ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1019 – กวาดล้างวิหารโลหิตลี้ลับ
“แง้~~~~”
เหล่าเด็กที่อยู่บนแท่นบูชาร้องดังลั่น พวกเขานั้นร้องออกมาสุดเสียง เมื่อแสงที่คล้ายกับคมดาบลอยเข้ามาหา พวกเขาก็ร้องดังขึ้น
อย่างไรก็ตามพวกระดับสูงของวิหารโลหิตลี้ลับก็ไร้ปราณี ความโหดเหี้ยมนั้นเต็มในดวงตา พวกเขานั้นเลียปากของตน ราวกับต้องการกินเลือดและเนื้อของเด็กพวกนี้ “อุแง้~~~””ตูม ตูม ตูม ~~~”
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ เสียงก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก เมื่อพวกเขามองออกไปก็พบคลื่นลมที่รุนแรงราวกับเป็นพายุหมุน ปรากฏขึ้น
ที่ที่ พายุหมุนนั้นผ่านล้วนมี ศิษย์ของวิหารโลหิตลี้ลับนอนอยู่ และสำหรับสิ่งก่อสร้างแล้วมันถูกทำลายจนเป็นผุยผง พายุนั้นทำลายทุกอย่างที่มันผ่าน ในตอนนั้นกว่าครึ่งของวิหารโลหิตลี้ลับล้วนถูกทำลายไป “นั่นมันอะไรกัน”
เมื่อเห็นเช่นนั้นเหล่าระดับสูงของวิหารโลหิตลี้ลับก็กังวลเล็กน้อย พวกเขานั้นไม่รู้ว่าพายุมันนี่มันมาจากไหน แต่รู้ว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด “มันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาโจมตีวิหารลี้ลับของพวกเรา”
ในที่สุดประมุขของวิหารลี้ลับก็พูดขึ้น อย่างไรก็ตามเขานั้นยังไม่ได้โจมตี เพียงแค่มองดูภาพตรงหน้าเท่านั้น มองพายุที่ฆ่าล้างเหล่าศิษย์ของวิหารโลหิตลี้ลับและทำลายสิ่งก่อสร้างที่มันผ่านมา.
นั่นเป็นเพราะเขานั้นเป็นคนที่ไม่อาจเอาแน่เอานอนได้ แต่ด้วยประสบการณ์และความสามารถ เขารู้ว่าคนที่มาถึงนั้นมีพลังและกว้างกล้าหาญอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวัง “ฮุล่าล่าล่า”
ในตอนนั้นประมุขวิหารโลหิตลี้ลับพูดขึ้น ลมพายุนั้นในที่สุดก็เข้ามาถึงแท่นบูชา มันค่อยๆสลายไปเมื่อมาถึงด้านหน้าเหล่าระดับสูงของวิหารโลหิตลี้ลับ
ในตอนนั้น ร่าง2ร่างก็ปรากฏท่ามกลางสายตาทุกคน 1 คือชูเฟิง และอีก หนึ่ง คือ ปู่ลู่ว “หลิน ซิงเต๋อ เจ้าจำข้าได้หรือไม่”
เมื่อเห็นประมุขวิหารโลหิตลี้ลับปู่ลู่วก็ถามขึ้นเสียงดัน ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ “ลู่ว ว่านเฉิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่”
เมื่อเห็นปู่ลู่ว ประมุขวิหารโลหิตลี้ลับก็ถามขึ้นพร้อมดวงตาเป็นประกาย เขาหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วพูดว่า”
อะไรกัน เจ้ามาวันนี้เพื่อนจะล้างแค้นข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าช่างโอหังยิ่งนัก เจ้าจะให้เจ้าเด็กนี่มาล้างแค้นข้าแทนอย่างนั้นหรือ””ระดับ 8 เจ้าแห่งสงคราม ก็ไม่เลว แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่า ศิษย์ที่โดดเด่าของข้า อย่างไรก็ตาม โชคร้ายจริงๆ ข้ากลัวว่าเขาจะไม่มีชีวิตรอดเสียแล้ววันนี้.””ฮ่าๆๆๆ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของประมุขวิหารโลหิตลี้ลับ เหล่าคนของวิหารโลหิตลี้ลับ ก็หัวเราะเสียงดังลั่น สายตาของพวกเรามองชูเฟิงด้วยสายตาดูถูก
ระดับของพวกเขานั้นไม่ได้ต่ำ ในตอนนั้นชูเฟิงไม่ได้ปิดบังระดับพลังตนเอง เพราะยังไงอีกฝ่ายก็รู้ถึงพลังของเขาอยู่ดี และสำหรับปู่ลู่ว ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นตาแก่ไร้ประโยชน์ที่ไม่มพลังใดๆ ดังนั้นพวกวิหารโลหิตลี้ลับจึงไม่ได้เกรงกลัวต่อทั้ง 2 “หลิน ซิงเต๋อ ข้ามาในวันนี้เพื่อจะทวงขึ้นทุกสิ่งของข้าคืนมา”
ปู่ลู่วพูดขึ้นพร้อมขบฟันแน่น “โอ้ เจ้าจะเอาคืนอย่างนั้นหรือ ดี ไม่ว่าจะชีวิตของข้าหรือหีบสมบัติ ทั้งคู่นั้นเป็นของข้า ถ้าเจ้าต้องการเอามันไป ก็รีบเข้ามาซะ แน่นอนเจ้าต้องมีความสามารถพอ”
ประมุขวิหารโลหิตลี้ลับ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโอหัง
ในเวลาเดียวกัน พวกระดับสูงของวิหารโลหิตลี้ลับก็ก้าวออกมาหน้าประมุขของพวกเขา แสดงให้เห้นว่าถ้าชูเฟิง ต้องการทำอะไรประมุขของพวกเขา ต้องผ่านเขาไปก่อน “เจ้า…”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปู่ลู่วก็โกรธจัด “พึ่บ.”
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น ชูเฟิงก็จับไหล่ปู่ลู่วไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า”
ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องโกรธ ท่านปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด บอกข้ามาว่าท่านอยากทรมานมันอย่างไร ข้าจะช่วยท่านเอง .”
หลังจากได้ยินชูเฟิงพูด ร่างของปู่ลู่วก็ไม่ได้สั่น เขาหยุดทำทุกสิ่งและถอยหลังไป 2 ก้าว นั่นเป็นเพราะในตอนนี้นั้น เขารู้ดีว่าเขาควรปล่อยให้มันหน้าที่ของชูเฟิง เขานั้นเชื่อใจหนุ่มคนนี้อย่างมาก เขาเชื่อว่าจะสามารถฝากทุกสิ่งทุกอย่างได้และดูเหมือนว่าวันที่เขาจะได้แก้แค้นมาถึงแล้ว “ฟึ่บ.”
หลังจากเขาพูดจบ ประตูก็ปรากฏด้านหน้าของชูเฟิง และค่อยๆเปิดขึ้น สตรีที่รูปลักษณ์งดงาม พร้อมกระโปรงสั้นสีดำ ก้าวออกมา นางหาวพร้อมเดินออกมาด้วยท่วงท่าที่งดงามอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่านางขี้เกียจเดินออกมาจากประตูวิญญาณ “นี่มันอะไรกัน”
เมื่อเห็นสตรีตรงหน้า ในตาของพวกเขานั้นก็ประกาย พวกเขาไม่เพียงตะลึงในความงามของนาง แต่ยังตะลึงในกลิ่นอายของนางเพราะมันเต็มไปด้วยความมืดที่น่าเกรงกลัว อาจพูดได้ว่า นี่คือพลังแห่งความมืดที่แท้จริง “ต้านต้าน ช่วยข้าปกป้อง ผู้อาวุโสลู่วหน่อย”
ชูเฟิงพูดขึ้นพร้อมใช้เกราะสายฟ้า พลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 9 จากระดับ 8 “โอ้ เจ้านั้นใช้เกาะสายฟ้าด้วยหรือ”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ต้านต้านก็ยิ้มขึ้น “ข้าไม่อยากเสียงเวลากับพวกขยะมากนัก.””ตูม.”
หลังจากเขาพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปราวกับดาบใส่ผู้คนที่อยู่เหนือแท่นบูชา “อ๊อ๊ากกก~~~”
หลังจากชูเฟิงผ่าน พวกระดับสูงของวิหารโลหิตลี้ลับก็ร้องออกมา พวกเขานั้นไม่สามารถต้านทานพลังของชูเฟิงไว้ได้ ร่างและกระดูกของพวกเขาถูกขยี้โดยชูเฟิง แม้แต่จิตสำนึกของพวกเขาก็ดับไปทันที พวกเขานั้นตายในพริบตา “เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นว่าเหล่าศิษย์ที่ต้องการปกป้องเขานั้นได้ตายตกไปจากพลังของชูเฟิง ประกายแสงในตาของประมุขวิหารโลหิตลี้ลับก็หายไปทันที
ในตอนนี้นั้นเขารุ้แล้วว่าชูเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด อย่างที่มีคนได้พูดไว้ว่า ไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ เจ้าหนุ่มนี้ก็เช่นกันไม่สามารถตัดสินพลังของมันได้โดยแค่มองจริงๆ
อย่างไรก็ตามประมุขวิหารโลหิตลี้ลับลี้ลับนั้นเป็นใคร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 2 ราชันย์สงคราม ในเวลาเดียวกันเมื่อชูเฟิงพุ่งใส่เขาด้วยพลังที่แม้แต่กองกำลังหนับหมื่นก็ไม่สามารถต้านทานได้ เขาจึงพลิกฝ่ามือของเขาและเรียกดาบเสี้ยวจันทร์ออกมา
ดาบนั้นมีสีแดงก่ำ บนดาบนั้นมีอักขระและสัญลักษณ์มากมาย ที่สำคัญที่สุดเมื่อดาบนั้นปรากฏขึ้น พลังของประมุขวิหารโลหิตลี้ลับก็สูงขึ้นหลายเท่า แม้แต่แผ่นดินทิ่อยู่ใต้เท้าเขาก็ถึงกับสั่นสะเทือน
เห็นได้ชัดว่าที่เขาเอาออกมาคือยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ที่ไม่สมบูรณ์ “วูบ วูบ วูบ.”
เมื่อยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ที่ไม่สมบูรณ์ ถูกหยิบออกมาพลังของประมุขวิหารโลหิตลี้ลับก็สูงขึ้น ไม่เพียงแค่นั้นเขาใช้มันเหวี่ยงเพื่อนฟันใส่ชูเฟิง “ดูเหมือนว่าแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต่างจากที่ข้าคิดไว้ ขนาดประมุขวิหารโลหิตลี้ลับยังมีอาวุธแค่ระดับเพียงนี้.”
ต่อหน้าแสงสีแดงและพลังของระดับ 2 ราชันย์สงคราม ชูเฟิงไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขายังใจเย็นและยิ้มเย้ยหยัยหยันอีกฝ่าย
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : สมบัติจะเพิ่มพลังได้ถึง 1 ขั้นไม๊หน้อ ?!!!
B : ได้อีก 1 ระดับ ก็ระดับ 9 อีกแค่ระดับเดียวก็จะได้สายฟ้าเพิ่มอีกตัว
C : ก็แค่ 1 ระดับ ทำเป็นตื่นเต้น เวอร์ชิบหาย แต่กูกลัวว่า จะเพิ่มได้ไม่ถึงระดับ หรือไม่ก็ไม่ได้เพิ่มพลังเลย