ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปแต่สิ่งที่ชูเฟิงไม่สามารถทำได้คือการหยิบยืมพลังจากสายฟ้าทั้งสามเพื่อ ยกระดับการบ่มเพาะของเขาได้ เพราะชูเฟิงในตอนนี้ยังไม่สามารถดึงพลังของสายฟ้าทั้งสามออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
เหมือนกับว่า สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่พวกมันเองล้วนมีชีวิตและความนึกคิดเป็นของตนเอง ชูเฟิงเพียงปลุกมันเท่านั้น แต่เป็นตัวมันเองที่ทำลายพันธนาการและแมลงกลืนวิญญาณ ไม่ใช่ชูเฟิงที่สั่งมัน
แต่มีบางอย่างที่ชูเฟิงมั่นใจได้แน่นอนว่าการเพิ่มพลังการบ่มเพาะ ไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของสายฟ้าทั้งสาม ถ้าเกิดวันนึง ชูเฟิงสามารถควบคุมสายฟ้าได้อย่างลึกซึ้ง เขาจะต้องแข็งแกร่งหาใครเทียบได้อย่างแน่นอน
* วูช วูช *
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ชูเฟิงไม่มีเวลาให้คิดมาก เขาต้องรีบวางรูปแบบฯเพื่อปลดเชือกรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่พันธนาการมือและเท้าของเขา เขายังต้องสมานแผลและห้ามเลือดของเขาให้เร็วที่สุด
ตามหลักแล้วด้วยความแข็งแกร่งของชูเฟิงตอนนี้ การที่จะปลดรูปแบบฯพันธนาการที่ถูกใช้โดยจ้าวสงครามระดับ 5 นั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็น จะบอกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ว่าได้
แต่ด้วยความโชคดี หย่า เฟยมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป นางไม่คิดว่าชูเฟิงจะสามารถทำลายพันธนาการและฟื้นฟูการบ่มเพาะของเขาได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอใช้พันธนาการชูเฟิงก็ไม่มากมายนัก เป็นเพียงการพันธนาการแบบขอไปที
หลังจากที่ชูเฟิงได้ใช้ความพยายามอย่างอยู่พักหนึ่ง เขาก็สามารถปลดพันธนาการได้ จนพาตัวเองคืนสู่อิสระภาพ
“บัดซบ!! นี่มันประตูปลอมหนิหว่า มันควรจะเป็นแค่ประตูสองชั้น แล้วข้างนอกก็น่าจะเป็นประตูธรรมดา แล้วข้างในเป็นประตูที่สร้างด้วยรูปแบบอำนาจฯ แต่นี้สัญลักษณ์ผ่านรูปแบบอำนาจมันกับพิเศษขึ้นไปอีก” แม้ว่าชูเฟิงจะสามารถฟื้นฟูการบ่มเพาะของเขาและเป็นอิสระจากพันธนาการ ชูเฟิงพบว่าพระราชวังนี้ไม่ธรรมดาเลย
กำแพงทั้งหมดของพระราชวังไม่สามารถทำลายได้ เหมือนกับมันเสริมด้วยรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณชนิดพิเศษที่แข็งแกร่งรูปแบบฯหนึ่ง ด้วยทักษะความเข้าใจของชูเฟิงในตอนนี้ เขาไม่สามารถทำลายมันได้โดยง่าย
แม้ว่าจะใช้ประตูรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเดียวกับที่หย่า เฟยและอีกคนที่ออกไปเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งตอนนันชูเฟิงกำลังยืนอยู่ที่พระราชวัง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้อำนาจพลังวิญญาณตรวจสอบสถานที่นี้ขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงประตูรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณได้ ราวกับมันไม่อยู่เลย
