I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 567 – ข้าอยากนอนกับเจ้า!!!

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“เทศกาลชมพระจันทร์ มันคืออะไรหรือ “

ซูเหม่ย กระพริบตาของเธอ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“เจ้าจะเห็นว่าคืนนี้ดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ เต็มดวง และส่องแสงออกมา”

ยู่เหอ พูด

“ใช่ ใช่! ดวงจันทร์คืนนี้สวยงามนัก ข้าไม่เคยเห็นดวงจันทร์ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน “

ซูเหม่ย พูด

“ดวงจันทร์นี้ไมได้สวยงามเช่นนี้หรอกนะ ทุกๆปี มันจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีการพูดถึงหลากหลายมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถูกพูดถึงมาที่สุดคือตำนานของมัน.”

ยู่เหอ พูด

“ตำนาน ตำนานอะไรหรือ ศิษย์พี่ยู่ เห้อ บอกข้าเร็ว”

ซู เหม่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ตำนานที่มีมาตั้งแต่โบราณ ในขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นอยู่จะไม่มีพระจันทร์และดวงดาว เนื่องจากแสงของพระทิตย์ได้บดบังเอาไว้ แต่เมื่อยามราตรีเข้าปกคลุม ทั่วทั้งผืนดินจะเต็มไปด้วยความมืดมิด ขนาดที่มองไม่เห็นนิ้วบนแขนตัวเองตอนยื่นออกไป.”

“ในตำนาน กล่าวถึงเรื่องราวความรักของ ผู้ฝึกตนคู่นึง.”

“พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาก.”

“ผู้ชายนั้นมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น และ เป็นอัจฉริยะที่ยากหาใครเทียบเทียม.”

“แต่ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นคนธรรมดา ที่ความสามารถห่างไกลกับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย เพราะ ระดับที่ต่างกัน ทำให้ชายคนนั้นแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ทดแทนในส่วนของนาง และนั่นมันทำให้เขาถูกยกย่อง”

“แต่ด้วยเรื่องกาลเวลา ทั้งคู่นั้นก็เริ่มชราขึ้นเรื่อยๆ แม้ผู้หญิงจะได้รับยาวิเศษที่สามารถคงความงามไว้ แต่อายุขัยของเธอก็ต้องเป็นไปตามลิขิตสวรรค์”

“ผู้ชายกลัวว่าจะเสียเธอไป จึงเริ่มหาทางที่จจะช่วยเธอ เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอ เขาคิดเพียงแต่ว่า เขาจะไม่ยอมสูญเสียเธอไป.”

“ในที่สุดเขาก็คิดว่า ถ้าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมันจะมีวิธีช่วยเธอได้.”

“เขาจึงพยายามอย่างหนักจนไปถึงระดับที่โดดเด่นอย่างมากในที่สุด เขาเหลือเพียงอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะไปถึงระดับที่ไม่มีใครเคยไปถึงมาก่อน ในระดับที่ทำให้โลกต้องตกตะลึง เพื่อประสบความสำเร็จเขาก็ต้องบ่มเพาะตนเองอย่างหนักโดยใช้วิธีต่างๆ.”

“และเมื่อเขาทำสำเร็จ โลกก็เกิดการสั่นไหว เขามีพลังที่จะสามารถปกครองโลกและได้รับพลังที่เป็นอมตะ ทุกสิ่งอย่างนั้นถูกครอบครองโดยเขา.”

“แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า การผ่านก้าวสุดท้ายของเขานั้นมันจะกินเวลากว่า 100 ปี ในตอนนั้นร่างของคนรักของเขาได้เหลือแต่กระดูกขาวแล้ว.”

“ผู้ชายคนนั้นสูญเสียจิตวิญญาณทั้งหมด เขาครอบครองพลังที่เป็นดั่งพระเจ้า แต่ไม่สามารถช่วยคนรักไว้ได้.”

“เขาร้องไห้ทุกวัน และเมื่อยามกลางคืน โลกก็จมอยู่ในความมืดมิด เขาก็คิดถึงคำที่คนรักเขาบอกขึ้นมา.”

“เธอบอกว่า เธอเกลียดเวลากลางคืน เพราะมันไม่มีแสงไฟ ที่ทำให้เธอได้มองเห็นหน้าเขา.”

“เธอพูดว่ามันคงจะดีถ้ามีดวงอาทิตย์ในเวลากลางคืน เธอจะได้มองเห็นเขาตลอดเวลา.”

“ผู้ชายคนนั้น รักผู้หญิงคนนั้นมาก เขารักเธอมากแม้เธอจะไม่อยู่แล้ว เขาสูญเสียเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ แม้แต่เวลาที่เหลือของเขาเขาก็ไม่สนใจ.”

“เมื่อเขาเสียเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ และในตอนที่เขาตัดสินใจที่จะตายตามเธอไป เขาก็เลือกที่จะทำความหวังของเธอให้เสร็จก่อนจะจาก ในตอนนั้น เขาก็จุดประกายแสงขึ้นมาในตอนกลางคืน.”

“เขาเผาแผ่นหลังบูชายัญตัวเองและใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง วาดรูปแบบวิญญาณครอบคลุมท้องฟ้า เหนือ 9 สวรรค์ และแล้วเขาก็สร้างสิ่งๆหนึ่ง ที่ส่องแสงไปทั่วโลกในยามค่ำคืน.”

“นอกจากนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ยังได้ให้ชื่อสิ่งนั้นขณะที่เขามีลมหายใจเลือกสุดท้ายว่าเป็น เย่ว์เลี่ยง ดวงจันทร์ ตามชื่อของเธอ.” 月亮 èà เยว้เหลี้ยง

“มันเป็นเพราะดวงจันทร์นั้นส่องแสงในยามค่ำคืน ดังนั้นจึงเกิดการความทรงจำมากมายในวันนั้น และผู้คนได้กำหนดให้วันนั้น เป็นเทศการชมจันทร์ และนั่นก็คือวันนี้.”

“นี่คือตำนานที่บอกต่อๆกันมาหลายชั่วอายุคน และมันยังมีสโลแกนให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับคนรัก”

ยู่เหอ พูด

“ฮ่าฮ่า ไร้สาระ พระจันทร์คืออะไร มันมีแค่1เดียวในโลกเท่านั้น ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำตัวเองให้เป็นพระจันทร์ได้ มันเป็นแค่ตำนานไม่ได้หมายความว่าเป็นความจริง”

ในตอนนั้น เจียง หวู่ชางก็หัวเราะเสียงดัง

“ถูกต้อง จะเป็นไปได้อย่างไรที่ดวงจันทร์จะถูกสร้างโดยมนุษย์ มันช่างไร้สาระเสียงจริง มา มา มาดื่มดีกว่า ดื่ม ดื่ม ดื่ม!”

จางเทียนยี่ พูดขึ้น.

“ให้ดูแลคนที่ใกล้ชิดเจ้าให้ดีที่สุดอย่างนั้นหรือ”

อย่างไรก็ตาม เรื่องตลกอย่างตำนานของชายคนนั้น ก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างในตา ของสาวๆ

ซู รู่ว และ ซูเหม่ย หันไปมองชูเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ชูเฟิงนั้นกำลังดื่มกับเจียง หวู่ชาง และ จาง เทียนยี่อยู่จึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่

หลังจากงานเลี้ยง ชูเฟิงก็กลับห้องเขา และ หยิบโอรสอเวจีมาเพื่อนกลั่นมัน แต่ว่าเนื่องจากเขามีภาระที่ต้องแบกรับอยู่ ดังนั้นเขาเลือกที่จะยกระดับตนเองดีกว่า

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก *

ในตอนนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชูเฟิงใช้อำนาจวิญญาณตรวจสอบก็ได้รู้ว่าคนที่มานั้นคือ ซู เหม่ย

“เหม่ยน้อย เจ้ามาที่นี้ตอนนี้ เพราะคิดถึงข้าใช่ไม๊ ? ”

ชูเฟิงเปิดประตูออกมา และเมื่อเห็นเธอ เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้หยอกล้อเธอได้

“ใช่ ข้าคิดถึงเจ้า.”

อย่างไรก็ตาม มันสร้างความประหลาดใจให้ชูเฟิงมาก ซูเหม่ย ที่จะตอบสนองต่อการหยอกล้อของเขา ครั้งนี้ไม่มีการตอบสนอง นอกจากนั้นเธอยังกระโดษเข้าสู่อ้อมอกชูเฟิงอีก

หลังจาก ซู เหม่ยเข้ามาในห้อง เธอก็ปิดประตู ในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดชูเฟิง และดันชูเฟิงไปบนเตียงของเขา

“เหม่ยน้อย…!!!”

เมื่อเห็นซูเหม่ยในตอนนั้น ชูเฟิงก็ตกใจมาก

ซูเหม่ยที่ปกติร่าเริง และมักจะใกล้ชิดกับชูเฟิง เธอมีปฏิกิริยาเรื่องชายหญิงมาก สำหรับเธอแล้วนั่นเป็นสิ่งต้องห้ามเลย แต่วันนี้เธอกำลังจะทำสิ่งนั้น

“คืนนี้ข้าอยากนอนกับเจ้า.”

ซูเหม่ยขยับใบหน้าของเธอเข้าไปใกล้ชูเฟิงและพูดเบาๆ

*อึก* ในตอนนั้นชูเฟิงก็ต้องกลืนน้ำลายคำโต เพราะซูเหม่ยตรงหน้าเขานั้นมีเสน่ห์เกินไป

ดวงตา และใบหน้าที่งดงามน่ารักของเธอ ที่กำลังแดงอยู่ ทำให้มันมีเสน่ห์อย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชูเฟิงลดสายตาไปเจอกับหน้าอกของเธอ เขามองเห็นผิวที่ขาวราวกับหิมะและมีวัตถุนุ่มนิ่มกำลังกดทับอกของเขาจนเป็นร่องตัว วี ระหว่างหุบเขา ซึ่งขนาดของมันยากที่จะประเมิน เพราะเขายังไม่เคยเห็นมันเต็มๆตา และมันยังถูกกดทับ

: ตายล่ะดันมาจบในเวลาแบบนี้!!! เซงชะมัด!!!

: ไปบอกให้คนแปลแถมดิ!!!

: คงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน  ยิ่งวันเสาร์ – อาทิตย์ คนแปลรีบส่งงานแล้วไปเที่ยวกันหมดล่ะมั้ง

: ก็คนที่ไม่ไปดิ!!!

4 : . . . . . . . . . . . .

4 : เอาล่ะ จะมีมารมาผจญหรือเปล่า ?? หรือเขาทั้งสองจะได้เสียกัน ก่อนวัยอันควร รีดเดอร์ที่อายุต่ำกว่า 17 ปี ควรได้รับคำแนะนำ คนรักกันจากใจจริง จะมีอะไรกันก็เป็นเรื่องไม่แปลก แต่คนยุคนั้นเคร่งเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี ว่าไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวชายหากยังไม่ได้เป็นคู่ครอง แต่พวก  ซูรู่วและซูเหม่ย ไม่เปนแบบนั้น นางพร้อมที่จะมอบทุกอย่างของนางให้แด่คนรัก รวมทั้งจื่อหลิง หากนางไม่ถูกพิษ นางคงมอบร่างกายให้ ชูเฟิง ดังนั้น หากใครเป็นหมอ ติดต่อด่วน!!! พวกเขาจะได้กันซะที

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments