ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1001 – ชู คงท่ง
สุสานถูกผนึก ในขณะที่รูปแบบพุ่งทะยานขึ้น ชูเฟิง รู้สึกได้ว่ามันทรงอำนาจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นมันยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ มันยังคงสั่งสมพลัง เมื่อสมบูรณ์แล้วชูเฟิงจะถูกส่งออกไป
แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ ชูเฟิง แปลกใจ ไม่ใช่ความลึกซึ้งของมัน แต่เป็นความลึกลับในการสร้างโลงศพนี้ขึ้นมา
แม้ว่ามันจะถูกสร้างโดยศิลาที่ลึกล้ำ แต่เมื่อดูจากภายนอกไม่มีอะไรสามารถมองผ่านมันเข้ามาได้ แม้ว่า ชูเฟิง จะใช้เนตรสวรรค์มันก็ไร้ประโยชน์
แต่ในเวลานั้นภายในโลงที่ถูกปิดสนิท ภายในดูตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แม้มันจะถูกปิดด้วยศิลาแต่มันกับโปร่งใส่จนสามารถมองเห็นภายนอก
ในตอนนี้ ชูเฟิง เห็นได้ชัดว่า ความกลัวและความหวาดหวั่นภายในสายตาของวานรเฒ่าไม่ลดเลย ยังไงก็ตาม เขายังคงทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อปกปิด เขาตอนนั้นทำราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาหยิบครบเพลิงไว้ในมือ ขณะที่นั่งไขว้ขา ก่อกองไฟ
ลักษณะท่าทางของวานรเฒ่าที่แปลกๆไป ทำให้ ชูเฟิง รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็หวังว่าให้รูปแบบนี้ จะใช้เวลาให้นานอีกหน่อย เพื่อมองดูสิ่งที่กำลังทำให้วานรเฒ่ากลัวได้ขนาดนี้
* ครื่นนนนน *
ขณะนั้น มีรัศมีส่องขึ้นมาตรงหน้าเขา จนไม่สามารถเห็นอย่างอื่นนอกจากแสงสว่างสีทอง
เมื่อแสงสีทองนั้นปรากฏได้ครู่หนึ่ง ชูเฟิง ก็เห็นว่าสถานที่แห่งนี้งดงามและอลังการ มันเป็นโครงสร้างหลายแบบ ทำให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ มันเหมือนยอดเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า
บ้างก็ถูกสร้างด้วยอัญมณี บ้างก็ผลึก บ้างก็น้ำแข็ง บ้างก็เป็นเปลวเพลิง พวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากวัสดุพิเศษ พวกมันทั้งโบราณและสง่างาม หากจะบอกว่า มันเป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในชีวิตของเขา ก็ไม่เกินจริง
แต่ตอนนี้ ชูเฟิง ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมามัวชื่นชมสร้างก่อสร้างเหล่านั้น นอกจากนี้สถานที่แห่งนั้นมันยังกว้างใหญ่เกินไป สถานที่ที่แสงสีทองปรากฏให้เห็นเป็นเพียงมุมนึงเท่านั้น นอกจากนี้แสงสีทองนั้นยังแผ่ออกร่าที่น่ากลัวออกมา
มันทรงพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นออร่าที่น่ากลัวที่สุด ที่ชูเฟิงเคยไม่ได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต ชูเฟิงรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรค่าแม้แต่การจะเป็นฝุ่นเกาะไรขามันเลยด้วยซ้ำ เขาช่างเล็กจ้อยเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน “วานรเฒ่า เจ้านี้มันช่างบังอาจ!!!”
ทันใดนั้น เสียงที่ดุดันและโอหังก็ดังขึ้นท่ามกลางแสงสีทอง เสียงนั้นน่าเกรงขามราวกับพระเจ้ากำลังปรากฏ
หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น ผ่านไปครู่ใหญ่ แสงสีทองก็หายไป ท้ายสุดก็มีคนปรากฏลงมาเบื้องหน้า วานรเฒ่า
เขามีมือที่ใหญ่โต ร่างสูงใหญ่ท่ามกลางแสงสีทอง ชูเฟิง เห็นร่างของเขาลางๆ ตัวของเขาประกายสีทองเจิดจ้าออกมา แต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าคนๆนั้น เขาไม่แม้แต่จะเห็นชุดที่เขาสวมใส่
ทุกอย่างดูไร้อำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสีทองนั้น และชูเฟิงก็สัมผัสได้ถึงพลังของเขา แม้เขาไม่ได้สังเกตุแค่มองผ่านแว๊บเดียว เขาก็บอกได้ว่า คนผู้นี้คือ ขุนพลสวรรค์อย่างแท้จริง ซึ่งคนธรรมดาจึงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้เห็นลักษณะของเขา
แต่หากให้ ชูเฟิง ตัดสิน และบอกถึงสิ่งที่เขาสัมผัสได้จากคนผู้นั้น ต้องบอกว่าเขาคือ นักรบผู้ไม่เคยพ่าย แม้แต่ วานรเฒ่าที่แข็งแกร่ง ก็ยังต้องยอมสยบเมื่ออยุ่ต่อหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนๆนี้จะเปี่ยมด้วยอำนาจพลังที่มากร้น แต่วานรเฒ่าก็ยังใจเย็น เขาทิ้งความกลัวที่เคยอยู่ภายในดวงจา แต่เขาก็ไม่ได้มองใบหน้าคนคนนั้น เขายังคงนั่งเขี่ยฟืน “วานรเฒ่า เจ้าปรากฏร่างโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้ารู้ใช่ไม๊ว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาติให้ทำแบบนี้”
คนคนนั้นโกรธอย่างมาก เมื่อเห็นท่าทางของวานรเฒ่า “มีบางอย่างที่ไม่ควรปรากฏในเส้นทางสวรรค์ มันฝ่าฝืนขั้นตอนที่มีมา ข้าก็แค่เอาสิ่งที่อันตรายสำหรับการผ่านอุปสวรรคออก”
วานรเฒ่ากล่าวอย่างใจเย็น แต่มันก็ยังไม่มองหน้าของคนคนนั้น “โหห!! วานรเฒ่า เจ้ากลายเป็นคนดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?! เจ้ากล้าใช้อำนาจของตระกูลข้าเพื่อช่วยพวกขยะที่เข้ามางั้นหรอ ?!”
คนคนนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ถ้าเจ้ามาที่นี่แล้ว เจ้าก็ลองแหกตาดูในสถานที่นี้ด้วยตาของเจ้าสิ การที่เจ้ารีบมาที่นี่ ด้วยเรื่องเล็กๆแบบนี้ แสดงว่าเจ้าต้องมีจมูกที่ไวกว่าสุนัขแน่ๆ”
วานรเฒ่า กล่าวโต้ตอบด้วยเสียงที่ล้อเลียน” หืมม . .”
คนคนนี้เปลี่ยนท่าทางเป็นเย็นชา พร้อมใช้อำนาจพลังวิญญาณที่เหนือร้น กวาดผ่านทุกอย่างรอบๆ”อึ๊ก!!”
ชูเฟิงถึงกับขนลุก เขารู้สึกว่าอำนาจพลังวิญญาณนั้นน่ากลัวอย่างมาก มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขาหลายหมื่น หลายพัน เท่า จนรูปแบบก็แทบไม่อาจซ่อน ชูเฟิง ได้
* ครื่นนน *
ในขณะที่ ชูเฟิงกำลังวิตกกังวล เมื่ออำนาจพลังนั้นโจมตีเข้ามา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยภายในโลง มันปิดกั้นอำนาจที่น่ากลัวนั้น จนมันไม่อาจสัมผัสร่างของ ชูเฟิง “หึมมม ?!”
เมื่ออำนาจพลังวิญญาณนั้นถูกป้องกัน ทำให้คนคนนั้นรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบยกฝ่ามือขึ้น และยิงแสงสีทองออกมาที่โลงศพ ที่ซ่อน ชูเฟิง
เห็นแสงสีทองตรงเข้ามา ชูเฟิงก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ เขารู้สึกถึงอันตราย ที่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขารู้สึกถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในแสงสีทอง ไม่ต้องพูดถึงแสงนั้น แม้แต่เศษเสี้ยวของมัน ก็สามารถปลิดชีวิตเขาได้ภายในพริบตา
* ตูมมมม * แต่เมื่อ ชูเฟิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย วานรเฒ่า ก็ไม่ได้หลบไปไหน นำซ้ำมันยังหยุดการโจมตีจากแสงสีทอง “ชู คงท่ง เจ้าอยากตายสินะ ถึงได้กล้าโจมตีสุสานของนายน้อย”วานรเฒ่าคำรามหลังจากที่หยุดการโจมตี”มีการเคลื่อนไหวอยุ่ภายในสุสาน ข้าสงสัยว่ามันจะมีคนซ่อนอยู่ด้านใน และเหมือนว่าเจ้าต้องการจะปกป้องมัน เจ้าคงซ่อนใครเอาไว้สินะ!!!”
ชู คงท่ง โกรธอย่างมาก และเริ่มที่จะโจมตีใส่วานรเฒ่า
* ฟริ้งงง * แสงสีทองส่องเจิดจ้า จนสภาพแวดล้อมรอบๆเขาเป็นสีทอง มันกลายเป็นเส้นแสงสีทอง จนไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากมัน
ก่อนที่แสงนั้นจะพุ่งเข้ามา วานรเฒ่าก็ทำสีหน้าเจ็บปวด มันใช้ทุกอย่างที่มีในการรับมือต่อการโจมตีนั้น แต่มันก็ถูกบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้น”ฮ่า ฮ่า ฮ่า วานรเฒ่า เจ้ามันช่างอ่อนแอ ไม่ใช่แค่อ่อนแอ แต่เจ้ามันเล็กจ้อย”
ชู คงท่ง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นวานรเฒ่าคุกเข่าเบื้องหน้าเขา
ReaDMGA////////////////////////////////////////A : มืงว่า พ่อพี่เฟิงจะออกมาป่ะว่ะ ?!
B : ต้องมาแน่นอน มันคงไม่ยอมปล่อยให้พี่เฟิงถูกฆ่าตายหรอก!!!
A : รู้แล้วสินะ ว่าถ้าพี่เฟิงเป็นอะไรไป ตอนภาคทะเลตะวันออก แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนั้น แค่คิดก็สยอง
B : เอาน่า ถึงพ่อพี่เฟิงจะมาช่วย แต่ชูเฟิงก็คงไม่ได้เห็นหน้าหรอก !!!
C : ก็ไม่แน่หรอก!!!