ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 660 – เจ้าวิหาร วู่หย่า
“ศิษยน้อง หวู่ฉิง ศิษย์น้อง ชุน หวู.”
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ตง เซวีย ก็เข้ามา จากนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า,”
ในที่สุด ก็เจอพวกเจ้าเสียที.””ศิษย์พี่ ตง เซวีย มีอะไรอย่างนั้นหรือ ดูแล้วท่านเป็นกังวลเอามากเลย ท่านคิดว่าข้าจะเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ”
ชุน หวู่ พูดพร้อมหัวเราะ ฮิอิ ท่าทางของเธอดูเหมือนเด็กมาก “แม่นางน้อย เจ้าพาศิษย์น้องหวู่ฉิงเดินไปทั่ว ข้าต้องลำบากตามหาเจ้า.”
ตง เซวีย ยิ้มและมองไปที่ ชุน หวู่ “โอ้ แสดงว่า ศิษย์พี่ตง เซวีย จะแย่งศิษย์น้องหวู่ฉิง ของข้าไปอย่างนั้นหรือ ไม่เอานะ ข้าไม่ยอม …”
ชุน หวู่ เบ้ปาก และกอดแขนชูเฟิงแน่น
แน่นอนชูเฟิง ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของนาง เขานั้นไม่เพียงยอมรับในตัวนาง แต่เพราะความงดงามและท่าทางนั่น ชูเฟิงจึงไม่ปฏิเสธ “โอ้! เจ้า หยุดล้อเล่นได้แล้ว ข้ามีเรื่องมาบอก ศิษย์น้องหวู่ฉิง”
ตง เซวีย พูดจากนั้นก็หันไปพูดกับชูเฟิงว่า”
ศิษย์น้อง หวู่ฉิง คืนนี้ อาจารย์ของข้าจะจัดงานต้อนรับสหายเก่า แน่นอนว่า ผู้อาวุโส ฉิวชุ่ยจะต้องมา และเจ้าก็สามารถเข้าร่วมได้!””จริงหรือ อย่างนั้นก็เยี่ยมเลย เริ่มเมื่อไหร่ เริ่มเมื่อไหร่ล่ะ ศิษย์พี่”เมื่อได้ยินว่ามีงานเลี้ยง ชุน หวู่ ก็กระโดดโลดเต้น ตบมือส่งเสียงด้วยความดีอกดีใจ เพราะเธอนั้นไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาก่อน “มันจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า ทั้งคู่ ตามข้ามา.”
ตง เซวีย ยิ้มหวาน รอยยิ้มของนางนั้น ทำให้ชายฉกรรจ์ต้องลุ่มหลงได้อย่างสบายๆ
จากที่เห็นนั้น อาจพูดได้ว่า ความงามของสาวงามสี่ฤดู ที่ลือๆกันนั้นเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ชูเฟิงนั้น ก็เห็นธาตุแท้ของ ตง เซวียแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าตง เซวีย นั้น เป็นคนเช่นไร
ในที่สุด ตง เซวีย ก็นำชูเฟิงมาที่ ยอดเขา ในตอนนั้น เขาก็ได้เห็นว่างานเลี้ยงถูกจัดที่ยอดเขา นอกจากนี้ ยังมีคนหลายคน มาเข้าร่วมด้วย.
