ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 869 – ผลการตัดสิน
“อ๊าาาาา . . .”
ตอนนั้น เสียงร้องดังออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าเขากำลังจะขาดใจ
นอกจากเสียงของประมุขนิกายดาบศิลา ก็ไม่มีเสียงอะไรแทรกเข้ามาอีกเลย
ไม่ใช่เพราะทุกคนในที่แห่งนี้หนีไป แต่ตรงกันข้ามที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลายพันคน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่พวกเขาเงียบเป็นเพราะทุกคนต่างตะลึงในความแข็งแกร่งและความเหี้ยมโหดของ ชูเฟิง
เลือดของ ฉือ จิงเทียน สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ตามร่างกายของเขาเส้นเอ็นถูกดึงออก ผิวหนังของเขาถูกถลกออกจนไม่เหลือ จนทำให้ผู้ที่พบเห็นสภาพเขาต่างเกิดความกลัวที่ฝังลึกลงไปในจิตใจ พวกเขาต่างรู้สึกชาไปทั้งร่าง และสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว บางคนถึงกับสูญเสียการควบคุมระบบขับถ่าย จนถึงกับฉี่ราดออกมา “ไอ้ระยำ เจ้ามันชั่วช้าอำมหิต เพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์และความยุติธรรม ข้าจะปลิดชีวิตเดรัจฉานเยี่ยงเจ้า นำความสงบสุขมาสู่ผู้คนในทะเลตะวันออก!!!”
ในที่สุด ไต้เท้า หยาน ก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้ เมื่อเขาคือคนของหมู่เกาะประหาร แต่กับไม่สามารถปกป้องคนที่พึ่งเข้าร่วมได้ ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
ไต้เท้า หยานระเบิดเสียงตะโกน พร้อมกับบินขึ้นไปพร้อมกับ กระชับยอดยุทธภัณฑ์กึ่งราชวงค์ไว้ภายในมือ เขาพุ่งถลาใส่ ชูเฟิง พร้อมกับปลดปล่อยพลังวิญญาณระดับ 8 จ้าวแห่งสงคราม “หืม เจ้าช่างเข้ามาได้ถูกจังหวะจริงๆ นับที่เจ้าเป็นคนของหมู่เกาะประหาร เจ้าก็อย่าได้หวังว่าจะรอดไปจากที่นี่”
ในตอนนั้น ชูเฟิง ไม่ใช่แค่รู้สึกเต็มไปด้วยความกล้าเมื่อเผชิญกับใต้เท้า หยาน นำซ้ำยังกล่าวเยาะเย้ย พร้อมกับงอเข่า สปิงตัวออกไป ดั่งกับดาวหาง เพื่อพุ่งไปประจันหน้ากับ ไต้เท้า หยาน
คลื่นพลังที่รุนแรงกวาดพัดทุกอย่างให้พลันพินาศ ทักษะการต่อสู้ที่อนุภาพ ถูกงัดออกมาระหว่างการปะทะของทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม การปะทะของพวกเขา น่ากลัวราวกับสวรรค์และพิภพกำลังจะถล่ม จนทำให้ผู้คนที่เฝ้ามองการต่อสู้ ถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม ผสมกับความหวาดกลัว “เกิดอะไรขึ้น ? ตอนแรกที่ ชูเฟิง มาถึงที่ราบแห่งความหนาวเย็นเขามีพลังวิญญาณแค่ในระดับ 3 จ้าวแห่งสงคราม แต่ไงตอนนี้เขาถึงมีพลังวิญญาณในระดับ 5 จ้าวแห่งสงครามได้เพียงแค่เวลาไม่กี่วัน ?!””นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญด้วยการเพาะปลูกของ ชูเฟิง ในระดับ 5 จ้าวแห่งสงคราม แต่ทำไมถึงได้ทารุณ ประมุขฉือ ที่อยู่ในระดับ 7 จ้าวแห่งสงครามได้ แม้แต่ไต้เท้า หยาน ผู้เชี่ยวชาญระดับ 8 จ้าวแห่งสงคราม ก็ยังไม่อาจเอาชนะเด็กคนนี้ได้ เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว นี้มันยิ่งกว่าในข่าวลือเสียอีก”
ทุกคนสัมผัสได้ถึงการเพาะปลูกของ ชูเฟิง ตอนนี้พวกเขารู้ว่า ชูเฟิง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับ 3 จ้าวแห่งสงคราม แต่เป็นระดับ 5 จ้าวแห่งสงคราม
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตะลึงและตกใจ แต่เป็นเพราะพลังการต่อสู้ของเขาที่น่ากลัว ที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน จะมีอัจฉริยะกี่คนที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ “เราจะทำไงกันดี?! พวกเราควรจะเข้าร่วมกับหมู่เกาะประหารดีหรือไม่ แต่ ชูเฟิง ร้ายกาจมากนะ หากใต้เท้า หยาน แพ้ขึ้นมา ดีไม่ดีเราอาจถูกฆ่าไปด้วย”
ท่ามการความตกใจ บางคนก็เริ่มรู้สึกได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือนชีวิตของพวกเขา “ไม่มีอะไรจะต้องกลัว ต่อให้ ชูเฟิง เก่งกาจมาจากไหน เขาก็เป็นแค่ผู้ที่มีพลังวิญญาณในระดับ 5 จ้าวแห่งสงคราม เขาจะเหนือไปกว่า ผู้ติดตามของนิรันดร์ที่ 3 ไปได้ยังไง! ไต้เท้า หยาน ไม่แพ้แน่”
แม้พวกเขาจะไม่แน่ใจว่าผลการต่อสู้จะเป็นยังไง แต่บางคนก็รู้สึกมั่นใจว่า ไต้เท้า หยาน คงไม่แพ้ให้กับ ชูเฟิง “อย่าโง่ไปหน่อยเลย!!! เห็นอยู่ทนโท่ว่าชูเฟิงยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่! ตอนนั้นข้าได้เห็นมากับตาว่าตอนที่เขาใช้ยอดยุทธภัณฑ์ราชวงค์เขาร้ายกาจแค่ไหน ตอนนี้เขายังไม่ได้แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ แต่หากเขางัดมันออกมา ไม่แน่ ไต้เท้าหยาน อาจจะแพ้ก็ได้!!!”
แต่ก็มีบางคนที่มั่นใจว่า ชูเฟิง จะต้องเป็นฝ่ายชนะ “ห่ะ ?! งั้นก็หมายความว่า หายนะกำลังมุ่งมาหาพวกเราอย่างงั้นสินะ พวกเราจะเอาไงกันดี”
เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้น ยอดฝีมือที่มารวมตัวต่างก็พากันหน้าซีดราวกับกระดาษ ร่างกายสั่นสะท้านจนแทบจะล้มลงกับพื้น
พวกเขาไม่กล้าที่จะหนีไป หากพวกเขาทำเช่นนั้น หมู่เกาะประหารคงไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ๆ แต่หากพวกเขาไม่หนีและเลือกที่จะยืนฝ่ายหมู่เกาะประหาร ชูเฟิง เองก็คงไม่ปล่อยพวกเขา ตอนนี้พวกเขาต่างตกที่นั่งลำบาก โดยไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหน ยังไงภัยพิบัติก็ต้องมาเยือนพวกเขาอยู่ดี
* บูม บูม บูม บูม *
แล้วทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังสนั่นบนฝากฟ้า พริบตาก็มีร่างของใครบางคนโดนซัดออกไปจนติดกับ ภูเขาอีกฝาก
ในตอนนั้น พวกเขาทุกคนก็พบว่าคนที่ยังคงยืนอยู่บนอากาศ คือ ชูเฟิง และคน ที่ถูกซัดกระเด็นไปทางเทือกเขา คือ ไต้เท้า หยาน
* ฟริ้่ววว * จู่ๆ ชูเฟิงก็พุ่งตัวหายไป ยังทิศทางของเทือกเขา
* บูม บูม บูม บูม บูม *
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังกระหึ่มกึกก้องอย่างต่อเนื่องมาจากที่ไกลๆ คลื่นพลังนั้นทำให้ท้องฟ้าพลันสว่าง “เผ่นเร็ว!!! ไต้เท้า หยาน ไม่ใช่คู่มือของ ชูเฟิง!!! เราทั้งหมดได้ตายกันแน่ๆ””เราหนีไม่พ้นหรอก ชูเฟิงร้ายกาจมาก หากเขาต้องการที่จะฆ่าพวกเรา เราจะหนีรอดไปได้งั้นหรอ ?” “ในมุมมองของข้า ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี หากเราหนีก็ยังพอมีโอกาสรอดไปได้ เพราะไม่ว่ายังไง พวกเราก็ยังไม่ได้ทำร้ายใครในพรรคมารทลายราตรี นำซ้ำพวกเรายังไม่ได้เข้าร่วมกับหมู่เกาะประหาร! “
ยอดฝีมือทั้งหลาย ที่อยู่เหนือพระราชวัง เกิดความลังเล พวกเขาต่างมีความคิดเห็นไม่สอดคล้องกัน แม้พวกเขาอยากจะหนี แต่ก็ไม่กล้าหนี ความรู้สึกกังวัลและไม่สบายใจ จนทำให้จิตใจพวกเขาแทบจะตีกันตาย
* ฟู่วว * แต่แล้วทันใดนั้น ประมุขนิกายดาบศิลาก็หยุดกรีดร้องออกมาอย่างกระทันหัน
เสียงส่องออกมาจากร่างกายที่อาบไปด้วยเลือด แสงนั้นค่อยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง นั้นก็คือ ดวงจิตที่มีสติของ ฉือ จิงเทียน แม้เขาไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เขายอมสละร่างกายของเขาเพื่อที่จะหลบหนี “คิดจะหนีงั้นหรอ!!!”
ก่อนที่เขาจะหนีไป ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังเข้ามา
ในเวลาเดียวกันก็มีแรงดูดกลืนอันมหาศาลพุ่งมาจากทิศทางของเทือกเขาที่ห่างไกล มุ่งมายังทิศทางของดวงจิตของประมุขนิกายดาบศิลา “อ๊า . . .”
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังออกจาก ดวงจิตที่กำลังลอยไปอีกฝากจากแรงดูดมหาศาล
เพียงไม่นานหลังจาก ชูเฟิง ใช้พลังดูดดวงจิตของประมุขฉือ เขาก็พุ่งมาจากเทือกเขา ปรากฏต่อหน้าของสาวกนิกายดาบศิลาจำนวนมาก
เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้น คนจำนวนนับพันแห่งนิกายดาบศิลาก็พากันเงียบสนิท มีเพียงหนึ่งคำที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขานั้นคือ ‘ ความหวาดกลัว ‘
เพราะในตอนนั้น ชูเฟิงไม่เพียงแต่จะไม่เป็นไร เขายังมีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากจางๆบนใบหน้า นำซ้ำภายในมือของเขายังมีดวงจิตใสๆสองดวงอยู่
ดูจากลักษณะของพวกเขา หนึ่งในนั้นต้องเป็น ประมุขนิกายดาบศิลาไม่ผิดแน่ ส่วนอีกดวงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจาก ไต้เท้า หยาน แห่งหมู่เกาะประหาร
ในการต่อสู้ครั้งนี้ผลการตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะได้ออกมาแล้ว
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : วันนี้ลงให้แต่เช้า เด๋วเย็นๆมาลงส่วนที่เหลือนะ
B : ไงเป็นงั้นล่ะ ?!!!
A : วันนี้@ไปวัด ทำโรงทาน เด๋วจะเอาบุญเอากุศลมาฝาก
C : กุศล บุญ เอานะ แต่ซองผ้าป่านี้ขอล่ะ!!!