ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1016 – คุณสมบัติของผู้ที่แข็งแกร่ง
* พรึบบบ * การระเบิดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้คนที่อยู่รอบๆพากันตกใจเสียงระเบิดนั้น
หากเป็นคนทั่วๆไป เขาคงจะตายในทันที หากร่างกายได้รับดาเมจขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ร่างกายของเขาทว่ายังมีลมหายใจ แม้เขาจะหลงเหลือพลังวิญญาณ อาจกล่าวได้ว่า นอกจากเนื้อหนัง ทุกๆอย่างของชายคนนั้นยังคงเหมือนเดิม
คนที่เห็นแบบนั้นหวาดกลัวอย่างมาก เพราะมันช่างเป็นวิธีทรมานที่แสนจะน่ากลัว คนที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าจงใจให้เขามีชีวิต เป้าหมายของเขาคือต้องการให้ชายคนนี้ได้รับความเจ็บปวด ทรมานจนตาย “วู่ววววว~ ~ ~ ~ ~”
จู่ๆร่างของชายคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ลอยขึ้นสู่ท้องนภา จากนั้นเขาก็ค่อยๆลอยไปหา ชูเฟิง “ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะ ว่าข้าสามารถทำอะไรเจ้าได้บ้าง ?!”
ชูเฟิงยังคงรอยยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม แม้แต่สาวกของวิหารโลหิตลี้ลับ ก็ยังหวาดกลัวต่อรอยยิ้มของเขา มันดูราวกับไม่ใช่รอยยิ้มที่มนุษย์พึงมี “ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย อย่าฆ่าข้า!!!”
ในตอนนั้นชายคนนั้นมองเขาด้วยสายตาที่วิงวอน ขณะที่ท่าทางของเขา เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง ครวญคราง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำหู น้ำตา เขาร้องไห้พร้อมกับร้องขอชีวิต แล้วสภาพในตอนนี้ของเขายังดูเหมือนสาวกของวิหารโลหิตลี้ลับอีกหรอ ?! เขาตอนนี้ดูราวกับคนธรรมดา ที่ดูน่าสงสาร “เจ้าสำนึกเสียใจแล้วงั้นหรอ!!!”
เห็นท่าทางชายคนนั้น ชูเฟิงก็จ้องมองเขาด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาของเขาในตอนนี้ดูเย็นชาอย่างมาก จากนั้นเขาก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า”
มันสายเกินไป!” “ปั๊บบบบบ~ ~ ~ ~ ~”
หลังจากที่เขาพูดคำนั้นจบ ชูเฟิง ก็ยกฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดใส่ชายคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม จนร่างเขาในตอนนี้กลายเป็นเศษเนื้อ ดวงจิตของเขาก็ถูกทำลายจนไม่เหลือ ซึ่งความตายที่ชูเฟิงมอบให้เขามันยิ่งกว่าตาย “แย่แล้ว~ ~ ~ ~ ~”
เห็นภาพแบบนั้น ใบหน้าของทุกคนที่มาจากวิหารโลหิตลี้ลับ พลันซีดเผือด พวกเขารับรู้และมั่นใจได้ในทันทีเลยว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาควรจะเข้าไปตอแย เขาอาจเป็นอัจฉริยะจากขุมอำนาจของที่ไหนซักแห่ง ซึ่งพวกเขาไม่ควรเข้าไปต่อกร ตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงทางเลือกเดียวนั้นก็คือ ‘ หนีไป ‘ “คิดจะหนี ?! พวกเจ้าคิดว่าจะทำได้งั้นหรอ ?”
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะเผชิญกับเหตุการณ์ที่เหล่าสาวกของวิหารโลหิตฯพากันวิ่งหนีกระจัดกระจาย ไปทั่วทุกสารทิศ บางคนจะวิ่งด้วยเท้าบนพื้นดิน บางคนก็โดดขึ้นบนท้องฟ้า จนกระทั้งบางคนถึงกับหมุดลงไปในดิน แต่ ชูเฟิง ก็ยังคงยิ้มอย่างเย็นชา ภายในดวงตาเขาเกิดประกายแวปขึ้นมา พร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากร่างปกคลุมไปทั่ว “บูมมม ~ ~ ~ ~ ~”
แรงกดดันของชูเฟิงรุนแรงอย่างมาก นอกจากนี้มันยังกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันเกิดขึ้น มันก็ครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ภายในพริบตา ความรุนแรงของมันสามารถบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนภายในสถานที่แห่งนี้ตกลงสู่ความโกลาหล
ที่สำคัญที่สุด พื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยแรงกดดัน หลังจากที่ปิดเส้นทางหนีของเหล่าสาวกวิหารโลหิตฯ มันก็กลายเป็น ใบมีดโค้งที่แหลมคม คล้ายกับจันทร์เสี้ยว พุ่งลงมาตัดร่างของเหล่าสาวกของวิหารโลหิตฯ “อ๊าาาา ~~~~~””เอื้อออออ ~ ~ ~ ~ ~””ไม่ ~~~~~””ช่วย ~~~~~””อ๊าาาาาาาาาา ~~~~~~”
หลังจากที่แรงดันกลายเป็นคมมีดตกลงมา เสียงกรีดร้อง ของเหล่าผู้คนจากวิหารโหลิตฯก็ดังสนั่น แม้ว่าพวกเขาจะร้องขอชีวิต และอ้อนวอน ชูเฟิง มากมายเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้รับความเมตตาจาก ชูเฟิง แม้แต่น้อย
สิ่งเดียวที่มองเห็น มีเพียง ฝนโลหิตที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า รวมถึง แขน ขา และ ชิ้นส่วนต่างๆที่ถูกตัดออก ชีวิตจำนวนมากถูกฆ่า ราวกับเป็นที่แห่งนี้เป็นลานประหาร ในขุมนรก
หลังจากที่การสังหารหมู่จบลง ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่ที่แตกต่างไปจากเดิมคือเวลานี้พื้นดินรอบๆบริเวณ เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลนอง รวมถึงเศษซากอวัยวะ จนที่แห่งนี้คะครุ่งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่แสนน่าจะคลื่นไส้
ขณะนี้ แทบจะทุกคนที่มาจากวิหารโลหิตฯ ได้ถูกสังหารในสถานที่แห่งนี้ ด้วยการลงมือของ ชูเฟิง เพียงผู้เดียว ตอนนี้มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ยังรอดชีวิต
สองในสาม คือชายสองคนแรก ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ เวลานี้พวกเขากำลังนั่งตัวสั่นคุกเข่าอยู่กับพื้น และ ไม่กล้าที่จะพูดใดๆออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
สำหรับอีกคนที่เหลือ ก็คือสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งนางเป็นคนที่ขวักลูกตาของ ลู่ว รู่ นางเองก็กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าที่แสนจะตะลึง ถึงแม้ว่าร่างกายนางจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรง ตอนนั้นนางจ้องมองเศษซากของศพที่เกรื่อนกราดตามพื้น ดวงตาของนางดูเหม่อลอย หนึ่งอย่างที่สามารถบอกได้ นั้นคือ นางหวาดกลัวสุดๆ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นปีศาจฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา และ คนที่ตายด้วยน้ำมือพวกเขาก็มีนับไม่ถ้วน นำซ้ำยังฆ่าเหยื่อด้วยวิธีที่โหดร้าย แต่เมื่อมองเห็นประตูสู่ความตายที่ใกล้เข้ามา พร้อมกับเคียวของยมทูตที่จ่อคอ นางก็ไม่หลงเหลือความกล้าใดๆ “นางเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ แต่เจ้ากับทำร้ายนางถึงขนาดนั้น เจ้ายังมีหัวใจหรือเปล่า ?!”
ชูเฟิงเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นและถาม “หมายความว่ายังไง ?”
ผู้หญิงคนนั้นยกหัวขึ้น โดยถามเหมือนไม่เข้าใจว่า ชูเฟิง กำลังพูดเรื่องอะไร “จึกกก~ ~ ~ ~ ~”
ชูเฟิง ไม่ได้ตอบคำถามของนาง เขาใช้นิ้วสองนิ้ว แทงเข้าไปที่เบ้าตาของผู้หญิงคนนั้น “คว๊ก”
หลังจากที่นิ้วของชูเฟิงเข้าไปในเบ้าตาของผู้คนนั้น เขาก็ขวักลูกตาของนางออกมา ในตอนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับนาง ทำให้นางกรีดร้องออกมาอย่างครวญคราง
แต่นั้นยังไม่หมด หลังจากที่เขาขวักลูกตาของนางออกมา ชูเฟิง ก็ใช้มือที่ห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณคมราวกับใบมีด สับลงไปที่หู, จมูก , ลิ้น และปาก ของนาง หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆหั่นร่างกายของนางออกทีละส่วน ทีละส่วน จนท้ายสุด ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีเหลืออวัยวะใดๆ นำซ้ำชูเฟิงยังทำลายการเพาะปลูกของนาง และปลิดชีวิตนาง
ชูเฟิงไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเห็นใจ แม้แต่จะสังหารสตรีผู้คนคนนี้ นั้นเป็นเพราะว่าเขา รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย หากเขาไม่ฆ่านาง จะต้องมีชีวิตอื่นๆอีกมากมายที่ได้รับเคราะห์กรรมเพราะนาง
หลังจากที่ฆ่าผู้หญิงคนนั้น ชูเฟิง ก็โยนสายตาของเขาไปที่สองคนที่เหลือ นั้นเป็นเพราะทั้งสองคือสาวกวิหารโลหิตฯที่ยังมีชีวิต “อย่าฆ่าเราเลย อย่าฆ่าเรา เราทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แล้วท่านก็สัญญาว่าจะไม่ฆ่าเรา”
เห็นแบบนั้น ทั้งสองก็รีบตะโกน “ข้าไม่เคยพูดว่าข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า”
หลังจากที่ชูเฟิงพูดจบประโยคนั้น ก็มีแรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าใส่ชายทั้งสอง มันเป็นแรงกดดันที่คล้ายกับสิ่งที่มีน้ำหนัก มากกว่าหมื่นตันตกลงมาจากฟากฟ้า ทับร่างของทั้งสองจนกลายเป็นกองเลือด
ที่ ชูเฟิง ทำถึงขนาดนี้ เป็นเพราะเขารู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขา และ พวกเขาก็ไม่เคยเห็นใจผู้ใด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความเมตตามอบให้กับคนเหล่านี้ มันเป็นเพราะทุกคนที่เขาฆ่า นั้นสมควรตาย
แม้ว่า ชูเฟิง จะใช้วิธีที่โหดร้ายไปบ้าง ในขณะนั้น ลู่ว เหลียน เห็นทุกอย่างได้ชัด นางมองเห็นฉากนองเลือดที่อยู่ในลานว่าง นางหวาดกลัวอย่างมาก จนหัวใจนางแทบจะกระเด็นหลุดออกมาจากหน้าอก ตอนนั้นนางทั้งร้องไห้ ทั้งอาเจียนอย่างไม่หยุดหย่อน
นางไม่กล้าแม้แต่จะยกศีรษะขึ้น ในตอนนี้นางไม่กล้ามองไปด้านนอกอีกต่อไป นอกจากนี้นางก็ไม่กล้าที่จะสบตากับชูเฟิง ความรู้สึกที่มีต่อชูเฟิงในตอนนี้ เลี้่ยวกลับมา 180 องศา ในใจของนางตอนนี้แน่นอนว่าไม่เห็น ชูเฟิง เป็นมนุษย์ แต่เขาคือปีศาจที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา “ปรั๊บ”
ทันใดนั้นก็มีมือที่ชรา ตบลงมาบนไหล่ของ ลู่ว เหลียน เมื่อนางหันไปมองก็พบกับ ปู่ลู่ว “ท่านปู่ข้ากลัวจริงๆ!!!”
เมื่อเห็นปู่ของนาง ลู่ว เหลียนก็มีท่าทางเหมือนกับกระต่ายน้อยที่ตกใจ นางรีบวิ่งเข้าไปในอกของปู่ พร้อมกับร้องไห้หนักกว่าเดิม “ทำไมเจ้าต้องกลัว ? พวกเขาทุกคนล้วนแต่สมควรตาย”
ปู่ลู่ว ถามด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ แต่ว่า แต่ว่า . . .”
ลู่ว เหลียน ร้องไห้อย่างหมดหวัง “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่เจ้าไม่อาจยอมรับได้ใช่ไม๊ ?! เจ้าคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้ แท้จริงจะสามารถสังหารคนราวกับผักปลา แถมวิธีการของเขายังโหดร้าย ทารุณ และภาพที่เจ้าเห็นก็ทำให้เจ้าขนลุกเลย ใช่ไม๊ ?”
ปู่ ลู่วถามด้วยรอยยิ้ม
ลู่ว เหลียน ไม่ได้ตอบ นางเอาแต่สัปหงกหัวของนางครั้งแล้ว ครั้งเล่า “ลู่ว เหลี่ยน เอ้ย นี่คือเหตุผลที่เจ้าอ่อนแอ เจ้าต้องเรียนรู้และมองคนให้ออกว่าใครเป็นคนดี และ ใครเป็นคนเลว คนดีๆเจ้าไม่สมควรที่จะกลัว เจ้านั้นจิตใจคับแคบตัดสินคนแต่ภายนอก แม้เจ้าจะเกิดในที่ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ แต่จริงๆเจ้านั้นควรรู้ว่าตนเองนั้นอ่อนประสบการณ์ เจ้าที่เกิดและเติบโตในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ในใจเจ้าจึงคิดว่าคนที่เกิดจากดินแดนภายนอกนั้นด้อยกว่า แต่คนที่แข็งแกร่งจริงๆนั้นคือคนที่คุ้นเคยกับการนองเลือด” “นั้นคือสิ่งที่ชูเฟิงเป็น ซึ่งแตกต่างจากเจ้า เมื่อเขาพบคนดีเขาเป็นเหมือนกับนักบุญ สำหรับคนชั่วเขาจะเป็นเหมือนกับปีศาจ นั้นคือสิ่งที่คนดีควรจะเป็น และ การใช้ความรุนแรงในการเพื่อปะทะกับความรุนแรง นั้นคือสิ่งที่คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่ทำได้ และนั้นก็คือคุณสมบัติของผู้ที่แข็งแกร่ง”
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : พี่เฟิงเราสุดยอดจริงๆ!!!
C : เจอพวกระดับปลายแถวก็แบบนี้ล่ะ
B : ว่าแต่ พี่เฟิงเราจะไป ป่าไผ่ใบไม้ร่วง เลยหรือเปล่า แล้วพี่เฟิงจะเข้าร่วมกับ มหาอำนาจฝ่ายไหน ?!
A : น่าจะนิกายโลกวิญญาณ เห็นชื่อมันเหมือนกับ นิกายโลกวิญญาณของ 9 อาณาจักร พูดแล้วก็นึกออก ว่าแต่จะมีใคร ในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์มีอสูรพิภพอสูรฟ้า นอกจากพี่เฟิง ดีไม่ดี พี่เฟิงเราอาจจะได้ปล่อยอสูรวิญญาณอีกตัวออกมา
B : เออ อยากรู้เหมือนกัน!!!