I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1009 – เดินทางไปเยือน

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1009 – เดินทางไปเยือน

 

เมื่อชูเฟิงมาถึงโรงฝากตระกูล จ้าว เขาก็ได้จงใจที่จะปกปิดกลิ่นอายพลังของเขาทันที ในฐานะที่เขาเห็นคนจากตระกูลจ้าว เขารู้สึกว่าพวกเขานั้นช่างกระตือรือร้นเเละรีบร้อนยิ่ง เเต่เมื่อชูเฟิงถามเรื่องเกี่ยวกับ ป่าไผ่ใบไม้ร่วง พวกเขาก็บอกให้ชูเฟิงนั่งรอเขาสักครู่

 

ไม่นานนักก็ได้บุคคลออกมาต้อนรับชูเฟิงในทันที

 

ชายหนุ่มคนนี้มีคิ้วหนาเตอะเเละผิวพรรณขาว รูปร่างหน้าตาของเขา เเต่งองค์ทรงเครื่อง เต็ม เเละสิ่งที่เขาสวมใส่ก็ดูฟุ่มเฟือยอย่างมาก เมื่อตัดสินโดยรวมจากหน้าตาของเขา เขาน่าจะมีอายุประมาณ 30 ปี เเละดูเหมือนเขาจะอ่อนเเอด้านการบ่มเพาะพลังเป็นเพราะเขา มีการบ่มเพาะพลังอยู่ในระดับ 1 อาณาจักรสวรรค์ เท่านั้น “ข้าคือนายน้อยของตระกูล จ้าว มีนามว่า จ้าว เฉาฉิ่ว ขอถามชื่อเสียงเรียงนาม น้องชายท่านนี้ได้หรือไม่?”

 

หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกมา เขาก็ได้เดินเข้ามาใกล้ชูเฟิงเเละกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าชื่อ ชูเฟิง”

 

ชูเฟิงกล่าวด้วยลักษณะที่สุภาพ “อ่า เจ้าชื่อ ชูเฟิง ข้าได้ยินมาว่าน้องชาย ชูเฟิง ต้องการที่จะไป ป่าไผ่ใบไม้ร่วง อย่างงั้นหรือ?”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว ถาม “ใช่เเล้ว”

 

ชูเฟิงพยักหน้า “ป่าไผ่ใบไม้ร่วง อืม ถึงเเม้ว่าข้าจะไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เเห่งนั้น เเต่ข้าพอจะรู้ว่ามีคนที่มีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆมากมายในโลก ความรู้ของเขากว้างขวางอย่างมากเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจละก็ ข้าสามารถที่จะนำ น้อง ชูเฟิง ไปเจอ คนๆ นี้ได้”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว กล่าว “โอ้? ดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ถือว่ากว้างขวางอย่างยิ่ง จะมีบุคคลที่สามารถรอบรู้ทุกอย่างในสถานที่เเห่งนี้ทั้งหมดจริงหรือ? ถ้าบุคคลนั้นเป็นจริงอย่างที่ท่านว่า มันก็ช่างน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งข้าชักอยากจะพบเขาเเล้วสิ?”

 

ชูเฟิงยิ้มออกมาขณะที่กล่าว เขาไม่ได้เเสดงท่าทางเร่งรีบเพื่อเจอบุคคลลึกลับนั่น เขาเพียงเเค่นั่งลงอย่างสบายๆ

 

ชูเฟิงได้พบเห็นบุคคลที่หลากหลายมานับไม่ถ้วน ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวเขาก็สามารถบอกได้เลยว่า นายน้อยที่ชื่อ จ้าว เฉาฉิ่ว ไม่ได้เป็นบุคคลที่ดีนัก เขาคาดว่า จ้าว เฉาฉิ่ว อาจจะวางเเผนเเละเล่นตุกติกกับเขา ดังนั้นชูเฟิงจึงตั้งใจถามออกไปเพื่อสังเกตุลักษณะเเละท่าทีของเขาว่าเขากล่าวจริงหรือเท็จ

 

ถ้าเกิดเขาพูดความจริงเเละทุกอย่างก็คงราบรื่นไปด้วยดี เเต่ถ้าเกิดเขาพูดเท็จละก็ชูเฟิงจะทำให้ จ้าว เฉาฉิ่วจ่ายค่าตอบเเทนสำหรับการหลอกลวงอย่างเเน่นอน เพราะชูเฟิงนั้นเกลียดคนที่หลอกลวงเขาเป็นที่สุด “เฮ น้องชายชูเฟิง เจ้าสงสัยในคำพูดของข้าอย่างงั้นหรือ? ความจริงข้าก็สงสัยยิ่งนักถึงระดับการบ่มเพาะพลังของเจ้าตอนนี้?”

 

จ้าว เฉาฉิ่วถามออกมา “ข้าว่าท่านไม่ต้องพูดถึงการบ่มเพาะพลังของข้าหรอก การบ่มเพาะพลังของข้าช่างต่ำต้อยยิ่งนักไม่สมควรให้ท่านได้กล่าวถึงหรอก”

 

ชูเฟิงตอบเบาๆเเละยิ้มออกมา “นั่นจะจริงอย่างนั้นหรือ ถ้าข้าเดาไม่ผิดการบ่มเพาะพลังของเจ้าน่าจะอยู่จุดสูงสุดของ อาณาจักรเเก่นเเท้วิญญาน เพียงเเต่เจ้าอาจจะใช้สมบัติบางอย่างเพื่อปกปิดพลังของเจ้าทำให้ข้ามองไม่เห็นเเละรับรู้ถึงระดับการบ่มเพาะพลังของเจ้าใช่หรือไม่”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว หัวเราะออกมาอย่างแปลกๆ “นายน้อย จ้าว ท่านไม่ใช่กำลังคิดถึงทรัพย์สินส่วนตัวของช้าใช่มั้ย?ชูเฟิงถามออกไปในขณะที่รอยยิ้มก็ได้เผยออกมาทางปากของเขา เขาเเลดูสงบอย่างมาก “เฮ้อ น้องชาย ชูเฟิง เจ้าไม่สมควรจะพูดเช่นนั้น ถึงเเม้ว่าตระกูล โรงฝากตระกูล จ้าว จะไม่ได้ใหญ่โตหรือยิ่งใหญ่ เเต่ว่าตระกูลของข้า ก็ยังคงถูกพิจารณาให้เป็น ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของเมืองไหมทองอรุณ เเละมันก็เป็นเพียงเเค่สมบัติที่ใช่ปกปิดพลังก็เท่านั้น ตระกูล จ้าว ของข้า ใช่ว่าจะไม่มีสมบัติเช่นนั้น” “ข้าเเค่อยากจะให้เจ้ารู้ว่ายังมีบุคคลที่เเข็งเเกร่งอยู่ที่นี่ เเละเขาก็คือบุคคลที่ข้ากล่าวถึง เขาไม่ได้มีการบ่มเพาะพลังที่อ่อนเเอเลย เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เเข็งเเกร่งที่อยู่ในระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม”

 

จ้าว เฉาฉิ่วกล่าว พร้อมกับมองไปที่ชูเฟิงด้วยลักษณะรังเกียจบางอย่าง

 

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวอีก”

 

ระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม ไม่ใช่การบ่มเพาะพลังที่เจ้าจะคิดถึงได้เลย มันเป็นเพียงระดับพลัง ที่มีเพียงคนที่มีความสามารถที่ดีเท่านั้นที่จะเข้าถึงได้ นอกจากนั้นบุคคลนั้นจะต้องผ่านความทุกข์ทรมานมานับไม่ถ้วนเเละโชคดีอย่างมาก ถึงเข้าถึงระดับพลัง ของขั้น ราชันย์เเห่งสงครามได้” “น้องชายชูเฟิง ไม่ใช่ว่าข้ากำลังดูถูกเจ้าหรอกนะ เพียงเเต่ว่าข้าคิดว่าเจ้าที่มาที่ทวีปเเห่งนี้คงจะยังไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงครามใช่ไม๊?” “ฮ่าๆ…”

 

เกี่ยวกับสิ่งที่ จ้าว เฉาฉิ่ว กล่าวมา ชูเฟิงไม่ได้ตอบอะไรมาก เขาเพียงเเค่ยักไหล่หัวเราะ ความหมายของการกระทำของเขานั้นดูน่างุนงง เพียงเเต่ว่ามีคนเดียวที่สามารถเข้าใจได้นั้นคือชูเฟิง

 

จ้าว เฉาฉิ่ว เป็นบุคคลที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตาเห็น เมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของชูเฟิง เป็นธรรมดาที่เขาจะมองว่า ชูเฟิงคล้ายคนบ้านนอกที่เพิ่งเคยเข้าเมือง เขามองไปที่ชูเฟิงเเละกล่าวว่า”

 

เมืองไหมทองอรุณ ของเรามีประวัติศาตร์ที่ยาวนาน ไม่เพียงเเต่ให้กำเนิดผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม ที่เเข็งเเกร่ง เเละเขานับเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม เขาได้อยู่เคียงคู่กับเมืองไหมทองอรุณของเรา นอกจากเขาก็แทบจะไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม เกิดขึ้นที่เมืองไหมทองอรุณ ของเราอีกเลย””ถึงเเม้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงครามจะเเข็งเเกร่ง เพียงเเต่ว่าข้าไม่ได้ปักใจเชื่อพวกเขาที่มีความรู้ทุกซอกทุกมุมเกี่ยวกับดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์”

 

ชูเฟิงสวนในทันที “เฮ้อ คำพูดของท่านที่กล่าวมาคือดินเเดนทั้งหมดอย่างงั้นหรือ เป็นความจริงที่ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับราชันย์เเห่งสงครามนั้นเเข็งเเกร่ง เเต่ว่านั่นก็ได้หมายความว่าเขา รู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆของดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เเละนั่นก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเป็นเพราะ ว่ามีหลายสถานที่มากมายในโลกใบนี้ ถ้าเกิดเขารู้ทุกอย่างจริงไม่ใช่ว่า เขารู้ชื่อเเละจำสถานที่ต่างๆได้ทั้งหมดใช่หรือไม่” “เเต่นี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม ธรรมดา ๆ เป็นเพราะความทะเยอทะยานของเขาทำให้เขามีการบ่มเพาะพลังที่เเข็งเเกร่ง เเละเป้าหมายนั้นคือเขาได้เดินทางไปหลายสถานที่ เหตุผลที่เขาเดินทางก็เพื่อที่จะพัฒนาการบ่มเพาะพลังเพื่อไปถึงระดับ ราชันย์เเห่งสงคราม เขาได้ท่องตระเวนไปหลายสถานที่ในดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์” “เขาได้เดินทางมากกว่า100ปี เป็นความจริงที่เขารู้จักสถานที่ในดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ เเละในปัจจุบันนี้ทุกคนต่างทราบดีว่า การมีตัวตนของเขา ก็ถือมีเเผนที่ของดินเเดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ตราบใดที่ สถานที่ที่ เจ้ากล่าวมาเป็นความจริงเเละอยู่ในดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเกิดว่าชื่อเเละสถานที่นั้นมีอยู่จริง เเน่นอนว่าเขาสามารถที่จะบอกเส้นทางเพื่อไปยังสถานที่เเห่งนั้นได้อย่างเเน่นอน”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว กล่าวออกมาอย่างภูมิใจ “ท่านเเน่ใจอย่างงั้นหรือ นายน้อย จ้าว”

 

ชูเฟิงให้ความสนใจกับการเเสดงออกของ จ้าว เฉาฉิ่ว เป็นเพราะว่าเขาคอยตรวจสอบปฏิกิริยา จ้าว เฉาฉิ่ว ตลอดเวลา ที่แปลกใจคือ สิ่งที่ จ้าว เฉาฉิ่ว กล่าวออกมาล้วนเเสดงสีหน้าที่ภาคภูมิราวกับเทิดทูนบุคคลนั้นเป็นคนพิเศษ “ข้ารับรองได้เลย ตราบใดที่เจ้าสามารถจ่ายค่าข้อมูลเหล่านั้นได้ ?!”

 

เมื่อเห็นลักษณะร้อนรนของชูเฟิง จ้าว เฉาฉิ่ว ยิ้มเเละหงายมือออกไปยังชูเฟิงเพื่อเรียกร้องค่าตอบแทน “นายน้อยจ้าว ท่านบอกว่า ตระกูล จ้าว มีทรัพสินย์มากมายไม่ใช่หรือ เพียงเเค่คำถาม และการสนทนาเพียงไม่กี่คำ เหตุใดท่านถึงกับต้องคิดเงินคิดทอง ไม่ใช่ว่าท่านมีเจตนาเเอบเเฝงอยู่หรอกหรอ ?!”

 

ชูเฟิงเเกล้งทำเป็นงง “เฮ้ น้องชาย ชูเฟิง เป็นเพราะว่าบุคคลที่ข้ากล่าวไม่ได้เป็นคนจากตระกูล จ้าว ของข้า”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว ตอบทันที “อ่อ เเล้วเท่าไหร่กันที่ท่านต้องการ?”

 

ชูเฟิงถาม “ลูกเเก้วสวรรค์วิญญาน 10 เม็ด หากขาดเหลือเเม้เพียงครึ่งลูกข้าก็ไม่สามารถที่จะนำเจ้าไปหาเขาเช่นกัน”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว เรียกร้องสำหรับราคาที่ค่อนข้างสูง “หมับ!”

 

เขาประหลาดใจเป็นอย่างมากเป็นเพราะชูเฟิงนำลูกเเก้วสวรรค์วิญญาณ 10เม็ดมาวางในมือของเขาในทันที “นี่คือ….”

 

เมื่อเขาเห็นลูกเเก้วสวรรค์วิญญานในมือของเขา จ้าว เฉาฉิ่ว ก็ถึงกับขยี้ตาในทันที ความตกอกตกใจก็เเล่นผ่านใบหน้าของเขา เมื่อเขามองไปยังชูเฟิง การเเสดงออกคราวนี้ก็ค่อนข้างจะผิดแปลกไปมาก “นายน้อย จ้าว ท่านได้รับสิ่งที่เรียกร้องไปเเล้ว ท่านก็ต้องตอบรับคำเรียกร้องของข้าให้ได้ หาไม่เเล้วท่านจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้”หลังจากมอบลูกเเก้วสวรรค์วิญญาณ ชูเฟิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ฮ่าๆ เจ้าวางใจได้เลย ข้ารับประกันว่าเจ้าต้องได้รับคำตอบที่น่าพอใจ เมื่อน้องชายชูเฟิงปฏิบัติตามคำขอของข้าเช่นนี้”

 

หลังจากเขาพูดเสร็จ เขาก็คว้ามือของชูเฟิง เพื่อเริ่มที่จะบินออกไปในทันที

 

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงด้านนอกของ เมืองไหมทองอรุณ เเละหยุดอยู่ที่ด้านบนเนินเขาเล็กๆ บนเนินเขามีบ้านคู่โทรมๆอยู่ ที่ด้านนอกบ้านมีรั้วไม้ เเละรั้วรูปแบบลานเล็กๆ น้อยๆ “นี่คือสถานที่อยู่ของบุคคลที่ท่านกล่าวถึงอย่างงั้นหรือ?”

 

ชูเฟิงรู้สึกประหลาดใจเป็นเพราะมันเเตกต่างอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยินมา เขาเริ่มที่จะใช้อำนาจวิญญานเเละตรวจสอบในทันที

 

ชูเฟิงค้นพบว่า มีบุคคลสามคนอยู่ในลานว่างเล็กๆ คนเเรกคือสาวน้อย อายุประมาน 6 – 7 ปี เเละอีกคนคือหญิงสาวที่มการบ่มเพาะพลังอยู่ระดับ 9 เเก่นเเท้วิญญาน เเละบุคคลที่ 3 ก็คือชายชราคนหนึ่งที่ร่างกายอ่อนเเอ เเละระดับพลังการบ่มเพาะพลังของเขาก็ไม่มี “ที่นี่เเหละ เเต่ก่อนเขาเคยเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก เพียงเเต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นอยู่เขาได้พัมนักอยู่ที่เเห่งนี้”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว กล่าว “ท่านหมายความว่าอย่างไร เคยอย่างงั้นหรอ?”

 

ชูเฟิงถาม “ครั้งหนึ่งเขาเคยเดินทางไปยังสถานที่เเห่งนึงเเละประสบอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เขาพิการด้านการบ่มเพาะพลัง”

 

จ้าว เฉาฉิ่ว หัวเราะออกมาก่อนที่จะกล่าวว่า”

 

เจ้าสามารถที่จะรอข้าให้มารับอยู่ที่นี่ได้ เพียงเเต่จำไว้ว่าเจ้าจะต้องไม่บอกเขาถึงเรื่องที่ว่าข้าได้รับลูกเเก้ววิญญานสวรรค์มาจากเจ้า ถ้าเขาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เพียงเเค่บอกว่าข้าได้อาสาเเละตัดสินใจช่วยเจ้าเอง”

 

P’Film ////////////////////////////////////////

 

A : จ้าว เฉาฉิ่ว แม่งเกรียนได้บริสุทธิ์จริงๆ!!!

 

B : ใช่ น่าตบกระบานมันสักที แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนแรกที่พี่เฟิงมาถึง นึกว่าจะได้เจอยอดฝีมือเต็มดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ไง๊เจอแต่พวกอ่อนๆ

 

A : คิดเหมือนกันเลย นึกว่าจะมีคนแบบ เจียง ฉีซา เต็มไปหมด รู้แบบนี้แล้ว ที่เจียง ฉีซา พูดมาก็คงจะจริง ที่ว่ามัน เป็นอัจฉริยะของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์

 

B : นั้นก็จริง แต่ว่าพี่เฟิงเราจะได้พบอะไรใหม่ๆ ที่ดินแดนแห่งนี้หรือเปล่า ?! ดีไม่ดีอาจจะเข้าสู่ขั้น จักรพรรดิในภาคนี้ ถึงจะไม่ถึง ก็น่าจะอยู่ในขั้นราชันย์ ตอนนี้ระดับ 8 แล้ว อีก 2 ขั้นก็จะได้สายฟ้า ตัวที่ 6 แล้ว

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments