ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปชายลึกลับเปรียบได้กับพระเจ้า ตลอดเส้นทางนั้น เขาได้สังหารสิ่งมีชีวิตจนไม่มีเหลือ มันดูราวกับสายลมแห่งความตาย ที่พัดผ่านไปยังที่ใดเปลวเทียนเทียนแห่งชีวิตก็จะมอดดับลงเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
ชูเฟิง รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก ในความแข็งแกร่งของชายลึกลับ เพราะความแข็งแกร่งระดับนี้มันเกินจากความคาดหมายของเขาไปมาก
แต่ในขณะเดียวกันนั้น ชูเฟิง ก็เกิดคำถามขึ้นมาภายในจิตใจของเขา
ถ้าชายลึกลับแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้ววิธีการใดที่พ่อของเขาใช้ เพื่อควบคุมชายลึกลับได้เช่นนี้
ในตอนนี้ ชูเฟิง จึงเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เพราะเขามีพ่อที่แข็งแกร่งสุดๆ ดังนั้น เขาจึงมีพลังบางอย่างที่อยู่เหนือจากคนทั่วๆ ไป
“ชูเฟิง ข้าคิดว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเจ้า มันเป็นพลังที่สืบทอดมากบรรพชนของเจ้า”
ต้านต้าน กล่าวออกมา เห็นได้ชัดว่านางสังเกตเห็นบางอย่าง ผ่านความแข็งแกร่งของชายลึกลับ
“ทำไมคิดเช่นนั้นรึ ต้านต้าน !!”
ชูเฟิง กล่าวถาม
“หึ……มันก็เป็นเพียงการคาดเดาของข้า แน่นอนว่าคนบ้าผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญในขั้นราชันย์แห่งสงคราม ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของขั้น แต่ด้วยวัยเพียงเท่านี้ นับว่าเขาแข็งแกร่งมาก”
“แต่พ่อเจ้า ก็สามารถทำให้เขาหวาดกลัวได้ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นบ้า แต่เขาก็ไม่อาจลืมคำกล่าวของพ่อเจ้าได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
“เพราะอะไรรึ ??”
“เพราะเขาไม่กล้าที่จะลืม เขาไม่กล้าที่จะลืมคำกล่าวของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ และคนที่แข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์สงครามเช่นนี้”
“เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขาน่าจะพลังพิเศษบางอย่าง” ต้านต้าน กล่าวพลางถอนหายใจ นางขดริมฝีปากของนางเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ผู้ที่สามารถผนึกข้าไว้ในโลกวิญญาณของเจ้าได้นั้น เขาจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดๆ อย่างแน่นอน”
“ข้า…….”
ชูเฟิง สามารถเข้าใจความหมายของคำกล่าวจาก ต้านต้าน ได้เป็นอย่างดี นางกำลังจะบอกว่าพ่อของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก และพื้นเพของเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าที่มาของเขาจะเป็นเช่นไร แทนที่เขาจะมีคนปกป้องที่แข็งแกร่ง และกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังในท้ายที่สุดนั้น
แต่ ชูเฟิง ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า เหตุใดพ่อของเขาจะต้องทิ้งเขาไป บางทีพ่อของเขาอาจะเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างมากก็เป็นได้
ชูเฟิง คิดทบทวนถึงคำถามเหล่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ต้องพบกับปมปัญหาเพิ่มมากจึ้น จนทำให้เขาไม่อาจหาข้อสรุปลงได้
“สุสานจักรพรรดินี่ใหญ่จริงๆ ด้วยความแข็งแกร่ง และรวดเร็วของชายคนนั้น พวกเรากลับยังไม่พบจุดสิ้นสุดของสุสาน แม้ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม”
“สุสานจักรพรรดิจะต้องใหญ่กว่าพื้นที่ของอาณาจักรมังกรฟ้าแน่นอน”
ในขณะที่ ชูเฟิง กำลังก้าวลึกลงไปในสุสานนั้น เขาก็เชื่อมั่นอย่างมากว่าสุสานจักรพรรดิแข็งแกร่งจริงๆ
“ที่นี่เป็นสุสานจักรพรรดิ แม้จะดูเหมือนว่าพวกเรากำลังมุ่งไปด้านหน้าในแนวระนาว แต่ความจริงพวกเรากำลังลงไปสู่ใต้ดิน ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มาก”
“แต่ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าสุสานจักรพรรดิจะกว้างใหญ่มาก แต่เมื่อเทียบกับสุสานวีรชนนั้น ที่นี่ก็เปรียบได้กับสนามเด็กเล่นเท่านั้น”
ต้านต้าน กล่าวพลางยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น
“สุสานวีรชน !? มันคืออะไรรึ !?”
