ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 661 – คำพูดที่สร้างปัญหา
“ในตอนนี้มีทั้งหมด 60 ป้าย โดยปกติแล้วจะแจกจ่ายให้อัจฉริยะที่อายุไม่เกิน 30 ปี””อย่างไรก็ตามเกือบครึ่งนึง ถูกส่งไปยังหมู่เกาะประหาร เพราะที่แห่งนั้นมีอัจฉริยะจำนวนมาก และพวกเขายังเป็นผู้ปกครองของภูมิภาคทะเลตะวันออก,”
ชุน หวู่ พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชูเฟิงต้องขมวดคิ้วอย่างหนัก เพราะอัจฉริยะจากหมู่เกาะประหารนั้นมีเกือบครึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา
เขาไม่กล้าพูดอะไร เพราะเมื่อคนในรุ่นพวกเขาโตขึ้น หมู่เกาะประหารก็น่าจะกลายเป็นมหาอำนาจที่ไม่สามารถกำจัดได้ง่ายๆอย่างแน่นอน หากไม่มีมหาอำนาจอื่นๆในภูมิภาคทะเลตะวันออกมาช่วยเหลือเขา “แต่คนพวกนั้น หยิ่งมาก จนถึงตอนนี้ไม่มีใครมาหุบเขาสายหมอกทุกคน ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะมาเมื่อการเปิดม่านสิ้นสุดแล้วดินแดนตราประทับนิรันดร์เปิดขึ้นอย่างแน่นอน,”
ชุน หวู่ พูดขึ้น “และเมื่อม่านของมันเกิดขึ้นแล้ว จะมีคนสักเท่าไหร่กัน”
ชูเฟิงถาม. “การเปิดม่านนั้น นั้นจะเปิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และใน 2 วันนั้น จะมีคนถูกเลือก 40 คน จะมีเพียงแค่ 100 คนเท่านั้นที่ได้เข้าไปยัง ดินแดนตราประทับนิรันดร์ และเมื่อได้ผลสรุปของการเปิดม่านแล้วดินแดนตราประทับนิรันดร์ก็จะเปิดขึ้น”
(T/N ถือป้าย 60 คัดเลือก 40 รวมเป็น 100 ) “อย่างไรก็ตาม มักจะมีคนกว่าพันคนที่มาแล้ว ไม่ได้รับป้ายสายหมอกนี้ และคนที่เป็นเช่นนั้นมักเป็นคนที่มีพลังน้อยๆเท่านั้น โดยปกติแล้วระดับต่ำที่สุดที่จะเข้าร่วมดินแดนตราประทับนิรันดร์ก็คือ 2 จ้าวแห่งสงคราม แต่ หวู่ ฉิง เจ้าเป็นกรณีพิเศษ เพราะข้าเห็นเจ้าเตะคนระดับ 2 จ้าวแห่งสงครามได้สบายๆเลย ฮี่ฮี่.”
เมื่อเห็นรอยยิ้มซุน หวู ชูเฟิงจึงถามอีกว่า”
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ทำร้ายท่านล่ะ””อิอิ มันเป็นความลับ.”
ชุน หวู พูดขึ้นด้วยพร้อมรอยยิ้ม
แม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไร แต่ชูเฟิงก็รู้คำตอบดีว่านางต้องแก้แค้นพวกเขาอย่างแน่นอน “ศิษย์น้อง หวู่ฉิง.”
ในตอนนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น มันเป็นเสียงของ เจียง ว่านชือนั่นเอง “โอ้ ศิษย์น้องเจียง ไม่ได้เจอกันนานข้าคิดถึงจังเลย ขอกอดหน่อย เจ้ามาอยู่ที่นี่ แล้วผู้อาวุโส ฉิวชุ่ยล่ะไม่ได้อยู่ด้วยหรือ -ข้าคิดถึงนางจังเลยย~”
เมื่อเห็น เจียง ว่านชือ ชุน หวู่ก็ทักทายก่อนชูเฟิง
เมื่อเห็นภาพดังนั้นก็ชวนให้ชูเฟิงอดนึกภาพที่ ชุน หวู่ กับ เจียง ว่านชือ เถียงกันตอนด้านนอกหุบเขาสายหมอกไม่ได้ แต่สักพักชูเฟิงก็ตระหนักได้ว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงนั่นเอง “ศิษย์พี่ ชุน หวู ผู้อาวุโส เพียวเมี้ยว เรียกอาจารย์ข้าไปก่อนหน้านี้ ดังนั้น นางจึงไม่มาวันนี้ แม้นางจะมาก็คงจะมาทีหลัง””อ่อแล้ว ผู้อาวุโสเพียวเมี้ยว ฝากข้อความของข้ามาถึงพวกท่านด้วยว่า เธองานเข้าอย่างกะทันหัน ขอให้พวกท่านช่วยต้อนรับแขกด้วย.”
เจียง ว่านชือ นั้นยอมรับชุน หวู ตั้งแต่เห็น ในด้านของอายุ ชุน หวู ไม่ได้แก่กว่าเธอมากนัก แต่เธอก็เคารพชุน หวู มาก
และเมื่อเห็นท่าทางของ เจียง ว่านชือ เป็นเช่นนั้น ชูเฟิงก็ได้แต่ยิ้ม และคิดว่าถ้า เจียง ว่านชือ รู้ว่า ชุน หวู คือผู้หญิงเนื้อตัวสกปรกนั่น จะมีท่าทางอย่างไร “อ่า ไม่นะท่านอาจารย์ นี่มันช่างน่าสงสัยยิ่งนัก ด้วยลักษณะของนางไม่น่าจะทำแบบนี้ นอกจากนี้ มันยังไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่มารอคอยเพื่อจะพบนางอีกด้วย.”
ชุน หวู พูดขึ้น
หลังจากนั้น ชุน หวู ก็ไปบอก เซี่ย หยู เรื่อง ท่านหญิง เพียวเมี้ยว เทงานเลี้ยง เพื่อให้ เซี่ย หยูจัดการกับปัญหานี้ เพราะเธอนั้นน่าจะมีความสามารถที่เหมาะสมที่สุด.
ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ และ อ่อนหวาน พร้อมกับเหตุผลที่เธอได้บอกผู้คนว่า ท่านหญิงเพียวเมี้ยว นั้นไม่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ จึงมากล่าวขอโทษ และ กล่าวเปิดงานเลี้ยง “แม่นาง เซี่ย หยู ท่านหญิงเพียวเมี้ยว ได้กระจายป้ายสายหมอกออกไปตามความต้องการของนางหรือไม่”
เจ้า วิหาร วู่ หยา พูดขึ้น “ท่านอาวุโส วู่หยา ป้ายสายหมอกที่อาจารย์ข้าได้แจกจ่ายไปนั้นย่อมตกอยู่ในมือของผู้ที่เหมาะสม,”
เซี่ย หยู ตอบกลับ “โอ้ นั่นก็น่าแปลกใจยิ่งนัก ทำไมศิษย์ของข้า จู ตี่กวง ที่อยุ่ในระดับ 2 เจ้าสงครามจึงไม่ได้รับ””อย่างไรก็ตามข้าได้ยินว่า ปีนี้ มีคนที่อยู่ในระดับ 1 จ้าวแห่งสงครามได้รับป้ายสายหมอกไว้ด้วย ดังนั้นไม่ได้หมายความว่า ท่านหญิงเพียวเมี้ยว จะแจกจ่ายตามใจตนหรืออย่างไร,”
เจ้าวิหาร วู่ หยา พูดขึ้น “โอ้ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ เจ้าวิหาร วู่ หยา อย่าพูดพล่อยๆ ท่านหญิง เพียวเมี้ยว นั้น ยุติธรรมเสมอ นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร””ถูกต้อง แม้ศิษย์ข้าจะไม่ใช่อัจฉริยะ แต่เขาก็อยู่ในระดับ 2 จ้าวสงคราม ถ้าพวกเรามาพูดเช่นเดียวกับท่าน ท่านหญิง เพียว เมี้ยว ก็ต้องให้พวกเราอย่างนั้นสินะ ถ้านางไม่ทำเช่นนั้น แสดงว่านางไม่ยุติธรรมจริงๆ ทุกๆคนคิดว่าอย่างไร””ใช่ใช่ใช่ ถ้าพวกเราพูดถึงเรื่องของความสนิทศิษย์ทุกคนในที่นี้ก็สมควรได้รับป้ายสายหมอก.””เจ้าวิหาร วู่หยา ดูเหมือนท่านจะดูถูกแม่นางเพียวเมี้ยวไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง แม้ว่าเราจะมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถ้าท่านยังพูดถึงนางเช่นนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน.”
