ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 844 – ที่ราบแห่งความหนาวเย็น
“ไม่ต้องกังวล ทุกคนนั้นสบายดี ซู รู่ว ซู แหม่ย ศิษย์พี่จาง และน้อง หวู่ชาง ตอนนี้นั้นอยุ่ที่หุบเขาสายหมอก พวกเขากำลังพักอยู่ในที่พักของพวกเขา”
ชูเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม “จริงหรือ พาข้าไปพบพวกเขาหน่อย”
จื่อหลิง ดีใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของชูเฟิง นางรีบลากชูเฟิงบินลงจากหุบเขาสายหมอก และรีบไปหา ซู รู่ว กับ ซูเหม่ย
และด้วยการนำของยาม จื่อหลิง กับ ชูเฟิง ก็มาถึงที่พักของ ซู รู่ว และ ซู เหม่ย เพราะที่พักของเจียง หวู่ชาง และ จาง เทียนยี่ นั้นยังไม่ถูกเตรียมไว้ทั้ง 2 จึงต้องรออยู่ที่นี่
สำหรับ จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชาง ทั้ง 2 รู้จักจื่อหลิงดีอยู่แล้ว หลังจากเห็นนาง เขาก็คุยกันเป็นเรื่องปกติ
แต่ด้าน ซู รู่ว กับ ซู เหม่ย นั้นเคยได้ยินนางคุยกับชูเฟิงตอนทั้ง 2 อยู่ในสภาวะกึ่งเป็นกึ่งตาย แต่ไม่เห็นนางเลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้คนอาจคิดว่าทั้ง 3 นั้นจะรู้สึกห่างเหินเพราะไม่เคยรู้จักกันจริงๆมาก่อน
แต่ทั้ง 3 นั้น กลับคุยกันราวกับพี่น้อง และหัวเราะอย่างสนุกสนาน ทั้ง 3 นั้น ราวกับลืมว่ามี จาง เทียนยี่ ชูเฟิง และ เจียง หวู่ชางอยู่ด้วย “พี่ใหญ่ชูเฟิง ข้าขอพูดตามตรง ข้ารู้สึกชื่นชมท่านมาก”
เมื่อเห็นสาวงามทั้ง 3 พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จาง เทียนยี่ ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่เพียงแค่เจ้า ข้าเองก็ด้วย เมื่อคิดย้อนกลับไปในสมัยสำนักมังกรฟ้า ข้านั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก จึงมีสาวงามมาสารภาพรักกับข้าหลายต่อหลายคน แต่ข้าก็พูดว่าข้ายังไม่พร้อมที่จะมีคนรัก แต่ข้าก็ยังจำได้ว่าในตอนนั้น ศิษย์น้อง ซู รู่ว เป็นคนนึงที่ไม่ได้หลงรัก ข้า””ในตอนนี้ ข้าคิดว่านางนั้นเป็นเหมือนกับข้า ที่มุ่งหน้าแต่เรื่องระดับการบ่มเพาะ จึงไม่ได้สนใจเรื่องบุรษ””แต่ตอนนี้ ข้านั้นรู้แล้วว่าข้านั้นคิดผิดไป ไม่ใช่ว่านางนั้นมุ่งแต่บ่มเพาะพลัง แต่เป็นเพราะว่าข้านั้นไม่มีเสน่ห์พอ หลังจาก ชูเฟิง เข้าสำนักมังกรฟ้า ซู รู่วนั้น ถูกเขาดึงดูดไป””ไม่เพียงนางเท่านั้น แต่ยังมีซู เหม่ยน้อย ที่หลงรักเจ้าด้วย””อ้า แถมในตอนนี้แม้แต่กายศักดิ์สิทธิ์ในตำนานอย่างแม่นางจื่อ หลิง ก็ยังหลงรักเจ้าเช่นกัน ข้าคิดว่าในโลกนี้นั้นมีชายหนุ่มหลายคนอิจฉาเจ้ามาก ศิษย์น้องชูเฟิง”
จาง เทียนยี่ พูดขึ้น
เมื่อถูก พี่น้องแหย่ ชูเฟิงก็ยิ้มเขินๆ เขารู้ว่าเขามีสามสาวงามที่ยอมเสียสละทุกสิ่งเพื่อเขา นั่นทำให้เขารู้สึกว่าตนโชคดีมาก และพวกนางนั้นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าสำหรับเขา
หลังจากพูดคุยได้สักพัก ชูเฟิงก็ต้องไป แม้ทั้ง 3 จะไม่อยากให้เขาไป แต่ก็ไม่ได้รั้งเขาไว้
ทางด้าน จาง เทียนยี่ และ เจียง หวู่ชางนั้นต้องการไปกับชูเฟิง แต่การเดินทางครั้งนี้เขาต้องเผชิญกับรูปแบบวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องทั้ง 2 ได้
และเมื่อทั้ง 2 ลองคิดดูแล้วทั้ง2ก็คิดว่าอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรชูเฟิงได้ดังนั้นจึงเลือกที่จะรออยู่ที่ หุบเขาสายหมอก
สำหรับชูเฟิงนั้น เขาไม่มีทางเลือกเขาต้องไปยังที่ที่เขาไม่รู้จักเพียงคนเดียว “ข้าหวังว่าสักวันข้าจะสามารถช่วยเขาได้ เพราะเขาไม่สามารถทำได้ทุกอย่างด้วยตนเองหรอก”
จาง เทียนยี่พูดเบาๆ และมองไปที่ทางที่ชูเฟิงผ่านไป “ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับท่าน แต่เพราะพลังสายเลือดจักรพรรดิมันจึงยากที่จะตามเขาทัน”
เจียง หวู่ชาง พูดขึ้นพร้อมถอนหายใจ “พูดตามตรง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรอก ศิษย์น้องชูเฟิงเคยบอกข้าว่าพลังของเขาจริงๆแล้วอยู่ที่ระดับ 9 อาณาจักรสวรรค์ แต่ที่เขาเลื่อนไปอยู่ระดับ 3 เจ้าสงครามได้ก็เพราะพลังพิเศษในตัวเขา””ตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าข้านั้นใกล้จะทะลวงผ่านแล้ว และเมื่อข้าทะลวงไปได้ระดับนึง พลังของข้าก็จะเท่ากับศิษย์น้องชูเฟิง และเมื่อถึงตอนนั้นข้าก็สามารถสู้กับ ระดับ 1 จ้าวแห่งสงครามได้” “ถ้าข้าเป็นระดับจ้าวสงครามแล้ว และรวมกับวิชาต้องห้ามของข้า ข้าคงไม่เป็นภาระเหมือนเช่นนี้”
จาง เทียนยี่พูดขึ้น “พี่ใหญ่ เทียนยี่ ข้าไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนี้ ข้าก็คิดว่าข้าจะทะลวงผ่านไปได้เช่นกัน เอางี้ เรามาแข่งกันดีไหมว่าใครจะทะลวงได้ก่อนกัน”
เจียง หวู่ชาง ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ได้เสมอ!”