ชูเฟิง กล่าวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะความแข็งแกร่งของสุสานจักรพรรดิยังแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วสุสานจักรพรรดิจะแข็งแกร่งขนาดไหน
“หึ ข้าเกรงว่าเจ้าจะหวาดกลัวในสิ่งที่ข้าบอก ในตอนนี้เจ้ายังเด็กมากนัก เรื่องบางเรื่องยังไม่จำเป็นต้องรู้”
ต้านต้าน กล่าว พร้อมยิ้มบางๆ โดยที่นางไม่ได้อธิบายสิ่งใดออกมา
ภายใต้สถาการณ์เช่นนี้ มันทำให้ ชูเฟิง รู้สึกหมดหนทางอย่างสิ้นเชิง มันเป็นเหมือนกับการเสพยาเสพติด แต่ในเมื่อ ต้านต้าน ไม่อยากจะกล่าว เขาจึงจนปัญญาที่จะถามต่อ
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็เกิดความประหลาดใจขึ้นอีก เพราะ ต้านต้าน นั้นรู้แทบจะทุกเรื่อง ชูเฟิง จึงอยากรู้ความแข็งแกร่งของนางก่อนที่นางจะถูกผนึก
คำถามนี้คาใจของเขามานานมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ถามนางออกไป แต่นางปฏิเสธทุกครั้งที่เขากล่าวถามออกไป แต่ด้วยความรอบรู้ของนางนั้น ชูเฟิง มั่นใจว่านางแข็งแกร่งมากแน่ๆ
อีกทั้ง ชูเฟิง ยังรู้ว่านางไม่เคยทำสัญญากับมนุษย์คนอื่นนอกจากเขา นั่นหมายความว่านางไม่เคยมายังโลกแห่งนี้มาก่อน
ทุกๆ อย่างที่นางรู้นั้น น่าจะมาจากโลกวิญญาณของนาง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้คำตอบจากนาง แต่ ชูเฟิง ก็เชื่อมั่นว่านางแข็งแกร่งกว่าชายลึกลับผู้นี้
ตลอดเส้นทางนั้น ชูเฟิง ไม่ได้มีความประหลาดใจอย่างอื่นอีก อานกล่าวได้ว่า การเข้ามายังสุสานจักรพรรดิในหลายๆ ครั้งของเขานั้น ทำให้เขาเติบโตขึ้น
แต่เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง ชูเฟิง ก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะเขาพบกับซากของสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่จำนวนมาก
ซากของมันสูงกว่าสิบเมตร และมีความยาวมากกว่าร้อยเมตร มันมีขนาดใหญ่กว่าพระราชวัง และอาจเทียบได้กับภูเขาลูกย่อมๆ ก็ว่าได้
สัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์เช่นนี้ เมื่อแรกเกิดจะมีพลังขั้นกำเนิดสิญญาณ ช่วงวัยรุ่นจะม่พลังขั้นแดนสวรรค์ และเมื่อโตเต็มวัยจะมีพลังขั้นจ้าวแห่งสงคราม
แต่สัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้กลับถูกสังหารจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแค่ซากแห้งๆ ที่ถูกดูดแหล่งอำนาจพลังวิญญาณไปจนหมด
“แข็งแกร่งมาก สุสานจักรพรรดิ์ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้แต่สัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์จำนวนมากเช่นนี้ ยังสามาาถอาศัยอยู่ที่นี่ได้”
ชูเฟิง กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
ความแข็งแกร่งของสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์นั้นยอดเยี่ยมมาก ชูเฟิง ไม่สามารถจินตนาการถึงตอนที่พวกมันยังมีชีวิตออกมาได้
“บ้าเอ๊ย !! พวกเรามาช้าเกินไป สัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์พวกนี้มีสายเลือดพิเศษ แหล่งอำนาจพลังวิญญาณของพวกมันถูกดูดไปจนหมดแล้ว”
“อ๊าาาาาาาา !! ข้าโกรธมาก !! มันจะต้องเป็นตาแก่นั่นแน่ๆ !! มันกวาดเอาสมบัติที่มีค่าไปจนหมด!!”
“ชูเฟิง ถ้าเจ้าพบกับตาแกชุดดำนั่น รีบสั่งให้เจ้าบ้าคนนี้ฆ่ามันทันทีเลย และข้าจะดูดซับแหล่งอำนาจพลังวิญญาณของมันซะ ความโกรธแค้นของข้าจะได้หายไป !!”
ในขณะที่ ชูเฟิง กำลังชื่นชมในความแข็งแกร่งของสุสานจักรพรรดิอยู่นั้น ต้านต้าน ก็สบทออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว เพราะพลาดโอกาสที่จะได้ดูดซับแหล่งอำนาจพลังวิญญาณ เพราะโดนชายชุดคลุมสีดำชิงตัดหน้าไป
“ไม่ต้องห่วง หากข้าพบกับตาเฒ่าชุดดำนั่น ข้าจะเอาทุกอย่างมากจากเขาให้หมด”
ชูเฟิง กล่าวพร้อมกับ เปลวเพลิงแห่งโทสะเกิดขึ้นในแววตาของเขา
บนเส้นทางช่วงหนึ่งนั้น มันถูกประดับไปด้วยทองคำ และหยก ก่อนหน้านี้มันน่าจะเป็นสถานที่เก็บสมบัติ
แต่น่าเสียดาย แม้สมบัติเหล่านั้นจะไม่มีปีก แต่มันกลับหายไปไม่มีเหลือ ไม่ต้องคิดให้มากความ มันจะต้องเป็นฝีมือของ ชายชราชุดสีดำ อย่แน่นอน
สมบัติจำนวนมากมายนั้น อาจนะเป็นทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง หรือเป็นของวิเศษที่แข็งแกร่งกว่ายอดยุทธภัณฑ์ก็เป็นได้ ดังนั้น ชูเฟิง จะไม่อยากพลาดโอกาสอีก ถ้าเขามีโอกาส เขาจะต้องชิงทุกอย่างมาจากชายชราชุดสีดำอย่างแน่นอน
“ชูเฟิง ดูนั่น !!”
ต้านต้าน กล่าว
หลังจากได้ยินคำกล่าวของ ต้านต้าน นั้น ชูเฟิง ก็หันไปอีกด้าน จากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เพราะภาพที่ปรากฏตรงหน้าเขานั้น ไม่ใช่โลกใต้ดินธรรมดา มันมีเมฆขาวลอยอย่างช้า มีภูเขาที่สูงใหญ่ และมีน้ำตกที่งดงาม ทั้งหมดนั้นปรากฏออกมาราวกับความฝัน
: ตาแก่ชุดดำแม่งกวาดซะราบคราบเลย ถ้าเทียบกับจานข้าว อาจพูดได้ว่าแม่งแดกข้าวไม่เหลือสักเม็ด เผลอๆเลีย
: กูว่าแดกจานเข้าไปเลยดีกว่าไม๊???
: ก็ดีนะ อยู่ท้องดี
: เด๋วกูไปเอาจานมาให้ แล้วมืงแดกนะ
: เอามาสิ
: แม่งใจถึง . . . . . . . .
ที่มา: