ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1018 – อดีตของปู่ลู่ว
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะขอพูดตรงๆเช่นกัน แน่นอนว่าข้านั้นมีเหตุผลส่วนตัว ที่ต้องการให้สหาย ชูเฟิง ช่วยข้า”
ปู่ลู่ว กล่าว “อาวุโสลู่ว อะไรงั้นหรอ ?! หากท่านไม่รังเกียจ ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือเปล่า”
ชูเฟิง กล่าว “เห้อออ มันก็นานแล้วล่ะ มันจะดีกว่า หากข้ายอมบอกเจ้าตั้งแต่แรก”
อาวุโส ลู่ว ถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่อารมณ์ของเขาคงที่ สักครู่เขาก็เริ่มพูด “ตอนนั้น ข้าเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดิน ของแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ แม้ข้าจะมีการเพาะปลูกในระดับนึง ข้าก็ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตต้องห้าม อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานที่ที่ข้าสามารถเข้าไปได้ ข้าก็จะไปสำรวจ” “อาจบอกได้ว่า ความฝันของข้าในชีวิตคือพบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการเพาะปลูก ยังไงก็ตาม เนื่องจากมีสถานที่แบบนั้นมากมายในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ข้าจึงเดินทางไปยังที่ต่างๆ แน่นอนก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ข้านั้นได้รับกล่องสมบัติจากทางตะวันตก ในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์””กล่องสมบัติอันนั้นมันวิเศษอย่างมาก แค่ดูจากภายนอก ข้าก็รุ้ได้ทันที ว่ามันคือสิ่งที่ไม่ธรรมดา มันคือสมบัติในการเพาะปลูก””หลังจากนั้น ข้าก็เก็บมันไว้อย่างดี ราวกับสมบัติที่สำคัญของชีวิตข้า ข้านั้นเก็บมันไว้ติดตัวตลอดและไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใคร เนื่องจากกลัวคนมาแย่งชิงสมบัติของข้าไป” “แต่น่าเสียดาย ที่ผนังนั้นมีรู จึงไม่มีความลับใดๆในโลกใบนี้ กล่องสมบัติของข้านั้นได้ถูกชิงไปจาก คนคนนึงที่ข้านั้นไว้ใจ เขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและข้าเองก็ต้องมาพิการ” “จริงๆแล้วตอนนั้นข้าได้รีบหนีไป และตัวเขาเองก็ไม่ได้บาดเจ็บเพราะข้า แต่เขากลับต้องการตัวข้า ข้าไม่เพียงแต่จะสูญเสียการเพาะปลูก ข้ายังกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้มีลมหายใจ”
เมื่อปู่ ลู่ว พูดมาถึงจุดนี้ ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า “อาวุโส ลู่ว คนคนนั้นเป็นใคร ?!”
ได้ยินแบบนั้น ชูเฟิง ที่ดูสงบ ก็พลันเกิดโทสะถาโถมเข้ามาภายในหัวใจ
ชูเฟิง คาดไว้แล้วว่า ปู่ลู่ว คงไม่พิการโดยที่ไม่มีสาเหตุ เขาคิดแล้วว่าเขาจะต้องช่วย ปู่ลู่ว ในการชำระความแค้น อย่างไรก็ตาม เขาคาดไม่ถึงว่า ปู่ลู่วจะต้องมาพิการ โดยน้องชายของเขา นำซ้ำคนคนนั้นยังชิงเอาสมบัติที่สำคัญของเขาไป
ชูเฟิงเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้อง เทียบเท่ากับชีวิตของเขาเอง แล้วเขาที่เป็นคนยึดถือสายสัมพันธ์ความเป็นสหาย เมื่อได้ยินว่ามีคนสารเลวเช่นนี้ ชูเฟิง ก็รู้สึกเกลียดเขาไส้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับ ปู่ลู่ว ชูเฟิงก็ยังต้องการที่จะไปสังหาร คนผู้นั้น เนื่องจากเขาไม่อาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้ “เห้อออ คนๆนั้นตอนนี้ก็คือ ผู้นำของวิหารโลหิตลี้ลับในปัจจุบัน “ปู่ลู่ว ถอนหายใจอีกครั้ง “เป็นเขางั้นหรอ ดี!!! งั้นเรื่องนี้ก็ง่ายขึ้นเยอะเลย!”
เมื่อชูเฟิงรู้ว่าคนที่หักหลังปู่ลู่ว คือผู้นำของวิหารโลหิตลี้ลับ รอยยิ้มที่เย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก จากนั้นเขาก็ถามต่อ”
ปู่ลู่ว สถานที่ตั้งของวิหารโลหิตฯอยู่ทางไหน ช่วยบอกข้าด้วย ข้าจะไปเอาหัวของผู้นำวิหารโลหิตมาให้ท่าน “ชูเฟิง เจ้าอย่าได้ประเมินเขาต่ำไป ไม่เพียงแต่เขาจะแข็งแกร่ง เขายังมีอำนาจอย่างมาก เขาทั่งเจ้าเล่ห์และมีไหวพริบ นอกจากนี้เขายังคุ้นเคยกับวิหาร เขารู้จักมันทุกซอกทุกมุม ดังนั้นเจ้าอย่าได้คิดว่าเขาเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับ 2 ราชันย์ธรรมดาๆ เจ้าต้องระมัดระวังให้มากๆ”ปู่ลู่ว เตือน “อาวุโส ลู่ว โปรดวางใจ ต่อให้เขาคุ้นเคยกับมันมากแค่ไหน เขาก็ยังอยู่ในระดับ 2 ราชันย์ แม้ว่าเขาจะมีพลังวิญญาณถึงระดับ 3 ราชันย์ ข้าก็จะเอาหัวเขามาให้ท่าน”
ชูเฟิง ไม่ได้ต้องการโอ้อวด เขานั้นสามารถสู้กับระดับ 2 ราชันย์ ด้วยพลังวิญญาณระดับ 8 จ้าวแห่งสงคราม หากเขาใช้เกราะสายฟ้าเพิ่มระดับพลังวิญญาณ เขาก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 9 จ้าวแห่งสงคราม และเขาย่อมที่จะสามารถจัดการกับผู้ที่อยู่ระดับ 3 ราชันย์ได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่การเพาะปลูก ชูเฟิง ยังเป็นผู้ที่ครอบครอง ราชินี พลังของนางนั้นมีอำนาจที่ร้ายกาจยิ่งกว่า ชูเฟิง เสียด้วยซ้ำ ตราบใดที่คู่ต่อสู้ไม่ใช่ บุตรแห่งสวรรค์ เขาก็จัดการกับคนพวกนั้นได้ แม้ว่าจะมีพลังวิญญาณต่างกัน “สหายน้อย ชูเฟิง ข้าไม่ได้พูดเล่นนะ ข้าเป็นคนนึงที่คุ้นเคยกับผู้นำวิหารโลหิตฯ เขาไม่ใช่คนที่เราจะจัดการได้ง่ายๆ เจ้าต้องคิดให้ดีๆ สำหรับคำขอของข้า นั้นเสี่ยงต่อชีวิตเจ้า ?”
ในแววตาของ ปู่ลู่ว เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “อาวุโส ลู่วแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องระหว่างท่าน กับ วิหารโลหิตฯ แต่ข้าก็ยังจะไปที่ วิหารโลหิตฯอยู่ดี แม้ว่าข้า ชูเฟิง จะไม่ใช่วีรบุรุษที่ขจัดอธรรมพิทักษ์คนดี ข้าก็ไม่อาจทนให้วิหารโลหิตฯมีตัวตนอยู่ เพื่อคอยทำร้าย ชาวบ้าน และเด็กที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ได้หรอก””แล้วยิ่ง อาวุโสลู่ว มีความเกี่ยวข้องกับวิหารโลหิตฯ นั้นก็หมายความว่า ข้า ชูเฟิง มีเหตุผลที่จะกำจัดมันเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง และสิ่งที่ข้าไม่อาจให้อภัยได้ ก็คือคนที่ทรยศพี่น้อง ข้า ชูเฟิง จะสังหารทุกคนที่พบ และไม่ปล่อยให้ใครรอดแม้แต่คนเดียว” “อีกอย่าง ข้าชูเฟิง ไม่ใช่คนโง่ เมื่อคิดจะทำอะไร ข้าก็จะทำภายในขีดความสามารถ ตั้งแต่ที่ข้าบอกว่าจะจัดการกับผู้นำวิหารโลหิตฯ นั้นก็หมายความว่าข้าจะต้องจัดการเขาให้ได้”
ชูเฟิง ตบหน้าอกให้คำมั่น
เห็นสายตาของ ชูเฟิง ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ปู่ลู่ว ก็เลิกคิดที่จะหยุดเขา จากนั้นเขาก็กล่าว”
สหายน้อย ชูเฟิง ตาแก่คนนี้ เชื่อใจเจ้า แต่ข้าต้องการที่จะเห็นเจ้านั่นมันตายด้วยตาของข้า ดังนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะพาข้าไปด้วย ข้าเชื่อว่าด้วยพลังของเจ้า ข้าคงไม่เป็นภาระเกินไป””อย่างที่สอง ข้ารู้ว่าสหายน้อย ชูเฟิง เป็นคนมีคุณธรรมและจิตใจดี ไม่งั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะยอมช่วย คำขอเช่นนี้ แม้ว่าเราจะพึ่งเคยพบกัน แต่ข้า ตาแก่ ลู่ว ไม่สามารถทนให้ตัวเองเป็นคนบาปหนา ตราบใดที่เจ้าได้รับกล่องสมบัตินั้น ข้าก็จะมอบมันเป็นของขวัญให้แก่ สหายน้อย ชูเฟิง เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณ” “สหายชูเฟิง โปรดวางใจตาแก่คนนี้ กล่องสมบัติของข้านั้นไม่ใช่สิ่งที่ธรรมดา ข้าคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมาก และเจ้าจะต้องเปิดมันได้อย่างแน่นอน” “ในเมื่อ อาวุโสลู่ว พูดเช่นนี้ หากข้า ชูเฟิง ปฏิเสธ ข้าชูเฟิง จะต้องรู้สึกผิดไปอีกนาน หากท่านต้องการงั้นเราก็ไปกันเลย”
ชูเฟิง มีสีหน้าที่หมดความอดทน เขาไม่ได้ห่วงเรื่องกล่องสมบัติวิเศษ แต่เขาคันไม้คันมืออยากจะรีบตัดหัวของผู้นำวิหารโลหิตลี้ลับ “ยอดเลย!”
เมื่อรู้ว่าจะได้แก้แค้น หนี้ก้อนใหญ่ ในใจปู่ลู่ว เองก็ร้อนรนเช่นกัน ปู่ลู่ว ตอนนี้ดูกระตือรือร้นอย่างมาก
ดังนั้น ภายใต้การนำทางของ ปู่ลู่ว ชูเฟิง ก็เข้าใกล้กับ ที่ตั้งวิหารโลหิตลี้ลับ
วิหารโลหิตลี้ลับ แม้จะมีชื่อเรียกนำว่า วิหาร แต่พวกเขานั่นทำแต่สิ่งที่ชั่วร้าย ไม่เพียงแต่ จะปล้น ฆ่า และ เผาทุกอย่าง พวกเขายังใช้ชีวิตของผู้คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญ จนเรียกได้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้น ไร้สามัญสำนึก จนในแถบนี้พวกเขามีชื่อเสียง เรื่องการทำความเลว ติดอันดับต้นๆ
อย่างไรก้ตาม เนื่องจากวิหารโลหิต จะมีชื่อเสียงเหม็นโชว่ ดังนั่นที่ตั้งถิ่นฐานของพวกเขาจึงเป็นความลับ น้อยมากที่จะมีคนภายนอกรู้ แม้แต่เหล่าสาวกเอง ก็ยังไม่รู้เลยว่าที่ตั้งฐานใหญ่ของวิหารอยู่ที่ไหน
เหตุผลที่วิหารโลหิตลี้ลับซ่อนตัว เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาทำ ซึ่งเป็นการทำชั่วทุกรูปแบบและพวกเขากลัวว่ามหาอำนาจจะมากวาดล้าง
แต่น่าเสียดายที่สถานที่ตั้งของฐานใหญ่พวกเขา ไม่มีใครเคยรู้จัก แต่ที่แห่งนั้น ปู่ลู่ว รู้จักเป็นอย่างดี
ฐานใหญ่ของวิหารโลหิตลี้ลับ ถูกสร้างขึ้นในหุบเขา ที่มีเทือกเขาโอบล้อม หุบเขาที่ซุกซ่อน ดูราวกับนรกบนดินก็ไม่ปาน
กลื่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายภายในอากาศ และสีแดงเข้มเต็มไปทั่วกำแพงผนัง มันถูกย้อมด้วยเลือดของมนุษย์มากมาย ตัวอาคารก็เต็มไปด้วยโครงกระดูก
แม้แต่ผู้คนในสถานที่นี้แห่งก็ยังดูคล้ายกับสัตว์ดุร้าย สิ่งที่พวกเขากินก็คือเนื้อของมนุษย์เป็นๆ สิ่งที่พวกเขาดื่มก็คือเลือดของมนุษย์ ต้องบอกได้เลยว่านอกจากเสื้อผ้าที่พวกเขาสวม พวกเขาดูไร้ค่ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ในขณะนั้น คนกลุ่มใหญ่รายล้อมแท่นบูชา ของวิหารโลหิตฯ และหน้าแท่นมีใครบางคนยืนนำอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นจ้าวแห่งสงคราม แทบจะไม่มีใครที่อยู่ในขั้น ราชันย์แห่งสงคราม
มีเพียงคนนึงที่ยืนอยู่หน้าแท่นบูชา เขาเป็นชายชราผมสีแดง มีพลังวิญญาณในระดับ 2 ราชันย์แห่งสงคราม เขาคนนั้นก็คือผู้นำวิหารโลหิตลี้ลับ
ขณะนั้น สาวกของวิหารโลหิตได้มารวมตัวที่หน้าแท่นบูชา จำนวนนับพัน บ้างก็เป็นชาย บ้างก็เป็นหญิง ส่วนบนแท่นบูชา มีเด็กๆถูกจับไว้ ที่อายุดูมากสุดก็เหมือนจะมีอายุแค่ 9 ปี ไปจนกระทั้งที่เด็กแบเบาะ
ตอนนั้น พวกเขาเปลือยกายอยู่บนแท่นบูชา สิ่งที่รอคอยพวกเด็กเหล่านั้นอยู่เบื้องล่าง ก็คือของแหลมและเลือดมนุษย์ เลือดและเนื้อของเด็กๆจะกลายมาเป็นทรัพยากรในการเพาะปลูก ของผู้นำวิหารโลหิตฯ
ขณะที่พวกเขามองเด็กบนแท่นที่กำลังร้องไห้เสียงดังสนั่น คนที่อยู่เบื้องหน้าด้านบนของแท่นบูชา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่มีความสงสาร ดวงตาของเขายังดูแข็งกร้าวราวกับหิน
พวกเขาทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาจึงคุ้นเคยกับมัน แต่พวกเขาไม่ได้รับรู้เลยว่า ตอนนี้การพิพากษา ในความผิดของพวกเขากำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ๆReaDMGA////////////////////////////////////////