ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1108 – รอคอยพวกเจ้าทั้ง 2
เมื่อชูเฟิงเปิดดวงตาของเขาขึ้นหลังจากนั้นเขาก็ตระหนักคิดได้บางสิ่งปัจจุบันเขาก็หันไปทาง ไป๋ รู่วเฉิน ก็พบว่าเธอได้ตื่นขึ้นมาก่อนเขาเสียอีกเเละนางยังถือกล่องไม้โทรมๆใบหนึ่ง นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอมีสีหน้าที่สงบนิ่งมากบนใบหน้าของเธอราวกับว่านี่คือสิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้ตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้ว “หึ!!! ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมีความคิดเเละข้อมูลที่ตรงกับข้าเสียจริง”
ในขณะเดียวกันชูเฟิงก็ไม่สามารถที่จะหุบรอยยิ้มของเขาอีกต่อไป เราเริ่มที่จะมอง ไป๋ รู่วเฉินใหม่ทันทีนั่นเพราะว่า เธอ ที่รับการทดสอบจากสถานที่เเห่งนี้เเต่เธอสามารถที่จะผ่านมันไปได้
สถานที่เเห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยบรรพบุรุษของนิกายสวรรค์ความสามารถที่ลูกหลานในอนาคตจะเข้าใจถึงสถานที่เเห่งนี้ก็นับว่าไม่เกินเลยไปดังนั้นถ้าเกิดว่าบรรพบุรุษของนิกายสวรรค์ที่สร้างการก่อตัวที่เเข็งเเกร่งเช่นนี้พวกเขามีวัตถุประสงค์ที่จะฆ่าพวกลูกหลานที่เข้ามาหรือไม่นั่นทำให้เขาสงสัย เเต่คงไม่ใช่
ดังนั้นชูเฟิงจึงเเน่ใจว่านี่คือบททดสอบ การทดสอบที่เเข็งเเกร่ง ที่ไว้ใช้ทดสอบพวก ลูกหลานของเขาของนิกายสวรรค์ถ้าเกิดพวกเขาที่เข้ารับการทดสอบไม่เสียชีวิตไปทุกอย่าง ก็คงจะดีเเต่ถ้าพวกเขาโชคไม่ดีเเละไม่สามารถรับรู้ถึงเเผนที่ลึกลับได้พวกเขาก็คงจะไม่รอดพ้นจากความตาย มีเพียงคนที่เเข็งเเกร่งเท่านั้นที่จะเดินทางไปต่อได้
สำหรับ ไป๋ รู่วเฉิน หากจะให้บอกละก็เธอนั้นมีความคิดเดียวกับชูเฟิง เขาเเน่ใจว่าเธอเป็นคนพิเศษไม่เพียงเเต่มีความรู้ด้านการวิเคราะห์เเต่ยังมีพรสวรรค์ที่เเข็งเเกร่ง เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เธอคิดกับสิ่งที่ชูเฟิงคิดนั้นเหมือนกันในระยะเวลาเพียงสั้นๆนี้
ทันใดนั้นชูเฟิงก็ถามออกมาว่า”
เจ้าได้รับรู้ถึงสถานะของเเผนที่ในหัวของเจ้าเเล้วใช่ไม๊” “เจ้าก็ได้รับมันงั้นหรือ?!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไป๋ รู่วเฉิน ก็เเปลกใจเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าชูเฟิงที่ไม่ได้มาจากนิกายสวรรค์จะรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเเผนที่ “เเน่นอนข้าได้ และเเผนที่ที่เจ้า มีกับเเผนที่ที่ข้ามีนั่นน่าจะเหมือนกัน”
ชูเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋ รู่วเฉินก็ถามออกมา”
ไหนคือสิ่งที่เจ้าบอกว่าเเผนที่เหมือนกัน”
เพียงเเต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เปรียบเทียบเเผนที่ที่ไป๋ รู่วเฉินได้รับมาในทันที เขาพบว่าเเผนที่ที่พวกเขาได้รับมามันนั้นเหมือนกัน “เจ้านี่โชคดีอย่างเเท้จริง เจ้าต้องรู้ว่าเเผนที่ที่ระบุที่ตั้งอันนี้ท่านบรรพบุรุษของนิกายสวรรค์ของเราได้ทิ้งไว้ให้ลูกหลานของเขา สำหรับเจ้าที่ได้รับเเผนที่มาโดยบังเอิญนับว่าเจ้าโชคดีอย่างเเท้จริง”
เมื่อเปรียบเทียบกันเสร็จ ไป๋ รู่วเฉิน ก็รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นั่นเพราะสิ่งเเรกที่เธอรู้เลยคือ ถ้าเธอเจอสมบัติ มันก็จะต้องถูกเเบ่งเป็น 2 ส่วน “ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าตามไปด้วยข้าก็ยินดีที่จะไม่ตามไป ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการไปหามันคนเดียว”
เมื่อเห็นอย่างนั้นชูเฟิงก็พูดออกมา นั่นเพราะเขาเห็น ใบหน้าของ ไป๋ รู่วเฉิน มันฟ้องว่า เเผนที่นี้ไม่ควรจะเป็นของเขา เเละนี่มันก็คือสิ่งที่บรรพบุรุษของนิกายสวรรค์ทิ้งไว้ให้ “ลืมมันเถอะ เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราค่อยตัดสินใจ ถ้าเจ้ากับข้าพบมันเเน่นอนว่าพวกเราจะเเบ่งปันคนละครึ่ง ถ้ามีเพียงชิ้นเดียวข้าจะให้บางสิ่งทดเเทนเทียบเท่ากับมันเอง”
ไป๋ รู่วเฉิน กล่าว “เฮ้ จะดีหรอเเบบนั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นชูเฟิงรู้สึกหัวเราะภายในใจอย่างซุกซน นั่นเพราะว่า หากเขาบอกเขาไม่ต้องการของที่เเผนที่ระบุนั้นก็ดูจะไม่ใช่ความจริง เขาเพียงเเค่เเสดงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เเละพูดออกในท่าทางของบุคคลที่ใสซื่อเเละเเสนดีก็เพียงเท่านั้น “ว้าว! มีอะไรอยู่ภายในนั้นงั้นหรือ”
ในทันทีชูเฟิงก็ชี้ไปที่กล่องไม้ในมือของ ไป๋ รู่วเฉิน “ข้าไม่จำเป็นจะต้องบอกเจ้า!!!”
ไป๋ รู่วเฉินตอบชูเฟิงอย่างรวดเร็ว “เฮ้ เเม่นาง เจ้าจะไม่ใจเเคบไปหน่อยหรือ?”
ชูเฟิงเริ่มที่จะบ่นเกี่ยวกับมัน ถึงอย่างไรคำตอบของ ไป๋ รู่วเฉินก็เป็นไปตามที่เขาคิด หลังจากนั้นเขาก็เห็นเดินจากไปทางประตูทางเข้าอย่างรวดเร็ว
การกลับมาของชูเฟิง เเละ ไป๋ รู่วเฉิน ทำให้ประมุขนิกายสวรรค์เเสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด เเม้เเต่ฉีคง ไจ้ฉิง หรือเเม้เเต่ เเม่ของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็กำลังรอพวกเขาอยู่ที่ห้องโถงของพระราชวังเพื่อรอการกลับมา
ในขณะเดียวกันชูเฟิงก็เอาซากศพของประมุขคนก่อนของนิกายสวรรค์ส่งให้ ประมุขนิกายสวรรค์ในทันที หลังจากเขามองเห็นมัน เขาก็รู้สึกตกอกตกใจในทันที เขาไม่คิดว่าชูเฟิงจะสามารถกู้ศพของ ประมุขอาวุโส กลับมาได้นอกจากนี้เขายังเเสดงท่าทีที่ขอบคุณ ในขณะเดียวกัน ประมุขนิกายสวรรค์ที่ได้รับกล่องไม้ในทันทีเขาก็ได้เปิดมันออกต่อหน้าพวกเขาทั้งหมดนอกจากนี้ชูเฟิงยังพอคาดเดาได้ว่ากล่องใบนั้นน่าจะมีทักษะต่อสู้ต้องห้ามอยู่อย่างเเน่นอน
ที่ชูเฟิงเเปลกใจคือ ประมุขนิกายสวรรค์เป็นคนใจกว้างอย่างเเท้จริง จริงๆเเล้วเขาอนุญาติให้ชูเฟิงเป็นผู้เลือกคนเเรกเพราะว่า เพื่อตอบเเทนที่เขาได้นำศพของประมุขอาวุโสกลับมา
ชูเฟิงไม่ได้ปฏิเสธเเต่อย่างใดนั้นน่าเพราะรู้ว่าทักษะต้องห้ามนั้นเเข็งเเกร่งเพียงใด โดยธรรมชาติเขามีโอกาสที่จะเรียนรู้ เขาก็จะไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างเเน่อน เพราะว่าทักษะต้องห้ามนั้นเเข็งเเกร่ง
ดังนั้นชูเฟิงจึงไม่ลังเลเลยที่จะตรวจสอบทักษะต้องห้ามจากกล่องไม้ในที่สุดเขาก็พบว่ามันมีด้วยกันทั้งหมด 6 ทักษะ
ทักษะต้องห้ามชั้นบาลดาล มีทั้งหมดดังนี้ “ทักษะต้องห้าม อัคคีดาวตก” “ทักษะต้องห้าม อัสนีสะบั้น” “ทักษะต้องห้าม: วายุกระหน่ำ” “ทักษะต้องห้าม: มหาสมุทรพิรุณกระชิบ” “ทักษะต้องห้าม : วงวนพฤกษา” “ทักษะต้องห้าม : แสงลวงตา”
หนึ่งใน 5 ของทักษะต้องห้ามประกอบด้วยทักษะธาตุที่เเข็งเเกร่งเเตกต่างกันไป ได้แก่ ลม, น้ำ ,ไฟ สายฟ้า เเละ ไม้ หากชูเฟิงสามารถที่จะเลือกมันได้อย่างเเท้จริงละก็ เขาก็จะเลือกทักษะ ลม เเละ น้ำ
เพราะมันไม่เพียงเเต่ทำให้เขามีความรวดเร็วเพิ่มขึ้น เขาอาจจะเทียบได้กับความเร็วของเเสงเลยทีเดียว หากเขาเข้าใจพวกมันทั้งการโจมตีของเขาหรือเเม้เเต่การหลบหนีของเขา ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ถ้าเป็นไปได้เขาอยากที่จะเรียนรู้ทักษะต้องห้ามทั้ง 6 เสียจริง แต่เขาก็ยังมีอีก 4 สุดยอดทักษะเร้นลับ ที่น่าเกรงขามทดแทน “สหายน้อยชูเฟิงสายตาของเจ้าชั่งล้ำลึกเสียจริง ในบรรดาทักษะต้องห้ามทั้ง 6 นี้ เเน่นอนว่าพวกมันล้วนมีคุณภาพสูงสุด อย่างไรก็ตามทักษะที่เเข็งเเกร่งที่สุดก็คือทักษะนี้”
ในทันที ประมุขนิกายสวรรค์ก็ได้หยิบม้วนคำภีร์หนึ่งออกมาจากกล่องไม้
คำภีร์ม้วนนั้นมีขนาดเท่าสองฝ่ามือของเขา เเต่อักขระที่ปรากฏโดยรอบนั้นมีมากมายเป็นอย่างมาก ทักษะต้องห้าม ในกล่องไม้นี้ เเตกต่างจากทักษะที่เขาหยิบออกมาอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้ว่ามันเเข็งเเกร่งเป็นอย่างมาก
มันมีสัญลักษณ์เขียนเป็นชื่อประมาณ 10 กว่าคำ “มังกร-หงษ์ร่ายรำ”
เมื่อเห็นชื่อทักษะเหล่านั้นดวงตาของชูเฟิงเปล่งประกายขึ้นในทันทีนั่นเพราะว่าโดยทั่วไปเเล้วทักษะต้องห้ามนั้นจะตามชื่อของมัน เช่นถ้ามันเริ่มต้นด้วยชื่อด้วย ทักษะต้องห้าม เเล้วมันน่าจะเริ่มต้นด้วยทักษะชั้น พสุธา เพียงเเต่ความเเข็งเเกร่งของมันมากกว่าทักษะอื่นๆ
ที่จริงไม่ใช่เพียงเเค่ชูเฟิงเท่านั้นที่ตกใจ เเม้เเต่ ไป๋ รู่วเฉิน ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ประมุขนิกายสวรรค์จะพูดชื่อของทักษะ มังกร-หงษ์ร่ายรำ ออกมา นั่นเพราะว่าพวกเขาทราบดีถึงความเเข็งเเกร่งของพวกมัน “เป็นอย่างไรพวกเจ้าเเปลกใจมากละสิ นี่คือทักษะต้องห้ามระดับ พสุธา เเต่มันก็ไม่ได้เป็นทักษะต้องห้ามพสุธาทั่วไป”
ประมุขนิกายสวรรค์กล่าว
ทันใดนั้น ไป๋ รู่วเฉิน ก็กล่าวในทันที”
นี่เป็นทักษะผสาน” “รู่วเฉิน เจ้าสามารถที่จะเข้าใจมันได้อย่างงั้นหรือ ?!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ประมุขนิกายสวรรค์ เเละ ฉีคง ไจ้ฉิง ต่างประหลาดใจ นั่นเพราะว่า ทักษะ มังกร-หงษ์ร่ายรำ ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลธรรมดาสามารถที่จะเรียนรู้มันได้เพราะว่าเนื้อหาการเรียนรู้นั้นมันไม่ธรรมดา พวกเขาจะไม่เเปลกใจเลยถ้าหากพวกเขาไม่สามารถที่จะเรียนรู้พวกมันได้
เเต่สำหรับ ไป๋ รู่วเฉิน เพียงเเค่นำมันออกมาทันทีเธอก็เข้าใจเนื้อหาของมันอยู่ก่อนเเล้ว ไม่ต้องคาดเดาว่าพรสวรรค์ของเธอนั้นเเข็งเเกร่งขนาดไหน นั่นหมายความว่า เธอนั้นมีความรู้เเละความสามารถพอที่จะเรียน ทักษะ มังกร-หงษ์ร่ายรำ “มังกร-หงษ์ร่ายรำ เป็นทักษะรวมพลัง มันจะต้องใช้บุคคลทั้ง 2 เเละ ผู้ใช้ทักษะทั้ง 2 คนตามลำดับถึงจะเรียนรู้ทักษะ มังกร-หงษ์ร่ายรำได้ เมื่อทั้ง 2 ปรากฏ ทั้งมังกร เเละ หงษ์ สามารถที่จะปัดเป่าเเละกวัดเเกว่งทุกสิ่งที่ขวางทางได้ เมื่อทักษะต้องห้ามนี้ถูกเปิดใช้งาน มันจะครอบคลุมทั่วผืนนภาเเละปรากฏภาพขึ้นเต็มผืนฟ้า เพียงเเต่ทักษะระดับ พสุธา อันนี้ ก็ยากที่จะเรียนรู้มันเช่นกัน”
ในทันทีชูเฟิงที่จ้องไปที่ทักษะนั้นเขาก็ได้อธิบายเนื้อหาของมันในทันที
ในขณะนี้ ประมุขนิกายสวรรค์ เเละเเม่ของ ไป๋ รู่วเฉิน หรือเเม้เเต่ ฉีคง ไจ้ฉิง ก็เเสดงออกถึงความประหลาดใจ ใบหน้าของพวกเขาล้วนเย็นเฉียบ เเต่พวกเขาก็หันไปมองทางชูเฟิงเเละไป๋ รู่วเฉิน ก่อนที่จะกล่าวอย่างมีความสุขว่า”
ข้าพอจะรู้เเล้วว่าทำไมท่านบรรพบุรุษถึงทิ้งการทดสอบที่ยากลำบากไว้อยู่เบื้องหลัง ในตอนนี้ข้าล้วนไม่สงสัยเเล้วว่าทำไม นั่นเพราะว่า พวกเขากำลังรอคอยอัจฉริยะที่เเข็งเเกร่งอย่างพวกเจ้าทั้ง 2″
P’Film ////////////////////////////////////////
C : ว่าแล้วทักษะมังกรหงส์ นี้จะต้องใช้ 2 คน ฟิซชิลิ่ง!!!
A : ฉลาดสุดๆ!!! เลย