Chapter 221 Chapter 221 – A Road has No Gate (4) There had been war since ancient times
บทที่ 221 บทที่ 221 - ถนนไม่มีประตู (4) มีการทำสงครามมาตั้งแต่สมัยโบราณ
 It all began when the stars died
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อดวงดาวตาย
 As the star god returned to the void, the grey god watched over all deaths as she received the heritage of the star god
เมื่อพระเจ้าดาวกลับไปเป็นโมฆะพระเจ้าสีเทาเฝ้ามองการเสียชีวิตทั้งหมดขณะที่เธอได้รับมรดกจากดาวแห่งพระเจ้า
  As a result, the grey god witnessed the end of the universe
เป็นผลให้พระเจ้าสีเทาเห็นจุดจบของจักรวาล
  The lights in the universe were turned off and the world sank into darkness, returning to a space with no time
ไฟในจักรวาลถูกปิดและโลกจมลงในความมืดกลับไปยังพื้นที่ที่ไม่มีเวลา
 That was their last appearance
นั่นคือการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของพวกเขา
 They were the last civilization left in this lonely universe
พวกเขาเป็นอารยธรรมสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเอกภพที่โดดเดี่ยว
 Even the last sun was going to die out
แม้แต่อาทิตย์สุดท้ายก็จะตายไป
 The grey god fell into despair
พระเจ้าสีเทาตกอยู่ในความสิ้นหวัง
 There was a chance
มีโอกาสเกิดขึ้น
 Through the legacy of the star god, she realized that there was a great magic that could reverse the fate of the universe and return it to the beginning
ผ่านมรดกของดาวพระเจ้าเธอตระหนักว่ามีมายากลที่ดีที่สามารถย้อนกลับชะตากรรมของจักรวาลและส่งกลับไปยังจุดเริ่มต้น
 But there wasn’t much time left and the sun continued to fall
แต่เวลาเหลือไม่มากนักและดวงอาทิตย์ยังคงตก
 She tried to reverse the fate of the world, before the sun’s power was exhausted
เธอพยายามที่จะย้อนกลับชะตากรรมของโลกก่อนที่พลังแสงอาทิตย์จะหมดแรง
 The gods resisted
พระเจ้าต่อต้าน
 Thus, the grey god and the species of death collided against the gods of Olympus
ดังนั้นพระเจ้าสีเทาและสายพันธุ์แห่งความตายจึงชนกับพระเจ้าแห่ง Olympus
 It was a fierce fight
มันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรง
 And he was there: Gushantimur, the most powerful dragon
และเขาอยู่ที่นั่น: Gushantimur, มังกรที่มีอำนาจมากที่สุด
 Following their own beliefs, the dragons stood on both sides of the argument, with Gushantimur being one that followed the grey god
มังกรยืนอยู่ทั้งสองด้านของการโต้เถียงกับ Gushantimur เป็นหนึ่งที่ตามพระเจ้าสีเทา
 He was the last dragon who bit the gods by her side, until the grey god was defeated and thrown into another dimension
เขาเป็นมังกรตัวสุดท้ายที่เกลียดเทพเจ้าอยู่เคียงข้างเธอจนกระทั่งพระเจ้าสีเทาพ่ายแพ้และถูกโยนเข้าไปในมิติอื่น
 Due to his mighty power, he could keep himself fully awake, even though the other dragons were killed or in hibernation
เนื่องจากพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาเขาสามารถทำให้ตัวเองตื่นเต็มที่แม้ว่ามังกรตัวอื่น ๆ จะถูกสังหารหรืออยู่ในโหมดไฮเบอร์เนต
 After the grey god was thrown into another dimension, Gushantimur was left alone to contemplate the world
หลังจากที่พระเจ้าสีเทาถูกโยนเข้าไปในมิติอื่น Gushantimur ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเพื่อครุ่นคิดถึงโลก
 He became a hermit of the Black Forest
เขากลายเป็นฤาษีของป่าดำ
 “She is back
"เธอกลับมาแล้ว
” Gushantimur set up a castle and reached out to those who needed help
"Gushantimur ตั้งปราสาทและเอื้อมมือออกไปยังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
 They were mainstream people of the world, such as humans, elves, and dwarves, as well as those treated like monsters: the goblins, ogres, trolls, etc
พวกเขาเป็นคนหลักของโลกเช่นมนุษย์เอลฟ์และคนแคระเช่นเดียวกับคนที่ได้รับการปฏิบัติเหมือนมอนสเตอร์: พวกกอบลินโอปอสโทรลล์ ฯลฯ
 Gushantimur shared the feelings of the weak and the small
Gushantimur แบ่งปันความรู้สึกของคนที่อ่อนแอและคนเล็ก
 It was just a moment in comparison to the time he had lived
มันเป็นเพียงช่วงเวลาเมื่อเทียบกับเวลาที่เขาอาศัยอยู่
 However
อย่างไรก็ตาม
 These short moments were never in vain
ช่วงเวลาสั้น ๆ เหล่านี้ไม่เคยไร้ผล
 They were raw but strong students
พวกเขาเป็นนักเรียนที่ดิบ แต่แข็งแรง
 Their minutes and seconds shone so brightly compared to those who lived for a long time
นาทีและวินาทีของพวกเขาส่องสว่างมากเมื่อเทียบกับผู้ที่อาศัยอยู่เป็นเวลานาน
 “Do I really want to see the end…” The grey god aimed to save the universe from its fate and reconnect the cycle of life
"ฉันอยากจะเห็นตอนจบ ... " พระเจ้าสีเทามุ่งเป้าไปที่การช่วยจักรวาลให้รอดพ้นจากชะตากรรมของตนและเชื่อมต่อวงจรชีวิตใหม่
 He looked at the sun and sighed
เขามองไปที่ดวงอาทิตย์และถอนหายใจ
 Now he didn’t know what was heavier or more important
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าอะไรหนักหรือสำคัญกว่า
 Gushantimur closed his eyes
Gushantimur หลับตาลง
 The wind blew through his hair
ลมพัดผ่านผมของเขา
 His disciples felt the aura of the grey god and looked towards the north
เหล่าสาวกของพระองค์รู้สึกถึงรัศมีของพระเจ้าสีเทาและมองไปทางทิศเหนือ
 His always loud lair was locked in silence
ที่ซ่อนอยู่ตลอดเวลาของเขาถูกขังอยู่ในความเงียบ
 There was a sad smile on his face as he remembered the grey god
มีรอยยิ้มเศร้าบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขาจำได้ว่าเป็นพระเจ้าสีเทา
 ‘The world will be saved from destruction
โลกจะรอดพ้นจากความพินาศ
’ No one could see the world like the grey god
ไม่มีใครเห็นโลกใบนี้เหมือนพระเจ้าสีเทา
 Therefore, no one could truly understand her despair
ดังนั้นไม่มีใครสามารถเข้าใจความสิ้นหวังของเธอได้อย่างแท้จริง
 ‘I won’t let the universe cool down forever
'ฉันจะไม่ปล่อยให้จักรวาลเย็นลงตลอดไป
’ The universe was nearing its end and all she saw was death
จักรวาลกำลังใกล้ถึงจุดสิ้นสุดและสิ่งที่เธอเห็นคือความตาย
 She saw the darkness in the morning sun and felt hopeless over the eternal void
เธอมองเห็นความมืดในยามเช้าและรู้สึกสิ้นหวังเหนือสิ่งที่เป็นโมฆะนิรันดร์
 It was a terrible sinking worse than death
มันแย่มากยิ่งกว่าความตาย
 A north wind blew
ลมทิศตะวันตกพัด
 Gushantimur kept his eyes closed
Gushantimur ปิดตาของเขาไว้
 He couldn’t figure out what to do
เขาไม่สามารถคิดได้ว่าจะทำอย่างไร
 Suddenly, he remembered a warrior
ทันใดนั้นเขาจำนักรบได้
 The warrior was someone who caused miracles everywhere they went
นักรบคือคนที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ทุกแห่งที่พวกเขาไป
 A warrior who accomplished things that seemed impossible
นักรบที่ทำสิ่งที่ดูไม่เป็นไปได้
 He cut the neck of the great chieftain who was possessed by the Tribulation, faced the great empire alone and defeated a god
เขาตัดคอของหัวหน้าเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกครอบครองโดยการทรมานเผชิญกับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เพียงอย่างเดียวและพ่ายแพ้พระเจ้า
 Now he was going against the grey god to save the world
ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับพระเจ้าสีเทาเพื่อช่วยโลก
 One of the greatest fighters of this era
หนึ่งในนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้
 Crockta
Crockta
 While their time together was short, he was someone who couldn’t be forgotten
ขณะที่เวลาอยู่ด้วยกันสั้น ๆ เขาเป็นคนที่ไม่สามารถลืมได้
 A tough face that always smiled mischievously
ใบหน้าเหนียวที่ยิ้มอย่างซุบซิบเสมอ
 The one who wielded a huge greatsword
คนที่ใช้ขวัญกำลังมหาศาล
 Someone who rushed recklessly and didn’t know how to retreat
คนที่รีบวิ่งมึนเมาและไม่รู้ว่าจะหนีออกไปได้อย่างไร
 What was the reason for fighting like that? How could he do so? “I…” Someone called out to him, “Master!” He looked back to see a weak guy that just entered, an innocent kobold
อะไรคือเหตุผลในการต่อสู้แบบนั้น? 