อย่างไรก็ตาม แขกที่มาเข้าร่วมนั้นไม่ใช่อัจฉริยะหนุ่มสาว แต่เป็นงานต้องรับสกายเก่าของผู้อาวุโสเพียวเมี้ยว แขกที่มาเข้าร่วมนั้นมีผู้อาวุโสจากรุ่นชรา และเหล่าศิษย์
ชูเฟิงก็ลองสอบถามดู และพบว่า ชายชรากลุ่มล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ๋ที่สร้างชื่อในภูมิภาคทะเลตะวันออก พวกเขานั้นมีพลังระดับจ้าวแห่งสงคราม มีเพียงเล็กน้อยที่อยู่บ่นจุดสูงสุดของจ้าวแห่งสงคราม แต่ไม่มีใครอยู่ในระดับราชันย์สงคราม
จากที่เห็น ภูมิภาคทะเลตะวันออกนั้น ราชันย์สงครามนั้นถือว่าแข็งแกร่งมาก หากใครสามารถไปถึงระดับนั้นได้ย่อมถูกนับเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
ในตอนนั้นชูเฟิงก็พบคนคุ้นเคย 2 คนนั่นคือ เกาเฉียง และ จู เทียนหมิง
อาจารย์ของ เกา เฉียงนั้นเกินกว่าที่ชูเฟิงคิดเอาไว้มาก เขาเป็นหญิงชราผมขาว ที่น่าจะอยู่มาหลายปีแล้ว ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยริ้วรอย และ ฝ่ากละเป็นจุดๆ ผมนางนั้นขาวเหมือนหิมะ ท่าทางของหญิงชราคนนั้น ดูเหมือนศพยิ่งนัก มันช่างเป็นภาพลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวเสียจริงๆ
อาจเป็นเพราะ เกา เฉียง ได้บอกนางบางอย่างเกี่ยวกับชูเฟิง หญิงชราคนนั้นกับเกาเฉียง จึงประสานมือทักทายชูเฟิง “นี่คือ ผู้เชี่ยวชาญลึกลับในเนินเขาตะขาบ ผู้คนเรียกนางว่า แม่เฒ่า กงวู่ 蜈蚣 (ตะขาบ) หญิงชราคนนั้นมีศิษย์อยู่คนนึง นางรักเขาเหมือนเป็นหลานแท้ๆในไส้ และฟูมฟักเขาอย่างดี ดังนั้นนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมระดับการบ่มเพาะของเกา เฉียงถึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว “แม้ท่าทางของนางจะดูน่ากลัว แต่อาจารย์ข้าได้บอกไว้ว่า นางนั้นไม่ใช่คนเลว นางมักจะท่องเที่ยวไปทั่วทะเลตะวันออกเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น.”
ชุน หวู่ ที่อยู่ข้างชูเฟิง พูดขึ้น
แน่นอนว่าการมี สาวงามอยุ่ใกล้ตัวนั้น ทำให้เขาเป็นเป้าสายตาไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณในรุ่นใกล้ๆกัน เมื่อเห็นสาวงาม อย่าง ชุน หวู่ สนิทกับคนระดับ 1 จ้าวสงคราม พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจและอยากจะอัดชูเฟิง พวกเขาต่างคิดว่าทำไมชูเฟิงถึงยืนในจุดนั้นได้ด้วยพลังเพียงแค่นี้
ในตอนนั้น จู เทียนหมิง ก็หันมามองชูเฟิง สายตาเขารามกับคมดาบ เหมือนกับต้องการฆ่าชูเฟิงด้วยสายตาคู่นี้ และเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นไม่ได้เกิดจากความอิจฉาเพียงอย่างเดียว แต่มันรวมไปถึงความอัปยศที่ชูเฟิงมอบให้เขาอีกด้วย “เจ้ามองหาอะไร เจ้าไม่เคยเห็นคนหรือไง!”
ชุน หวู่ พูด เมื่อเห็นสายตาที่ไม่หวังดีของ จู เทียนหมิง เธอจึงตะโกนใส่เขา
เมื่อนางตะโกนขึ้นย่อมเป็นเป้าสายตาของผู้คน หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หันไปมองที่ จู เทียนหมิง และตอนนั้น ใบหน้าของ จู เทียนหมิง ก็บิดเบี้ยว เพราะเขาไม่กล้าทำอะไร ชุน หวู่ จึงได้แต่เดินหนีไป “ศิษย์น้อง หวู่ฉิง จู เทียนหมิง ไม่ใช่คนดีนัก เขาก็เหมือนอาจารย์ของเขา เจ้าวิหาร วู่หยา เป็นคนน่ารังเกียจและใจแคบ ถ้าในอนาคตเจ้าต้องพบเจอเขาคนเดียว เจ้าต้องระวังตัวให้,”
ชุน หวู่ ส่งสารทางจิตมาบอกชูเฟิง “หึ อาจารย์ของมันก็เหมือนกัน เจ้าวิหาร วู่หยา ก็เป็นเดรัจฉานดีดีนี่แหละ ภายนอกทำเป็นใจกว้างและมีความเมตตา ถ้าเขาไม่เคยช่วยอาจารย์ข้าในเรื่องเล็กน้อยก่อนหน้านี้ อาจารย์ข้าก็คงไม่เชิญเขามา เหยียบที่นี้””ใช่แล้วๆ เจ้าเด็กเหลือขอที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้าวิหาร วู่หยาคือน้องชายของจู เทียนหมิง จู ตี่กวง ทั้ง 2 เป็นศิษย์รักของเจ้าวิหารวู่หยา””แม้ว่า ระดับของ จู ตี่กวง จะด้อยกว่าคนพี่ไม่เท่าไหร่แต่เขากับไม่ได้รับ ป้ายสายหมอก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่ ดินแดนตราประทับนิรันดร์ โดยต้องผ่านการทดสอบ.”
ชุน หวู่ พูดขึ้น
ชูเฟิง จับจ้องไปที่ เจ้าวิหารวู่หยา ก็รู้ว่าเขาไม่แก่มากนักอายุเขาน่าจะประมาน 50 – 60 แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเลย เขาอยู่ในระดับสูงสุดจ้าวแห่งสงครามเลยทีเดียว และอายุประมาณเขานี้ ต้องทะลวงเป็นราชันย์สงครามได้อย่างแน่นอน
นอกจาก จู ตี่กวงและเขาก็ได้มองไปที่ จู เทียนหมิง ที่เขาเกลียด ถ้ามีคนพูดว่า จู เทียนหมิงนั้นเป็นตัวตนที่ถูกยอมรับ ถ้าอย่างนั้น จู ตี่กวง ก็เป็นได้แค่คนธรรมดา
เพราะระดับของเขาน้อยกว่า จู เทียนหมิง เขาอยู่ในระดับเพียง 2 เจ้าแห่งสงคราม
อย่างไรก็ตามว่าจะเป็น เจ้าวิหารวู่หยา และ จู ตี่กวง มองไปที่ชูเฟิงนั้นเห็นได้ชัดว่าเขามีเจตนาไม่ดี แม้ว่า เจ้าวิหารวู่หยา จะซ่อนมันไว้แต่ชูเฟิงก็จับมันได้
เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 2 รู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเขา มาจาก จู เทียนหมิง แน่นอน “ศิษย์พี่ ชุน หวู ตอนนี้ ท่านบอกว่าตราสายหมอกนั้น ถูกแจกออกไปโดยมีจำนวนจำกัดใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นมันมีกี่อันที่ถูกแจกออกไปล่ะ”
ชูเฟิงถาม เพราะเขาอยากรู้ว่าคนจากหมู่เกาะประหารจะได้รับไปหรือไม่
หลังจากที่ เขามีชะตาที่ต้องทำสงครามกับมหาอำนาจอย่าง หมู่เกาะประหาร ดังนั้นเขาจึงกังวลมากเกี่ยวกับหมู่เกาะประหาร.
ReadMGA///////////////////////////////////////////////////A : เด๋วมีการไฝว้ เกิดขึ้นชัวร์
B : ถูกต้อง ไอพี่น้องเกา อีกคนไม่พอใจว่าทำไมชูเฟิงที่มีพลังวิญญาณน้อยกว่ามัน ถึงได้รับป้ายสายหมอก ประมาณว่าตัวเองเก่งกว่า ทำไมไม่ได้ป้าย
A : งี้ก็มันส์อ่ะดิ!!!