ทันใดนั้น ชูเฟิงมั่นใจว่ารูปแบบฯในพระราชวังแห่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยผู้เชื่อมต่อฯชุดทอง ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงพลังเช่นนี้ เพราะขนาดชูเฟิงก็ไม่สามารถตรวจพบมันได้
“ดูเหมือนว่าข้าต้องลองใช้เนตรสวรรค์ซะแล้ว” ในสถานะการณ์นั้น ไพ่ใบสุดท้ายของชูเฟิงคือเนตรสวรรค์ของวิธีค้นหาเส้นชีพจร
* ฮึ่ม *
เมื่อชูเฟิงใช้เนตรสวรรค์ การมองเห็นของเขาก็เปลี่ยนไปทันที สีสันคมชัดสดใสถูกเปิดเผยออกมาโดยไม่สามารถซ่อนไว้ได้ มันเป็นการบังคับอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับว่ามันเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์ที่สามารถทะลุทะลวงได้ทุกสิ่ง
ทันใดนั้น ถ้าชูเฟิงใช้สายตาจ้องไปยังคนที่มีการบ่มเพาะระดับเดียวกัน มันสามารถข่มขู่คุกคามคนเหล่านั้นจนสูญเสียเจตนารมณ์ในการต่อสู้ได้ เพียงแค่จ้องมอง คนเหล่านั้นก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจชูเฟิง ชูเฟิงสามารถฆ่าใครก็ตามที่เขาจ้อง นั่นคือพลังอีกอย่างของ เนตรสวรรค์
แต่ความแข็งแกร่งของเนตรสวรรค์ไม่เพียงจำกัดอยู่แค่นั้น สิ่งสำคัญที่สุดของมันคือความแข็งแกร่งของการมองเห็นที่เฉียบคม อำนาจดังกล่าวได้ช่วยให้ชูเฟิงมองเห็นหลายสิ่งที่คนธรรมดาหรือแม้แต่ผู้เชื่อมต่อฯชั้นสูงก็ไม่อาจมองเห็นได้เหมือนกับเขา
อำนาจการตรวจสอบของเนตรสวรรค์เหนือกว่าอำนาจพลังฯธรรมดาๆหลายเท่านัก
หลังจากชูเฟิงใช้เนตรสวรรค์ ประตูที่อยู่เบื้องหน้าของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบฯสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ ก็ค่อยๆปรากฏออกมาทีละนิดและค่อยชัดขึ้นชัดขึ้น
มันเป็นไปตามที่ชูเฟิงคาดการไว้ ว่าทั่วทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่ทรงอำนาจ ประตูรูปแบบฯที่ถูกซ่อนไว้เบื้องหลังประตูพระราชวังมันคือของปลอม
แล้วรูปแบบฯนั้นก็ทรงพลังอย่างมาก แม้ว่าชูเฟิงจะพบการดำรงอยู่ของมัน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ชูเฟิงตอนนี้สามารถถอดอักขระและทำลายมันได้ แม้จะค้นหาทางออก แต่เขาก็ไม่สามารถออกจากพระราชวังได้เพราะชูเฟิงไม่มีทักษะมากพอในการเปิดรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งอันนี้
“บ้าชิบ!! นี่ข้าชูเฟิง จะตายภายใต้เงื้อมมือของพวกสารเลวนั่นจริงๆหรือ?!” ไม่ว่าชูเฟิงจะสงบนิ่งมากเพียงใด เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เนื่องจากเขารู้ว่าหลังจากหย่า เฟยกลับมา นางจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ชูเฟิงไม่ปราถนานั่งรอความตายที่นี่ แล้วมัน..จะไม่มีอะไรเลยหรอที่ชูเฟิงสามารถทำได้
* ฮึ่ม *
อย่างไรก็ตาม ชูเฟิงมาถึงจุดที่หมดหนทาง ประตูรูปแบบอำนาจวิญญาณที่ถูกปิดอยู่ตรงหน้าเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดคิด ตอนนั้นมีบางคนกำลังเปิดมัน!
* วูช *
นั่นทำให้ชูเฟิงขมวดคิ้วแน่น สัญชาตญาณบอกชูเฟิงให้หลบไปด้านข้าง เนื่องจาก ชูเฟิงเกิดนึกถึงความเป็นไปได้ 2 ประการ
ประการแรกคือ หย่า เฟยได้กลับมา แล้วหากหย่า เฟยกลับมาจริงๆ แม้ว่าชูเฟิงพื้นคืนความแข็งแกร่งแล้ว แน่นอนว่าเขาตอนนี้ยังไม่สามารถเอาชนะนางได้ แล้วสิ่งที่รอคอยเขาอยู่คือเส้นทางแห่งความตาย
ประการที่สองคือ คนจากหมู่เกาะประหารเป็นผู้เปิดประตูรูปแบบอำนาจวิญญาณ ซึ่งต้องวาดสัญลักษณ์บางอย่างที่เหมือนกับรหัสที่พวกเขารู้กันซึ่งถูกติดตั้งอยู่ภายใน ดังนั้นใครก็ตามที่รู้รหัสผ่าน แน่นอนว่าสถานะของคนคนนั้นย่อมไม่ธรรมดาหรือไม่มันก็คงจะไม่อ่อนแอ แต่หากเขาไม่ใช่หย่า เฟย ชูเฟิงก็เหมือนมีเชือกแห่งโอกาสหย่อนลงมา บางทีเขาอาจจะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อหลบหนีไป
* วู *
ทันใดนั้น ชูเฟิงตกอยู่ภายใต้ความวิตกกังวลอย่างหนัก เขาใช้แม้แต่ทักษะมังกรฟ้าทะยานและทักษะเกราะเต่าทมิฬในเวลาเดียวกัน พร้อมกับเค้นพลังของสองทักษะจนถึงขีดสุด
ชูเฟิงต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด เนื่องจากชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับผู้ที่เปิดประตูรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณเข้ามา เพื่อจะให้แม่นยำมากขึ้น เขาจึงเผ่งสมาธิกับคนที่กำลังจะเข้ามาในห้องขณะนั้น
“ยิ้ห้า ยิ้ห้า ยิ้ห้า ยิ้ห้า” จู่ๆก็มีเสียงขี้เล่น มาพร้อมกับร่างของบุคคลขนาดเล็ก กำลังกระโดดโลดเต้นเข้ามาในพระราชวังที่เต็มไปด้วยรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ
“เสี่ยวยู่?” ขณะที่เห็นร่างกายอันบอบบางตรงหน้าเค้า ชูเฟิงผงะไปทันที เขาแทบอยากเชื่อสายตัวเอง
“ยี้ห้า ยี้ห้า ยี้ห้า พี่ใหญ่ สุดท้ายเสี่ยวยู่ก็พบท่าน ฮ่าฮ่า ดีจริงๆ ดีที่สุดเลย!”
“เสี่ยวยู่เก่งจริงๆ! ลาลาลา~~” หลังจากได้พบชูเฟิง เสี่ยวส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเริ่มกระโดดโลดเต้นไปยังศูนย์กลางพระราชวัง เธออ้าแขนของเธอพร้อมกับหมุนมือเป็นวงกลมใบจุดๆหนึ่ง ช่างไร้เดียงสา..ปราศจากความกังวล..และน่ารักอย่างมาก
* จิ๊ จิ๊ จิ๊ จิ๊ จิ๊ *
แต่ในตอนนั้นเอง จากมุมของพระราชวัง..เสียร้องเขย่าขวัญดังออกมา ในขณะเดียวกัน วัตถุสีดำหนาแน่นเต็มพื้นที่ กำลังคืบคลานมายังเสี่ยวยู่ ความเร็วของพวกมันเร็วเป็นอย่างยิ่งจนไม่อาจกล่าวได้
“บัดซบ! เสี่ยวยู่ วิ่งเร็ว!” เมื่อเห็นฉากนั้น ท่าทางของชูเฟิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากเขารู้ว่าวัตถุสีดำนั่นคืออะไร มันคือฝูงแมลงกลืนวิญญาณ
แม้ว่าแมลงกลืนวิญญาณส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ร่างกายชูเฟิงก่อนหน้านี้ได้ถูกสายฟ้ากำจัดไปหมดแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่หลบหนีไปได้
ซึ่งชูเฟิงไม่คาดคิดเลยว่าไอ้แมลงกลืนวิญญาณมันจะน่ารังเกียจและไร้ความปราณีเช่นนี้ แม้ว่าพวกมันจะกลัวชูเฟิง แต่ในขณะที่มันเห็นเสี่ยวยู่ มันก็เข้าจู่โจมเด็กสาวทันที
ชูเฟิงมีประสบการณ์ตรงกับความแข็งแกร่งของแมลงกลืนวิญญาณพวกนี้ ถ้าปราศจากอำนาจสายฟ้าแล้ว เป็นไปได้ว่าเขาคงกลายเป็นหุ่นเชิดเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นชูเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะประมาทพวกมัน เขากระตุ้นทักษะมังกรฟ้าทะยานแล้วพุ่งไปทางเสี่ยวยู่ เขาบังคับปล่อยแรงดันเขาและต้องการสังหารแมลงกลืนวิญญาณเหล่านั้น………..
ที่มา :