 He was the kobold shooter Komojak, and his idol was the goblin Kiao
เขาเป็นนักกีฬา Kobold Komojak และไอดอลของเขาคือ Kyo กลิน
 He entered the Black Forest and begged to be his disciple
เขาเดินเข้าไปในป่าดำและขอร้องให้เป็นศิษย์ของเขา
 “I will shoot a bow today!” A straw doll was shaking in front of him
"วันนี้ฉันจะยิงธนู!" ตุ๊กตาฟางก็สั่นหน้าเขา
 His accuracy wasn’t that great but there was pleasure on the kobold’s face
ความถูกต้องของเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็มีความสุขกับใบหน้าของโกโบล
 “I will shoot this twice tomorrow keong keong! Please train me tomorrow keong!” He said with a bright smile
"ฉันจะยิงสองครั้งพรุ่งนี้ keong keong! 
 Tomorrow
วันพรุ่งนี้
 Gushantimur looked at him blankly
Gushantimur มองเขาอย่างโง่เขลา
  The kobold didn’t know anything
โกโบลด์ไม่รู้อะไรเลย
 Even though the countdown to the end of the world was going on, he was laughing and talking about tomorrow
แม้ว่าการนับถอยหลังจนถึงสิ้นโลกกำลังเกิดขึ้นเขาหัวเราะและพูดถึงพรุ่งนี้
 Gushantimur looked around
Gushantimur มองไปรอบ ๆ
 Numerous disciples were looking at him
สาวกมากมายกำลังมองไปที่เขา
 Unknown emotions were in their eyes
อารมณ์ไม่รู้จักอยู่ในสายตาของพวกเขา
 “Tomorrow
“พรุ่งนี้
” If tomorrow came like the kobold said
"ถ้าวันพรุ่งนี้มาเหมือนโกโบลด์กล่าวว่า
 It wouldn’t stop tomorrow, there would be many more tomorrows
คงไม่พรุ่งนี้พรุ่งนี้จะมีอีกหลายวัน
 Gushantimur and all his disciples would enjoy tomorrow and the rest of their lives
พระสุรนุภาพกับเหล่าสาวกของพระองค์จะมีพรในวันพรุ่งนี้และชีวิตที่เหลืออยู่
  The sun would go down and rise again
ดวงอาทิตย์จะลงไปและเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
 Thus, they would live another day
ดังนั้นพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อีกวันหนึ่ง
 Every day, every minute
ทุกวันทุกนาที
 That’s right
ถูกตัอง
 He already knew
เขารู้แล้ว
 Gushantimur spoke in a soft voice, “Two times isn’t enough
Gushantimur พูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ว่า "สองครั้งยังไม่พอ
” “Keong?” “You will have to shoot it three times, not two
"" Keong? "" คุณจะต้องยิงมันสามครั้งไม่ใช่สอง
 Can you do it?” The kobold looked awkward
คุณทำได้ไหม? "โกโบลมองอึดอัดใจ
  “T-Three keong…” He scratched his head and avoided Gushantimur’s eyes
"T-keong ... " เขาเกาหัวและหลีกเลี่ยงสายตาของ Gushantimur
 He looked at the straw dolls and the wounds on his hands, before nodding at Gushantimur
เขามองไปที่ตุ๊กตาฟางและบาดแผลบนมือของเขาก่อนที่จะพยักหน้าที่ Gushantimur
 “T-Three times is too much keong…but, let’s try it keong…” “Yes
"สามครั้งมากเกินไป ... แต่ลองมาดูสิ ... " "ใช่
” Gushantimur turned to the other disciples
"Gushantimur หันไปสาวกอื่น ๆ
 Everyone was staring at him
ทุกคนจ้องที่เขา
 He spoke again, “Tomorrow, I want to see how everyone has improved
เขาพูดอีกครั้งว่า "พรุ่งนี้ฉันอยากเห็นว่าทุกคนดีขึ้นอย่างไร
 It will be a harsh day
มันจะเป็นวันอันแสนสาหัส
 Is everyone prepared?” Their eyes widened
ทุกคนเตรียมพร้อมหรือ? "ตาของพวกเขากว้างขึ้น
 The disciples looked at each other and nodded
เหล่าสาวกมองกันและกันและพยักหน้า
 Gushantimur smiled
Gushantimur ยิ้ม
 “Yes
"ใช่
” His body floated in the air
ร่างกายของเขาลอยอยู่ในอากาศ
 Gushantimur’s body, which was in the form of a young man, started to slowly change
ร่างกายของ Gushantimur ซึ่งอยู่ในรูปของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
 Black scales sprouted on his body
เกล็ดสีดำงอกบนร่างของเขา
 His body extended
ร่างกายของเขายื่นออกไป
 Wings spread out from his back and the irises of a beast appeared in his eyes
ปีกกางออกจากหลังของเขาและ irises ของสัตว์ร้ายปรากฏในสายตาของเขา
 Now he was as big as the castle
ตอนนี้เขาใหญ่พอ ๆ กับปราสาท
 His body was huge enough to cast shade on his entire body
ร่างกายของเขาใหญ่มากพอที่จะทำให้เงาบนร่างกายของเขาเต็มไปหมด
 Beautiful scales and broad wings
เกล็ดที่สวยงามและปีกกว้าง
 The mightiest species, a dragon
ชนิดที่แข็งแรงที่สุดคือมังกร
 His true appearance was revealed
รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย
 The kobold stared at him with wide eyes and a gaping mouth
โกโบลด์จ้องมองเขาด้วยสายตากว้างและปากที่อ้าปากค้าง
 Even his original disciples had never seen Gushantimur like this
แม้แต่สาวกที่เป็นต้นฉบับของเขาไม่เคยเห็น Gushantimur เช่นนี้
 After returning to the form of a black dragon, Gushantimur whispered
หลังจากกลับมาเป็นรูปมังกรดำ Gushantimur กระซิบ
 His voice was as soft as always
เสียงของเขานุ่มนวลเสมอ
 ‘Rest early today and prepare for tomorrow
"พักผ่อนวันนี้ในวันนี้และเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
’ One disciple asked aloud, “Master, where are you going?” ‘I…’ Gushantimur used his wings to turn his body
ศิษย์คนหนึ่งถามว่า "นายนายกำลังไปที่ไหน?" 'ฉัน ... ' Gushantimur ใช้ปีกของเขาเพื่อเปิดร่างของเขา
 ‘I am also preparing for tomorrow
'ฉันกำลังเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
’ He flew towards the Temple of the Fallen God
"เขาบินไปยังวิหารของพระผู้เป็นเจ้า
   *** Kurwarwarwarwa! The black dragon’s breath poured towards the giant cannon
*** Kurwarwarwarwa! 
 Crockta and Abaddon rolled to avoid the aftermath
Crockta และ Abaddon รีดเพื่อหลีกเลี่ยงผลพวง
 Kurwarwarwarwa! The world was filled with a ringing sound
Kurwarwarwarwa! 
 The breath melted everything
ลมหายใจละลายทุกอย่าง
 The breath swallowed everything, leaving behind a huge hole
ลมหายใจกลืนเข้าไปทุกอย่างทิ้งไว้ข้างหลังหลุมใหญ่
 It was like lava flowed over the ground
เหมือนลาวาไหลผ่านพื้นดิน
 In the place where the ancient weapon was, only a smoking hole remained
ในสถานที่ที่อาวุธโบราณมีเพียงหลุมสูบบุหรี่ยังคงอยู่
 Crockta stared blankly at the sky
Crockta จ้องมองที่ท้องฟ้า
 It was the first time he saw a black dragon
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมังกรดำ
 However, he knew the identity of the dragon
อย่างไรก็ตามเขารู้ตัวตนของมังกร
 “Gushantimur──────!” He appeared to neutralize the enemy’s weapon
"เขาดูเหมือนจะต่อต้านอาวุธของศัตรู
 Crockta smiled
Crockta ยิ้ม
 It was an unexpected salvation
มันเป็นความรอดที่ไม่คาดคิด
 He asked, “Did you have a connection with Gushantimur?” Abaddon spoke in a dismal voice, “As far as I know, he…he was a great friend who fought with us in the past
เขาถามว่า "คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Gushantimur หรือเปล่า?" Abaddon พูดด้วยความสลดใจ "เท่าที่ฉันรู้เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่เคยต่อสู้กับเราในอดีต
 Why is he stopping us now?” “Kulkul, the Gushantimur that I know is different
ทำไมเขาหยุดเราตอนนี้? "" Kulkul, Gushantimur ที่ฉันรู้ว่าจะแตกต่างกัน
” He didn’t know what Gushantimur was like in the past
"เขาไม่รู้ว่า Gushantimur เป็นแบบไหนในอดีต
 But the Gushantimur that he knew in the Black Forest wasn’t someone who would follow the grey god
แต่ Gushantimur ที่เขารู้ใน Black Forest ไม่ใช่คนที่จะติดตามพระเจ้าสีเทา
 Magic power stretched around Gushantimur’s body in the air
พลังแห่งเวทมนตร์ยืดตัวไปรอบ ๆ ร่างของ Gushantimur ในอากาศ
 According to his will, dozens of spheres dropped towards the magic cannons
ตามความประสงค์ของเขาหลายสิบทรงกลมลดลงต่อปืนใหญ่เวทมนตร์
 “Kuok…!” Abaddon extended his power to try and stop Gushantimur’s attack, but Crockta struck quickly with God Slayer aimed at the demon
"Kuok ... !" Abaddon ขยายอำนาจของเขาเพื่อพยายามหยุดยั้งการโจมตีของ Gushantimur แต่ Crockta ได้โจมตีอย่างรวดเร็วกับ God Slayer ที่มุ่งร้ายที่ปีศาจ
 “Hat!” Abaddon barely avoided the attack as one of his arms was cut, flames springing from the wound
"หมวก" Abaddon แทบหลีกเลี่ยงการโจมตีเป็นหนึ่งในแขนของเขาถูกตัดไฟลุกจากบาดแผล
 “Kuaaaaak!” Abaddon tried to stop the flames from God Slayer, but it didn’t work
"Kuaaaaak!" Abaddon พยายามที่จะหยุดเปลวไฟจากพระเจ้าผู้ฆ่า แต่มันไม่ได้ผล
 He fell helplessly to the ground
เขาล้มลงกับพื้นอย่างไร้ความปราณี
 In the meantime, all of the magic cannons were destroyed by Gushantimur
ในขณะเดียวกันทั้งหมดของปืนใหญ่เวทมนตร์ถูกทำลายโดย Gushantimur
 Once the bombardment ceased, the gods advanced and destroyed the monsters
เมื่อการทิ้งระเบิดสิ้นสุดลงพระเจ้าก็ทรงทำลายและทำลายมอนสเตอร์เหล่านั้น
  Abaddon panicked
Abaddon ตื่นตระหนก
 “An unidentified shaman at the beginning and now the ancient black dragon, Gushantimur
"หมอผีที่ไม่ปรากฏชื่อตอนแรกและตอนนี้คือมังกรดำโบราณ Gushantimur
” Things Abaddon thought would never be broken through were destroyed
"สิ่งที่ Abaddon คิดว่าจะไม่ถูกหักผ่านถูกทำลาย
 It was by third beings that they didn’t anticipate
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามที่พวกเขาไม่ได้คาดหวัง
  ‘The heavens are helping me
'สวรรค์ช่วยฉันได้
” Crockta said
Crockta กล่าว
 “The heavens… hahaha, the heavens
"สวรรค์ ... ฮ่า ๆ ฟ้า
 Because of the heavens…” Abaddon laughed
เพราะสวรรค์ ... "Abaddon หัวเราะ
 It sounded like something from a black comedy
มันฟังเหมือนบางอย่างจากหนังตลกสีดำ
 Crockta also laughed
Crockta ยังหัวเราะ
 Abaddon laughed for a while before saying, “Kill me
Abaddon หัวเราะครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า "ฆ่าฉัน
 I can’t fight anymore
ฉันไม่สามารถต่อสู้อีกต่อไปได้
” The last fire from God Slayer was still eating at his body
"ไฟสุดท้ายจากพระเจ้าผู้ฆ่ายังคงกินอาหารที่ร่างกายของเขา
 The flames rose from his arm to his shoulder, slowly burning his body
เปลวไฟลุกขึ้นจากแขนไปที่ไหล่ของเขา
 Crockta shook his head
Crockta ส่ายหัว
 “I don’t intend to kill you
"ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าคุณ
” “If you don’t kill me now, I will recover and hit your back
"" ถ้าคุณไม่ฆ่าฉันตอนนี้ฉันจะกู้คืนและตีกลับของคุณ
” “If you are able to do so
"" ถ้าคุณสามารถทำได้
” “Why are you sparing me?” Crockta looked down at him and said, “I still need you
"ทำไมนายถึงช่วยฉันด้วย?" Crockta มองมาที่เขาและพูดว่า "ฉันยังต้องการเธอ
” “Need me…?” “You treated me to a wonderful dish
"" ต้องการฉัน ... ? "" คุณให้ฉันไปจานที่ยอดเยี่ยม
 I can’t forget that taste
ฉันไม่สามารถลืมรสชาตินั้นได้
” “……” “I want to eat your spicy dishes again
"" ...... "" ฉันอยากจะกินอาหารรสเผ็ดร้อนของคุณอีกแล้ว
 So next time…” Crockta grinned at Abaddon
ครั้งต่อไป ... "Crockta ยิ้มกับ Abaddon
 “Let’s meet at the table
"มาพบกันที่โต๊ะ
” Then he moved towards the Temple of the Fallen God
"จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังวิหารของพระผู้เป็นเจ้า
 Abaddon stared blankly after him
Abaddon จ้องมองเขาอย่างไร้จุดหมาย
 “Next time…” Abaddon smiled at the words
"ครั้งต่อไป ... " Abaddon ยิ้มให้กับคำพูด
 Somehow, he felt carefree
อย่างใดเขารู้สึกไม่ห่วง
 Maybe he secretly hoped for this conclusion
บางทีเขาอาจจะแอบหวังข้อสรุปนี้
 Avoiding death was the instinct of all living things
การหลีกเลี่ยงความตายคือสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
 The gods were approaching
พระเจ้ากำลังเข้ามาใกล้
 Abaddon moved away from the front lines to avoid them
Abaddon ย้ายออกจากแนวหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขา
 He watched as the gods and mortals followed Crockta
เขาเฝ้าดูพระเจ้าและมนุษย์ตามครอคกา
 “Do you like spicy food?” Abaddon suddenly asked
"คุณชอบทานอาหารรสเผ็ดหรือไม่?" Abaddon ถามโดยฉับพลัน
 Gushantimur was standing next to him in human form
Gushantimur กำลังยืนอยู่ข้างเขาในรูปแบบของมนุษย์
 A weary face
ใบหน้าเบื่อหน่าย
 It was difficult for him to use that degree of breath
มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะใช้ระดับของลมหายใจที่
 Gushantimur replied, “I don’t like nor dislike it
Gushantimur ตอบว่า "ฉันไม่ชอบหรือไม่ชอบมัน
” “Is that so?” Abaddon said
"" ใช่ไหม? "Abaddon กล่าว
 “If there really is a next time…I will make the spicy flavor for you
"ถ้ามีจริงๆเป็นครั้งต่อไป ... ฉันจะทำให้รสชาติเผ็ดสำหรับคุณ
 My spicy noodles are great, even Crockta’s acknowledged it
ก๋วยเตี๋ยวเผ็ดของฉันเยี่ยมยอดแม้แต่ Crockta ก็ได้รับการยอมรับ
” “I see
" "ฉันเห็น
 I look forward to it
ฉันมองไปข้างหน้ามัน
 Sincerely
อย่างจริงใจ
” “Hahaha, I’m serious…” Above their heads, the white sphere created by the grey god floated
"" ฮ่าฮ่าฉันจริงจัง ... "ด้านบนศีรษะของพวกเขาทรงกลมสีขาวที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าสีเทาลอย
 Now fate had left their hands
โชคชะตาได้ทิ้งมือแล้ว
 The ending was something that not even the gods could know
ตอนจบคือสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักของเหล่าทวยเทพ
 The battle for the world’s fate ran without pause towards the end
การต่อสู้เพื่อชะตากรรมของโลกวิ่งโดยไม่มีการหยุดชะงักในตอนท้าย