ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งกว่าทั้ง วัตถุประหลาด และจิตวิญญาณทางธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม วัตถุศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่แข็งแกร่ง และไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้มันมากนัก
พลังงานที่อัดแน่นอยู่ภายในพวกมันนั้น เป็นพลังของความเกรี้ยวกราด ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการดูดซับพลังของพวกมันนั้น เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น วัตถุศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มีประโยชน์ในการเสริมสร้างพลังวิญญาณ มันเป็นเพียงการคงอยู่ของความน่ากลัวเท่านั้น
สำหรับ ชูเฟิง นั้น วัตถุศักดิ์สิทธิ์เป็นทรัพยากรสำหรับบ่มเพาะพลังชั้นดี อย่างเช่น โอรสอเวจี ในมือของเขาตอนนี้ จะสามารถช่วยให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“มาดูกัน ว่าเจ้าจะเพิ่มพลังให้ข้าได้แค่ไหน”
หลังจากที่ ชูเฟิง เสร็จสิ้นการเตรียมการทุกอย่างแล้วนั้น เขาจึงเริ่มทำการดูดซับพลังงานของมัน ด้วยพลังที่พิเศษของมันนั้น จึงทำให้ ชูเฟิง ไม่สามารถดูดซับพลังงานของมันได้โดยตรง
ดังนั้น เขาจึงต้องสร้างรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณผนึกมันเอาไว้ก่อน และเมื่อวาดรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเสร็จ เขาจึงสามารถดูดซับพลังของมันได้ทีละนิดๆ
***** อืม *****
เมื่อเริ่มดูดซับพลังงานนั้น เส้นพลังงานบางๆ ก็ไหลออกจากร่างของ โอรสอเวจี เข้าสู่ร่างของ ชูเฟิง เขาสามารถสำผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งได้ในทันที
แม้เส้นพลังงานที่ไหลมานั้น จะมีเพียงเส้นเดียวก็ตาม แต่ ชูเฟิง ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่กราดเกรี้ยวอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังที่ไหลเข้ามาจะแข็งแกร่งขนาดไหน ด้วยพลังของสายฟ้าศักดิ์สิทธ์ที่แข็งแกร่งของ ชูเฟิง นั้น มันก็สามารถกลืนกินพลังงานเหล่านั้นได้อย่างหมดจรดไม่มีเหลือแม้แต่น้อย
การดูดซับพลังงานกำลังเป็นไปได้อย่างราบรื่น ด้วยความสำเร็จในการวางรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณในการผนึก และการค่อยๆ ดูดซับพลังงานทีละนิดๆ เช่นนี้ จึงทำให้พลังของ โอรสอเวจี ถูกดูดซับโดย ชูเฟิง
หลังจากดูดซับพลังไปได้ช่วงหนึ่ง ร่างกายของ โอรสอเวจี ก็เริ่มปริแตก ออร่าพลังที่ปลดปล่อยออกมาคล้ายกระแสลม ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่ โอรสอเวจี กำลังเปลี่ยนแปลงไปนั้น ชูเฟิง ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย เขายังคงดูดซับพลังของมันอย่างต่อเนื่อง พลังงานของ โอรสอเวจี ถูกดูดซับอย่างละเอียดโดย ชูเฟิง
หลังจากดูดซับพลังของ โอรสอเวจี เสร็จสิ้นนั้น ออร่าพลังของ ชูเฟิง จากระดับสาม ก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับห้า ขั้นแดนสวรรค์ แม้ว่า ชุเฟิง จะคาดการณ์ไว้แล้วว่า พลังของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นถึงระดับห้า แต่เขาก็ยังคงมีความสุขอย่างมาก
เพราะถ้าเขาเสริมพลังด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาจะมีพลังในระดับแปด ขั้นแดนสวรรค์ และหากว่าเขาไม่พบกับผู้เชี่ยวชาญระดับเก้า ขั้นแดนสวรรค์ ที่มีพลังพิเศษบางอย่าง นั่นหมายควมว่า ในขั้นแดนสวรรค์ จะไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าระดับพลังของเขาในตอนนี้ จะไม่โดดเด่นมากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ ชูเฟิง สามารถปกป้อง ชีวิต ของเขาภายในทะเลตะวันออกได้ ที่สำคัญ คือเขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นแดนสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถเข้าใกล้ขั้นเทพสงครามได้ เพราะเขาใช้ประโยชน์จากทุกๆ สิ่ง ที่สามาาถเพิ่มพลังของเขาได้
ชุเฟิง สามารถเข้าใจได้ทันที ถึงความแข็งแก่งของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ หากเขามีทรัพยากรการบ่มเพาะพลังที่เพียงพอ เขาก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการทะลวงขั้นพลังอีกต่อไป
“ฮ่าๆ เยี่ยมจริงๆ !! วัตถุศักดิ์สิทธิ์นี่มันแข็งแกร่งมาก !! มันอัดแน่นไปด้วยพลังงานมหาศาลเลยจริงๆ !! วัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้นี่มันช่างมีประโยชน์ยิ่งนัก !!”
ในขณะที่ ชูเฟิง กำลังมีความสุขนั้น ต้านต้าน ก็กล่าวออกมาด้วยความดีใจ เพราะใขขณะที่ ชูเฟิง กำลังดูดซับพลังงานของ โอรสอเวจี นั้น ต้านต้าน ก็ได้พลังงานของมันเช่นกัน ในตอนนี้นางมีพลังระดับหก จากเดิมที่มีพลังแค่ระดับสอง ขั้นแดนสวรรค์ และมันเป็นพลังที่มากกว่า ชูเฟิง อยู่หนึ่งระดับ
“นี่เจ้าดูดซับพลังได้มากกว่าข้าอีก !!”
หลังจากที่ ชูเฟิง ค้นพบความเปลี่ยนแปลงของ ต้านต้าน นั้น เขาก็ตกใจ และยินดีไปกับนางอย่างมาก
แม้ว่า ต้านต้าน จะมีพลังเพียงระดับหก ขั้นแดนสวรรค์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับเก้า ขั้นแดนสวรรค์ ก็ไม่สามาาถเอาชนะนางได้
และนางก็คอยอยู่เคียงข้าง ชูเฟิง ตลอด ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ ชูเฟิง จะรู้สึกมีความสุขไปกับการพัฒนาของ ต้านต้าน
“โอรสอเวจี เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งจริงๆ !! อีกทั้งมันยังใช้เวลาในการเติบโตไม่นานมาก !! แต่น่าเสียดาย ที่พวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงในใต้ดินลึกเท่านั้น เมื่อออกมาพวกมันจะต้องตายไป !!”
“เวลาที่มันเติบโตมามันสั้นเกินไป หากมันใช้เวลาในการเติบโตนานกว่านี้ พวกเราคงได้พลังจากมันมากขึ้นอีกแน่นอน”
“โอรสอเวจี หรือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ต่าง แม้พวกมันจะใล้เวลาเติบโตเพียงมันนาน ยังมีพลังมากขนาดนี้ หากมันใช้เวลาเติบโตถึงหลายสิบ หลายร้อย หรือหลายปีล่ะ ฮ่าๆ”
ต้านต้าน กล่าวออกมาด้วยความสุข เห็นได้ชัดว่านางกำลังตื่นเต้นอย่างมาก
“ถูกต้อง !! หากว่ามันใช้เวลาเติบโตหลายพันปี พลังที่ได้รับจากมันจะต้องมากกว่านี้อย่างแน่นอน ฮ่าๆ”
ชูเฟิง ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกับ ต้านต้าน และเขาก็คาดหวังว่าแผนที่ของจิตวิญญาณภายในพัดนั่นจะเป็นเรื่องจริง
แม้ว่าพลังของจิตวิญญาณจะไม่สามาาถเทียบได้กับพลังของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ย่อมทำให้เขาได้พลังมาไม่น้อยเช่นกัน
ดังนั้น หลังจากที่ ชูเฟิง และ ต้านต้าน ได้ดูดซับพลังงานเสร็จสิ้นแล้วนั้น พวกเขาก็ออกเดินทางไปยังหุบเขาจิตวิญญาณหมาป่าอมตะ ที่ถูกบันทึกไว้ในแผนที่
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ ชูเฟิง เดินทางมาถึงทะเลตะวันออก เขาจึงไม่รู้สถานที่ตั้งของหุบเขา และหลังจากที่เขาสอบถามไปทั่วนั้น กลับไม่มีผู้ใดรู้ว่า หุบเขาจิตวิญญาณหมาป่าอมตะ ตั้งอยู่ที่ใด
แต่โชคดีที่ ชูเฟิง เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ เขาจึงสามารถแกะรอยจากแผนที่ในมือของเขา และค้นหาสถานที่ตั้งของ หุบเขาจิตวิญญาณหมาป่าอมตะ ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในแผนที่จะระบุว่ามันคือ หุบเขาจิตวิญญาณหมาป่าอมตะ แต่ชาวบ้านกลับเรียกมันว่า หุบเขาเขี้ยวหมาป่า
จากคำแนะนำของชาวบ้านนั้น เดิมที่หุบเขาเขี้ยวหมาป่า ไม่มีมีชื่อแต่อย่างใด แต่เมื่อพันปีก่อนนั้น หุบเขาได้มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น
ในพันปีก่อนนั้น หุบเขาได้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มันมีลักษณะที่สูงมีปลายแหลม และโค้งงอเล็กน้อย มันจึงถูกเรียกว่า หุบเขาเขี้ยวหมาป่า
เมื่อมองจากด้านนอกของหุบเขานั้น ชาวบ้านเล่าว่า ที่ยอดของหุบเขามีความพิเศษอย่างมาก
“ดูเหมือนว่า แผนที่นี้จะเป็นของจริงซินะ !!”
เพื่อดูความพิเศษของยอดเขาเขี้ยวหมาป่านั้น ชูเฟิง ก็ทะยานตัวขึ้นไปในอากาศ สูงกว่าพื้นดินหลายพันเมตร เพื่อมองภาพรวมขหุบเขา
“นี่มัน….!!”
เมื่อ ชูเฟิง ใช้เนตรสวรรค์จ้องมองไปยังหุบเขาเขี้ยวหมาป่านั้น ด้วยพลังของดวงนาสวรรค์ หุบเขาเขี้ยวหมาป่าที่เคยเงียบสงบ ชูเฟิง ก็มองเห็นสายหมอกที่ปกคลุมหุบเขา กำลังก่อรูปร่างเป็นหมาป่าจำนวนมาก
ที่แท้มันก็คือสถานที่ชุมนุมของจิตวิญญาณ จากการคาดการณ์ของ ชูเฟิง นั้น จิตวิญญาณเหล่านี้ ค่อนข้างจะแข็งแกร่งอย่างมาก
ในปัจจุบันนั้น จิตวิญญาณที่มีรูปร่างอยู่มีจำนวนไม่มาก แต่มันใช้เวลาหลายพันปีในการเติบโต ดังนั้น มันย่อมมีพลังงานอยู่อย่างมากแน่นอน
ที่มา: