ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 709 – ตาย อย่างไม่มีข้อยกเว้น
“สวรรค์ !! นะ…นะ…นี่…!!”
เมื่อเห็นเนื้อบดที่กองอยู่บนพื้นลานประลองนั้น ใบหน้าของทุกคนต่างตกตละลึงอย่างมาก เพราะในตอนนี้ ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของอารามกว่างจินได้ตายลงอย่างน่าสังเวช ถึงอย่างไรเขาก็เป็นที่มีชื่อเสียงอย่างมากในพื้นที่แถบนี้ มันทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมาตายอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ “จะ….จะ…เจ้าเป็นใคร !!? ถึงได้กล้าฆ่าศิษย์พี่ของข้า !! เจ้าไม่กลัวท่านอาจารย์ของข้าเจ้าอาวาส หวาง จิน เช่นนั้นรึ !!”
เมื่อเห็นว่าแม้แต่ศิษย์พี่ของเขากลายเป็นเนื้อบดนั้น เต้า หยวน ดูเหมือนจะลืมเลือนความเจ็บปวด เขากล่าวชื่อของอาจารย์ของเขาออกมาด้วยความหวาดกลัว
เขารู้สึกกังวลอย่างมาก กังวลว่าชายตรงหน้านี้จะต้องฆ่าเขา เพราะแม้แต่ศิษย์พี่ของเขายังถูกจัดการอย่างง่ายดาย ดังนั้น ความตายจะต้องมาเยือนเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ของเขาก็เป็นถึงเจ้าอาวาสอารามกว่างจิน และมีพลังถึงระดับสาม ขั้นจ้าวสงคราม เขาคิดว่าหากเขาบอกชื่ออาจารย์ของเขาออกไปนั้น จะสามารถทำให้ชายตรงหน้าหวาดกลัวได้อยู่บ้าง และหากเขารอดชีวิตออกไปได้ การแก้แค้นในอนาคตย่อมไม่สายเกินไป
แต่เขาก็ต้องตกตะลึงกับการตอบสนองของ ชูเฟิง”
เจ้าอาวาส หวาง จิน !! ผู้ใดคือเจ้าอาวาส หวาง จิน !?”
ชุเฟิง กล่าวออกมาอย่างใจเย็น “จริงเหรอเนี่ย !! ที่เขาไม่รู้ว่าเจ้าอาวาส หวาง จิน คือใคร !?”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น ผู้คนต่างสูดหายใจเข้าอย่างยากเย็น เพราะพวกเขาต่างรู้จักเจ้าอาวาส หวาง จิน กันทั้งสิ้น “เจ้าอาวาส หวาง จิน คือท่านอาจารย์ของข้า และเป็นผู้นำของอารามกว่างจิน ท่านมีพลังถึงระดับสาม ขั้นจ้าวสงคราม !!”
เต้า หยวน กล่าวออกมา และเน้นหนักไปที่การบ่มเพาะพลังของเขา
แต่ท่าทีของ ชูเฟิง ทำให้กลับพูดอะไรไม่ออก “โอ้ว !! ผู้นำอารามกว่างจิน เพียงแค่พวกเจ้ามีสุนัขเช่นนั้นหนุนหลัง ก็ทำให้พวกเจ้ากล้ามาระรานตระกูลหลี่เช่นนั้นรึ !!””ดี !! รีบไปซะ กลับไปบอกกับอาจารย์สุนัขของเจ้าว่า ข้า หวู่ฉิง จะไปยังอารามกว่างจิน เพื่อรับศรีษะของเขา !!”
***** ฮู้ววววววว *****
ความโกลาหลพลันเกิดขึ้นในทันที เมื่อพวกเขาได้ยินคำกล่าวที่น่าตกใจของ ชูเฟิง
เต้า หยวน ได้กล่าวถึงอาจารย์ของเขา และยังบอกถึงพลังของอาจารย์ของเขา แต่มันกลับไม่ทำให้ ชูเฟิง หวาดกลัวแม้แต่น้อย อีกทั้ง ชูเฟิง ยังกล่าวสิ่งที่ทำให้ตกใจสุดขีดออกมา “บ้าไปแล้ว !! บ้ามากไปแล้ว !!””แต่เขาก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น !!”
ในทันทีนั้น ทุกคนต่างคิดว่าชายที่ชื่อ หวู่ฉิง ผู้นี้ต้องมีที่มาที่พิเศษอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่โอหังมากถึงขนาดนี้
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่า หวู่ฉิง ไม่เห็นเจ้าอาวาส หวาง จิน อยู่ในสายตา ซึ่งคนผู้นั้นคือขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในแถบนี้นั้น “เจ้าเด็กเหลือขอ !! ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากสำนัก หรือนิกายใด แต่เจ้ากล้าที่จะทำร้ายศิษย์ของท่านเจ้าอาวาส หวาง จิน ก็ทับกับทำร้ายศิษย์ของข้าประมุขนิกาย โอว หยาง !! วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้ !!”
ในขณะนั้น ประมุขนิกาย โอว หยาง ก็ตะโกนออกมา พร้อมกับพุ่งทะยานออกไปราวกับมังกรพุ่งขึ้นสู่อากาศ
เขาโจมตีออกไปอย่างไม่มีทางเลือก เพราะในตอนนี้ เต้า หยวน บาดเจ็บหนัก และ เต้า เฉิง ได้ตายลง หากเขาไม่ทำอะไรบางอย่าง เขาก็จะไม่สามารถหาคำอธิบายให้กับเจ้าอาวาส หวาง จิน ได้ ดังนั้น เขาจึงต้องโจมตีออกมา
เมื่อใดก็ตาม ที่ผู้เชี่ยวชาญระดับหนึ่ง ขั้นจ้าวสงครามปลดปล่อยพลังของพวกเขาออกมานั้น บรรยากาศโดยรอบพลันแปรปรวนขึ้นในทันที พลังขั้นจ้าวสงครามนั้นแตกต่างจากขั้นแดนสวรรค์อย่างมาก ไม่เพียงแต่ในด้านพลังเท่านั้น เมื่อใดที่ผู้คนสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจ้าวสงครามได้ พวกเขาจะมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
ดังนั้น การโจมตีของประมุขนิกาย โอว หยาง จึงทำให้ทุกคนโดยรอบลานประลองต่างหวาดกลัว เพราะพลังระดับนี้มันสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ในความเป็นจริงนั้น ก่อนที่ประมุขนิกาย โอว หยาง จะโจมตีออกมา เขาได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ ชูเฟิง หลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม พลังที่เขาปลดปล่อยออกมานั้น ไม่ได้สร้างแรงกดดันต่อ ชูเฟิง เลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้เขาย้งคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่าพลังเหล่านั้นเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน “นี่มันอะไรกัน !! เจ้าสวะนี่สามารถต้านทานพลังของข้าได้เช่นนั้นรึ !!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ประมุขนิกาย โอว หยาง ขมวดคิ้วแน่น เขาพบว่า ชูเฟิง ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย เขาไม่กล้าที่นะประมาทอีก พลันประกายแสงปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขา มันคือ ยอดยุทธภัณฑ์
***** พรึ่บ *****
เมื่อยอดยุทธภัณฑ์ปรากฏออกมาในมือของเขานั้น พลังของเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจ
แสงจากดาบในมือของเขาส่องสว่างออกมา ตัดกับสีของท้องฟ้าสลัวๆ อย่างเด่นชัด พลันผืนแผ่นดินที่กำลังจะมืดมิดก็สว่างขึ้น ไม่ใช่เพราะแสงจากดวงอาทิตย์ แต่มันเป็นเพราะแสงจากยอดยุทธภัณฑ์ “ย่าห์ !!”
เขาตะโกนออกมาพร้อมกับฟันลงไปที่ ชูเฟิง ท้องฟ้าเหนือศรีษะของเขาพลันแยกออก ฝุ่นฟุ้งตลบทั่วทั้งบริเวณ
เมื่อเห็นยอดยุทธภัณฑ์ใกล้เข้ามานั้น ชูเฟิง ไม่ได้หลีกแต่อย่างใด เขาเพียงยื่นมือออกไป และจับไปที่ใบดาบ “เจ้า….!!”
ในขณะนั้น ใบหน้าของ โอว หยาง พลันเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เขาพบว่าดาบของเขาไม่อาจฟัน ชูเฟิง ลงไปได้ ไม่เพียงแต่มันไม่อาจสร้างบาดแผลให้ ชูเฟิง ได้เท่านั้น แต่เขายังพบสิ่งเขาไม่สามารถดึงมันออกมาจาก ชูเฟิง ได้แม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือ ในขณะใบหน้าของ ชูเฟิง ยังประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ นั้น เขาเพียงสะบัดฝ่ามือเล็กน้อย ยอดยุทธภัณฑ์ก็แตกสลายกลายเป็นเศษแก้ว อย่างง่ายดาย “เป็นไปได้ยังไง เจ้ามีพลังเพียงระดับหนึ่ง ขั้นจ้าวสงครามเท่านั้น ทำไมถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ !!”
ในที่สุด ประมุขนิกาย โอว หยาง ก็สัมผัสได้ถึงพลังของ ชูเฟิง แต่มันก็ทำให้ตกใจอย่างมาก เพราะด้วยพลังเพียงแค่นั้น แต่กลับทำลายยอดยุทธภัณฑ์ของเขาได้
***** ปึ่ด *****
ในขณะที่เขากำลังตกใจอยู่นั้น เขาก็รู้สึกปวดที่หน้าอก พร้อมกับมีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาจากหน้าอกของเขา เมื่อเขาก้มลงไปมอง เขาก็พบว่ามือของ ชูเฟิง ได้ทะลวงเข้ามาในหน้าอกของเขาแล้ว
ภายใต้สายตาของทุกคนนั้น หลังจากที่ ชูเฟิง แทงไปที่อกของประมุขนิกาย โอว หยาง และทำลายยอดยุทธภัณฑ์ของเขาไปแล้วนั้น ประมุขของนิกายมงกุฏเขียวก็กลายเป็นละอองเลือดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
ละอองเลือดที่ลอยอยู่ในอากาศเหล่านั้น ไม่สามารถทำให้เสื้อผ้าของ ชูเฟิง เปื้อนได้แม้แต่น้อย มันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง
หลังจากที่ฆ่าประมุขนิกาย โอว หยาง ไปแล้วนั้น ชูเฟิง ก็กวาดสายตามาที่สมาชิกของนิกายมงกุฏเขียว พลางยิ่มบางๆ และกล่าวออกมาว่า”
ข้าจะนับถึงสิบ หากผู้ใดยังอยู่ในระยะสายตาของข้า มันต้องตาย !! โดยไม่มีข้อยกเว้น !!”
ReaDMGA /////////////////////////////////////////////////// B : ไม่ค้างแหะ
A : หรออออ!!!
C : ก็ยังดีกว่าจบที่ตอน 699 เยอะล่ะนะ!!!
A : เออจริง!!!
B : พรุ่งนี้ชูเฟิงจะบุกอารามกว่างจินแล้วนะคับ!!! เจ้าอาวาสจะเก็บของเครื่องขึ้นบินเจ๊ตทันหรือไม่
A : ไม่ใช่ หลวงปู่เณรคำ !!!