จาง เทียนยี่ หัวเราะแล้วพูดขึ้น เขานั้นต้องการไล่ตามชูเฟิงทันและสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าน้องชายเขา ไม่ได้เหมือนกับตอนนี้ที่เขาทำได้เพียงหลบหลังชูเฟิง
แน่นอนว่าชูเฟิงไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขานั้นอยู่จุดเคลื่อนย้ายของ หุบเขาสายหมอก และมันจะส่งเขาไปยัง พื้นที่เขตหนาว และจุดเคลื่อนย้ายของที่นั่นไม่ได้อยู่ภายในการควบคุมของ หมู่เกาะประหาร ชูเฟิงจึงไม่เป็นกังวลเรื่อง ศัตรูของเขา”
แต่ชูเฟิงก็ไม่ประมาท ใช้หน้ากากเปลี่ยนรูปร่างเพื่อนปิดบังตัวตนเอาไว้ เพราะเขานั้นไม่ได้รู้เกี่ยวกับภูมิภาคทะเลตะวันออกดีนัก เขาจึงไม่รู้ว่าจะมีคนในพื้นที่เขตหนาวรู้จักเขาหรือไม่ หรือไม่ก็ เขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นจะเป็นศัตรูหรือมิตรของเขา
และในตอนนี้ เขาก็มาถึงที่ราบแห่งความหนาวเย็นแล้ว หลังจากก้าวออกมา หมอกควันสีขาวก็พัดผ่านดวงตาของเขาจนพล่ามัว
มันเป็นพื้นที่เขตหนาวตามชื่อของมัน น้ำแข็งและหิมะ ปกคลุมทั่วทุกที่นอกจากนี้แม้แต่ท้องฟ้าก็มีหิมะโปรยลงมา
แม้ว่าอากาศเย็นจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่หลังจากเห็นภาพนี้ ชูเฟิงก็รู้สึกหนาวแทน เขาไม่สามารถทำตัวตามสบายดั่งปกติได้ “เร็ว เร็วเข้า ถ้าพวกเราช้า พวกเราต้องพลาดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้แน่นอน!””พวกเขามาแล้ว ประมุขของนิกายดาบศิลา และ เหล่าผู้อาวุโส แม้แต่เหล่าศิษย์หลักก็มาเช่นกัน ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น และนั่นมิอาจพลาดได้จริงๆ!”
ทันใดนั้น เหล่าอันธพาลก็พูดขึ้นเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีผู้คนบินผ่านไป ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น (T/N ถ้าคนเคยอ่านนิยายของโกวเล้งจะเข้าใจทันทีว่า อันธพาลพวกนี้ คือเหล่าจอมยุทธ์ ตามข้างถนน)
โลกแห่งการต่อสู้นั้นไม่เคยสงบสุข การต่อสู้ระหว่างนิกายเป็นเรื่องปกติ และตอนนี้นั้นชูเฟิงมีงานที่ต้องทำเขาจึงไม่ต้องการยื่นมือเข้าไปยุ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขานั้นอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าวิหารเพลิงผลาญสวรรค์แล้ว ชูเฟิงก็ไม่ต้องการสนใจอะไรทั้งนั้นเขานั้นมีเป้าหมายเพียงทางเข้าวิหารเพลิงผลาญสวรรค์และไปหา ฉิวชุ่ย ฟู่หยานเท่านั้น
ถ้านางไม่อยู่ ชูเฟิงก็จะพุ่งเป้าไปที่โอสถแห่งมังกรและวิหคเพลิงแทน
เพราะที่ ท่านหญิงเพียวเมี้ยวคิดไว้นั้น ชูเฟิงเข้าใจอย่าชัดเจน นางคิดว่าหากเขาไม่สามารถพบฉิวชุ่ย ฟู่หยาน ก็ให้นำโอสถนั้นกลับมายังหุบเขาสายหมอก
*ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ * ในตอนนั้น หลังจากชูเฟิงกำลังบินก็มี กลุ่มคนกำลังบินอยู่ข้างหน้าเขา หลังจากนั้น ใจชูเฟิงก็สั่นทันที และท่าทางของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เขาทำได้เพียงหยุดและรอฟังคำพูดจากพวกเขา
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : ฮวางฟู่ ห่าวเยว่ กำลังยืนแย่ง หมันโถ่วกับพ่อค้า !!!!
B : อย่าไปเชื่อมันนะคับ ฮวางฟู่ ยังไม่ออกมาเร็วๆนี้!!!
C : ออกมา!!!
A4 : พวกมืงมันเชื่อไม่ได้กะตัว!!!