หลังจากเจ้าวิหารวู่ หยา พูดมันก็เกิดการแตกแยกเล็กน้อย บางคนนั้นเริ่มพูดและเห็นด้วยกับ เจ้าวิหาร วู่หยา บางคนนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาเคารพท่านหญิงเพียวเมี้ยวอย่างมากจึงไม่ชอบให้ใครมาพูดจะให้เสียหาย
แต่คนที่รู้ความจริงเช่น ศิษย์ทั้ง 4 และคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้ว เพราะหมายความว่าเรื่องที่เขาพูดมานั้นนเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะไม่เพียงจะทำให้ชูเฟิงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ยังทำให้ผู้คนสงสัยใน ท่านหญิง เพียวเมี้ยวอีกด้วย “โฮ่โฮ่ ทุกคนโปรดสงบก่อน ข้าจะกล้าดูถูกท่านหญิงได้อย่างไร แต่ข้าได้ยินมาว่ามีคนที่อยู่ในระดับ 1 จ้าวแห่งสงครามได้รับเลือกให้เข้าร่วมดินแดนตราประทับนิรันดร์และได้รับป้ายสายหมอกมาจริงๆ โดยไม่ต้องคัดเลือกในงานเปิดม่าน แต่สามารถเข้าร่วมได้ตรงๆ””และในฐานะที่ท่านหญิง เพียวเมี้ยว เป็นผู้พิทักษ์หุบเขาสายหมอก ในเรื่องการเข้าร่วมดินแดนตราประทับนิรันดร์นั้น ต่อให้นางจะทำเช่นไรหรือ นางจะพูดเช่นไรก็ย่อมไม่มีใครสงสัย””ดังนั้น ในเรื่องของป้ายสายหมอกอันนี้ ข้าแค่ถามออกมาว่าท่านมีเหตุผลพิเศษอันใดที่ทำเช่นนี้ และข้าไม่ได้มีเจตนาก้าวก่ายนาง.”
เจ้าวิหาร วู่ หยา พูดขึ้นพร้อมมองไปที่ชูเฟิง
ReadMGA///////////////////////////////////////////////////A : ลองเอาศิษย์มืงมาสู้ดิ แล้วจะรู้ซึ้งเลย!!!
B : บอกคำเดียวว่า เละ ทั้ง ศิษย์และอาจารย์!!!
A : ชูเฟิงอัดยันอาจารย์เลยอ่อ โหดจุง
B : ป่าว!!! ถ้าลองคิดในแง่ความเป็นไปได้ ชูเฟิง ย่อมเอาชนะสองคนนั้นได้สบายๆอยู่แล้ว แต่หากชูเฟิงต้องการปลิดชีวิตพวกมัน ให้เป็นบทเรียนก็คนรอบๆ วู่หย่า ต้องโดดมาช่วยอยู่แล้ว
C : มืงสปอยซะกู เดาได้เลย!!!
A : เอาต้านต้าน ออกมาเผด็จศึกสินะ!!!
B : รออ่านเอง!!!