I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1064 – มาถึงสระนิรันดร์บรรพกาล

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1064 – มาถึงสระนิรันดร์บรรพกาล

 

“ห่างชั้นเช่นนั้นรึ !! มีเพียงยอดยุทธภัณฑ์ชั้นราชวงศ์เท่านั้น ไม่ใช่ข้า !! ไอ้เวรเอ๊ย !! เจ้ามันผยองเกินไปแล้ว !!”

 

แม้ว่า ฮั่น เต๋า จะรู้ว่าดาบตราประทับผนึกมารแข็งแกร่งอย่างมาก แต่เขาไม่อาจยอมรับ ชูเฟิง ดังนั้น เขาจึงควงขวามยักษ์ในมือ และเข้าโจมตี ชูเฟิง ในทันที

 

***** วูบบบบ *****

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชูเฟิง ก็ไม่รอช้า เขารีบพุ่งออกไป และใช้ดาบตราประทับผนึกมารในมือเข้าปะทะทันที

 

***** เคร้ง เคร้ง เคร้ง *****

 

ในเวลานั้น ทุกคนไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนได้แม้แต่น้อย พวกเขาได้ยินเพียงเสียงโลหะกระทบกันและประกายไฟที่ปรากฏออกมาเกือบตลอดเวลาในอากาศ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีร่างหนึ่งตกลงมาบนพื้น “อึ้กก……”

 

เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนต่างตกใจอย่างมาก เพราะ ฮั่น เต๋า ได้นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับที่มีดาบสีดำปักอยู่บนร่างของเขา และทุกคนก็จำมันได้ดี เพราะนั่นคือดาบตราประทับผนึกมาร

 

การประลองด้วยยอดยุทธ์ภัณฑ์เช่นนี้มักจะใช้เวลานาน แต่ในตอนนี้ กับใช้เวลาเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น ผลการตัดสินก็ได้ประจักษ์ออกมาให้ทุกคนได้เห็น

 

นอกจากนี้ ผลของมันยังเป็นสิ่งคนจากตระกูลฮั่นไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าผู้อาวุโสจะเคยบอกพวกเขาถึงความแข็งแกร่งของ ชูเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อคำบอกนั้น

 

แต่ในตอนนี้ พวกเขาก็เชื่อในคำบอกนั้น แต่มันก็สายเกินไปสำหรับพวกเขา เพราะในตอนนี้ดาบตราประทับผนึกมารได้แทงลงไปในจุดตันเถียนของ ฮั่น เต๋า “อ๊ากกกก…….”

 

ในขณะนั้น ชูเฟิง ได้ขยับดาบตราประทับผนึกมารแทงลึกลงไปอีกครั้ง มันทำให้ ฮั่น เต๋า กรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน เพราะการบ่มเพาะพลังของเขาได้ไหลออกมาสู่ภายนอกอย่างรวดเร็ว แต่ ชูเฟิง ไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของเขาแม้แต่น้อย เขาขยับดาบตราประทับผนึกมารอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวออกมาว่า”

 

นี่คือความห่างชั้นของข้า และเจ้า !!”

 

หลังจากกล่าวจบนั้น ชูเฟิง ก็สะบัดดาบตราประทับผนึกมารในมืออย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวนั่น ฮั่น เต๋า ก็กลายเป็นละอองเลือดกระจายในอากาศอย่างรวดเร็ว

 

ในขณะที่ละอองเลือดลอยฟุ้งในอากาศเช่นนั้น ชูเฟิง ได้ปลดปล่อยออร่าพลังของเขาออกมาปกคลุมละอองเลือดทั้งหมดในทันที และดูดซึมพวกมันเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

 

ชูเฟิงไม่เพียงแต่สังหารเขาเท่านั้น แต่เขาได้ดูดซับแหล่งพลังวิญญาณทั้งหมดของ ฮั่น เต๋า ไปจนหมดสิ้น นี่เท่ากับว่า ฮั่น เต๋า ได้ถูกสังหารโดยสมบูรณ์

 

หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็พาดดาบตราประทับผนึกมารไว้บนไหล่ของเขา และมองมาที่คนที่เหลืออีกแปดคน เมื่อเห็นคนทั้งแปดกำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ชูเฟิง ก็ยิ้มบางๆออกมาและกล่าวว่า”

 

จงจำเอาไว้ ในชีวิตของพวกเจ้า จงฟังคำของผู้อาวุโส ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอาจจะตาย !!”

 

หลังจากกล่าวจบนั้น ชูเฟิง ก็สะบัดดาบตราประทับผนึกมารอีกครั้ง คลื่นพลังสีดำได้กวาดผ่านทั้งแปดคนไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น พวกเขาทั้งแปดคนก็กลายเป็นละอองเลือดล่องลอยอยู่ในอากาศ

 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ฮั่น เต๋า ในก่อนหน้านี้ได้หวนกลับมาอีกครั้ง ชูเฟิง ได้ดูดซับแหล่งพลังงานของพวกเขาทุกคนจนหมด ที่เขาทำเช่นนี้ไม่เพียงเพื่อดูดซับแหล่งพลังวิญญาณ แต่เขาไม่ต้องการทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้

 

เพราะภูติโบราณได้ตั้งกฏเอาไว้ว่า ห้ามไม่ให้ต่อสู้ และฆ่ากันที่นี่ ดังนั้น ชูเฟิง จึงต้องลบร่องรอยทั้งหมดออกไป เพื่อที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนในภายหลัง

 

หลังจากสังหารคนของตระกูลฮั่นแล้วนั้น ชูเฟิง ก็ไม่มีท่าทีว่านะหยุดแม้แต่น้อย เขาหันกลับมามองที่ศิษย์ของปราการอสรพิษดำอย่างเย็นชา “พี่ชาย ไว้ชีวิตพวกเราด้วย !!””มันเป็นเพราะพวกเรามีตา แต่ไม่เห็นไท้ซาน !! พวกเราจะปิดปากให้สนิท และเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับของพวกเรา !!”

 

ในเวลานั้น คนของปราการอสรพิษดำต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น และอ้อนวอนต่อ ชูเฟิง “หึ !!”

 

เมื่อเห็นคนของปราการอสรพิษดำอ้อนวอนออกมาเช่นนั้น ชูเฟิง ก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวออกมาว่า”

 

ที่ข้าแกล้งทำในก่อนหน้านี้ เพียงเพราะข้าต้องการรู้จุดประสงค์ของพวกเจ้าที่เข้ามาที่นี่ !!””ถ้าก่อนหน้านี้พวกเจ้าเพียงแค่จะมามอบบทเรียนให้แก่ข้า ข้าคงจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่พวกเราก็รู้สึกถึงจิตสังหารของพวกเจ้าอย่างชัดเจน !!””เพราะเจ้าตั้งใจมาเอาชีวิตของข้า แต่ในตอนนี้พวกเจ้ากลับอ้อนวอนร้องขอชีวิตจ้าข้า มันไม่ตลกไปหน่อยรึ !!”

 

หลังจากได้ยินคำกล่าวของ ชูเฟิง นั้น ใบหน้าของพวกเขาพลันบิดเบี้ยวในทันที และในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทำไม ชูเฟิง ถึงได้แกล้งทำเป็นหวาดกลัวพวกเขา ทั้งๆ ที่ ชูเฟิง แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ และพวกเขายังรู้สึกอีกว่า ชีวิตของพวกเขาคงต้องจบลงด้วยเงื้อมมือของ ชูเฟิง ในวันนี้ “ไม่มีอะไรจะสั่งเสียเช่นนั่นรึ !! ถ้าเช่นนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องอำลาพวกเจ้า !!”

 

หลังจากกล่าวจบนั้น ชูเฟิง ก็สะบัดดาบจราประทับผนึกมารอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวนั้น ชีวิตของเหล่าศิษย์จากปราการอสรพิษดำก็ถูกกลืนกินไปทั้งหมด

 

หลังจากสังหารพวกเขาทั้งหมดแล้วนั้น ชูเฟิง ก็เก็บดาบตราประทับผนึกมาร และปลดเกราะสายฟ้าของเขาออก พลันออร่าพลังของเขาก็ลดเหลือขั้นจ้าวสงครามมระดับเก้า จากขั้นราชันย์สงครามระดับหนึ่ง

 

หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบของรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณ เมื่อเขาไม่พบใครอื่นอีก เขาก็สลายรูปแบบอำนาจพลังวิญญาณในทันที “ไปกันเถอะ !!”

 

หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมากล่าวกับ หวาง เว่ย และคนอื่นๆ “อึ้ก !!”

 

หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดมานั้น หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ต่างกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

 

แม้ว่าในหมู่พวกเขาจะมีคนที่เคยสังหารผู้อื่นมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สังหารผู้อื่นโดยไม่รู้สึกอะไร ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของ ชูเฟิง เพราะเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อยหลังจากเรื่องทั้งหมด

 

ในเวลานั้น หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ต่างตระหนักได้ดีว่า ชูเฟิง ต้องสังหารคนมาจำนวนไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่แสดงความไม่แยแสออกมาเช่นนี้

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้นั้น หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ต่างแสดงความเคารพต่อ ชูเฟิง มากยิ่งขึ้น เพราะมื่อเทียบ ชูเฟิง กับพวกเขาแล้วนั้น พวกเขาอ่อนแอกว่า ชูเฟิง อย่างมาก ในทุกๆด้าน

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น ชูเฟิง และพวกเขาได้เดินทางในป่าใหญ่ต่ออีกกว่าสี่ชัวโมง ก่อนที่พวกเขาจะออกจากป่ามาได้ และพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้อหน้าของพวกเขา

 

สระน้ำนี้งดงามอย่างมาก พื้นน้ำนิ่งสงบ อีกทั้งมันยังมีหลากหลายสีสันปรากฏออกมา

 

ภายใต้แสงดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมานั้น มันทำให้สระนี้เปรียบได้กับสีรุ้งที่สดใส และที่สำคัญนั้น ในระยะห่างออกไป ทึกคนสามารถมองเห็นเสายักษ์สีขาว ที่สูงขึ้นไปจากผิวน้ำทะลุขึ้นไปในหมอกสีขาวอย่างชัดเจน

 

แทบไม่ต้องคิดนั่น ทุกคนสมารถรู้ได้ทันทีว่านี่คือสระนิรันดร์บรรพกาล และเสาต้นน่นนะต้องเป็นหนึ่งในสามของเข็มนิรันดร์บรรพกาล “นี่มันสระนิรันดร์บรรพกาลเช่นนั้นหรือ !? ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะมีขนาดใหญ่เช่นนี้ นี่มันเทียบได้กับทะเลสาบก็ว่าได้ !!”

 

เมื่อเห็นสระนิรันดร์บรรพกาลนั้น หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ต่างรู้สึกดีใจอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าพวกเขากำลังถูกสะกดก็ว่า “ไปกันเถอะ ลองตรวจสอบสระนิรันดร์บรรพกาลกันดูหน่อย !!”หากเทียบกับคนอื่นๆ แล้วนั้น ชูเฟิง เพียงชื่นชมออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป

 

อาจกล่าวได้ว่าจุดหมายของทุกคนคือสระนิรันดร์บรรพกาล

 

แต่จุดหมายของ ชูเฟิง นั้นคือ เข็มนิรันดร์บรรพกาลก็ว่าได้

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : ให้ทายพี่เฟิงเราจะเปิดได้สีอะไร ?!

 

B : ถ้าเป็นมนุษย์ก็ต้อง สีทอง สิว่ะ ยังจะมีสีอะไรได้อีก ?!

 

A : แล้วพี่เฟิง เป็นมนุษย์จริงๆหรอ ตระกูลพี่เฟิง จะใช่มนุษย์จริงๆหรอ

 

B : ไอนี้ เปิดปมความสงสัยกูอีกล่ะ จะไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็เพราะคำถามมืงนี้แหละ!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments