่มีพลังระดับแปด ขั้นแดนสวรรค์ก็ตะโกนออกมา พร้อมกับโจมตีใส่ ชูเฟิง อย่างรวดเร็ว
แม้ว่านางจะไม่ได้มอง ชูเฟิง แต่นางกลับสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำ แต่นั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ ที่สำคัญคือนางผสานอำนาจพลังวิญญาณ เกิดเป็นกำแพงสีม่วงกดดัน ชูเฟิง เอาไว้ นี่หมายความว่านางเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณระดับชุดคลุมสีม่วง
“ทั้งอวดดี และไร้เหตุผลจริงๆ !!”
เมื่อเห็นรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณสีม่วงปรากฏออกมานั้น แววตาของ ชูเฟิง ก็เปลี่ยนความไม่พอใจอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นสาวงามแต่ ชูเฟิง ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีก หากว่าเขาไม่ต้องขอร้องพวกนาง แน่นอนว่าเขาจะไม่สุภาพเช่นนี้
หลังจากการโจมตีปรากฏออกมานั้น ชูเฟิง ไม่ใช่คนโง่ที่จะยืนรอรับการโจมตีนิ่งๆ เขาจะต้องสอนบทเรียนบางอย่างให้แก่นาง
***** วู้ววววว *****
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ ชูเฟิง กำลังจะเคลื่อนไหวนั้น เสียงแผดร้องก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ทำให้ความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหวนั้นถูกลบหายไป เขาขมวดคิ้วบางๆ ขณะหันกลับไปมอง เขาก็พบกับสัตว์ยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณสีม่วง
สัตว์ยักษ์ตัวนี้กำลังทะยานอยู่ในอากาศ ในเวลาเดียวกันมันก็แยกเขี้ยวออกมา และพุ่งเข้าชนรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณอย่างรุนแรง
***** บูมมมมมมม *****
เมื่อทั้งสองเข้าปะทะกันนั้น คลื่นพลังทำลายได้แผ่กระจายออกมาเป็นวงกว้าง ทั้งสัตว์ยักษ์ และผนังรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณก็สลายไปทั้งคู่
ในเวลานั้น ชูเฟิง ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อสัตว์ยักษ์ได้สลายไป ชายหนุ่มรูปร่างสง่างาม แต่กลับมีใบหน้าที่คล้ายกับผู้หญิงก็ปรากฏตัวออกมา
ด้วยใบหน้าที่ละเอียดอ่อน และผิวพรรณที่ขาวราวหิมะนั้น เขาจึงน่าจะเนรียกว่าเป็นหญิงสาวมากกว่า
แม้ว่าชายผู้นี้จะมีลักษณะคล้ายกับหญิงสาว แต่พลังของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย เขามีพลังเทียบได้กับสาวงามนางนั้น ที่มีพลังถึงระดับแปด ขั้นแดนสวรรค์
นอกจากนี้ยังมีคนอื่นอีกที่อยู่ด้านหลังของเขา การบ่มเพาะพลังของเขาก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน อาจเรียกได้ว่าเขาคือมังกรในหมู่ชาย แต่คนที่อยู่ในความสนใจของ ชูเฟิง นั้นไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นอีกคนหนึ่ง ชายคนนั้นมีแผลเป็นบนใบหน้า
ชายผู้นี้พยายามปกปิดพลังของเขาเอาไว้ แต่เขาก็ไม่สามารถหลบพ้นการตรวจสอบของ ชูเฟิง ไปได้ ชูเฟิง พบว่าชายคนนี้มีพลังถึงระดับเก้า ขั้นแดนสวรรค์ และจากการปรากฏตัวของเขานั้น เขาน่าจะอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นแดนสวรรค์ และจะเข้าสู่ขั้นจ้าวสงครามได้ในอีกไม่นานนี้
“เซว่ ยี่ ข้ากำละงบังคับให้เจ้านี่กลับออกไป ทำไมเจ้าถึงขัดขวางข้า หรือว่าเจ้า…กับเจ้านี่ !!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น สาวงามที่อวดดีก็กล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา เสียงของนางแสบเข้าไปถึงแก้วหูเลยทีเดียว
“ฮี่ฮี่ แม่นาง ว่านชือ อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร แต่ข้าเห็นว่าเจ้าได้ใช้รูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ ข้าจึงรู้สึกคันไม้คืน อยากจะทดสอบฝีมือของเจ้าดูเท่านั้น”
“แม่นาง ว่านชือ เหตุใดเจ้าจึงได้โกรธ หรือเจ้าเด็กนี่มันทำให้เจ้าบันดาลโทสะออกมาเช่นนี้”
“แม่นาง ว่านชือ ไม่ต้องลำบาก หากเป็นเช่นนั้น ข้า เซว่ ยี่ จะเป็นคนสั่งสอนมันเอง ทีกล้าบังอาจไร้มารยาทกับแม่นาง ว่านชือ เช่นนี้”
เยว่ ยี่ กล่าวออกมา พร้อมกับกำลังยะเคลื่อนที่ เพื่อโจมตีใส่ ชูเฟิง
“ไม่จำเป็น หากเจ้าต้องการสิ่งใด ก็จงกล่าวออกมา อย่าได้เสียเวลา”
ว่านชือ กล่าว
“ฮี่ฮี่ แม่นาง ว่านชือ นี่ฉลาดจริงๆ หากแม่นางกล่าวเช่นนั้น ข้าจะไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป”
“ข้ามาที่นี่ เพื่อจะมาเอาผลไม้วิญญาณ ที่ข้าสูญเสียไปจากการพ่ายแพ้เจ้าในครั้งสุดท้าย !!”
เยว่ ยี่ กล่าวพลางยิ้มบางๆ
“โฮ่….เจ้าต้องการผลไม้วิญญาณ ที่สูญเสียให้แก่ข้าในความพ่ายแพ้ในครั้งสุดท้ายเช่นนั้นรึ !! ย่อมได้ หากเจ้าต้องการ แต่เจ้าต้องเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน !!”
ว่านชือ ยิ้มอย่างเหยียดหยัน ในขณะที่นางกล่าวนั้น ก็มีประกายแสงลอยออกมาจากถุงจักรวาลของนาง มันคือผลไม้ชนิดหนึ่งมีขนาดประมาณสามนิ้วปรากฏอยู่ในมือของนาง
ในขณะที่ผลไม้ปรากฏออกมานั้น ชูเฟิง ก็ตาเป็นประกาย ถึงแม้ผลไม้นี้จะมีลักษณะที่แปลกประหลาด แต่มันก็อัดแน่นไปด้วยพลังเทพสงครามอย่างชัดเจน
ทุกคนบนโลกต่างรู้ดีว่า ทรัพยากรการบ่มเพาะพลังมีทั้งขั้นแก่นแท้วิญญาณ และขั้นแดนสวรรค์ แต่กับผลไม้แปลกนี่ ที่มีพลังถึงขั้นจ้าวสงครามนั้น มันช่างเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจอย่างมาก จากการคาดเดาของ ชูเฟิง นั้น ผลไม้ผลนี้ น่าจะเป็นโอสถระดับกลางอย่างแน่นอน”
“ย่อมได้ แต่คนที่จะรับมืเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า”
เยว่ ยี่ กล่าวพลาง ชี้ไปที่ชายร่างยักษ์ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าที่อยู่ข้างๆ เขา
“ข้า เยว่ เจียน ลูกพี่ลูกน้องของ เยว่ ยี่ ข้าเคยได้ยินมาว่าแม่นาง เจียง ว่าน ชือ ของผาคนรักมีฝีมือที่โดดเด่น อีกทั้งยังสามารถควบคุมอำนาจพลัววิญญาณได้อย่างยอดเยี่ยม”
“และข้า เยว่ เจียน ก็พอจะมีความรู้เกี่ยวกับรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณอยู่บ้าง ข้าจึงต้องการรับคำชี้แนะจากแม่นาง เจียง ว่านชือ ดูสักครั้ง”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าประสานมือขึ้น และกล่าวกับ เจียง ว่านชือ เสียงดัง
“เยว่ ยี่ นี่มันหมายความว่ายังไง !! เจ้าไม่สามาาถเอาชนะศิษย์พี่ของข้าได้ จึงต้องยืมมือผู้อื่นเลยรึ !!”
“เท่าที่ข้าดู ลูกพี่ลูกน้องของเจ้า ไม่ใช่คนของผาคนรัก !! เพราะด้วยอายุของเขาย่อมไม่ใช่คนของผาคนรักอย่างแน่นอน !! เจ้าทำเช่นนี้มันไม่เป็นการละเมิดกฏของที่นี่รึ !!”
สาวงามนางหนึ่งกล่าวตำหนิอย่างรุนแรง
“แม่นาง เจ้าก็กล่าวเกินไป !! ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงจะเป็นแม่นาง ซุน ยี่หาน ที่ลูกพี่ลูกน้องของข้ากล่าวพึงบ่อยๆ ใช่หรือไม่”
เยว่ เจียน ประสานมือขึ้น และกล่าวถาม
“ถูกต้อง ข้าคือ ซุน ยี่หาน !!”
ซุน ยี่หาน กล่าวพลางตบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างมั่นใจ
“แม่นาง ซุน ยี่หาน แน่นอนว่าข้าไม่ใช่คนของผาคนรัก แต่ข้ามาที่นี่เพื่อเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องของข้าเท่านั้น และข้าก็กำลังกล่าวกับ แม่นางเจียง อยู่ เจ้าไม่ควรสอดเรื่องของผู้อื่น หากแม่นางเจียง หวาดกลัวที่จะต้องประมือกับข้า ข้าก็จะกลับไปแต่โดยดี แต่เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าวกับข้า !!”
เยว่ เจียน กล่าว
“เจ้า…….!!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของ เยว่ เจียน นั้น ซุน ยี่หาน โกรธอย่างมาก นางชี้ไปที่ เยว่ เจียน และกำลังจะด่าออกมา
“ยี่หาน หยุด !!”
แต่ในขณะนั้น เจียง ว่านชือ ก็กล่าวออกมา ทำให้ ซุน ยี่หาน หยุดคำกล่าวเอาไว้ เจียง ว่านชือ ยิ้มออกมาบางๆ และกล่าวออกมาว่า
“การยั่วยุของเจ้ายอดเยี่ยมมาก แต่มันก็ไม่ได้ผลสำหรับข้า”
“ถ้าเจ้าต้องการประมือกับข้าก็ย่อมได้ แต่ข้ามีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง หากเจ้าต้องการ ผลไม้วิญญาณ ที่ เยว่ ยี่ สูญเสียให้แก่ข้า เจ้าต้องหาสิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกันมาแลกมันไป หากไม่ได้ตามนี้ ก็เชิญเจ้ากลับไปได้ !!”
ที่มา: