ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1014 – เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด
ในตอนนั้น ทั้ง2 ต่างร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมน้ำตาที่ไหลเป้นสาย ในตอนนั้น ชูเฟิงที่ยืนอยู่ก็ยิ้มบางๆ นั่นทำให้ ลู่ว เหลียน จ้าว เฉาฉิ่ว และปูลั่ว อ้างปากค้างด้วยความตัวใจ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปู่ลั่วนั้น เป็นคนที่มีความรู้มากที่สุด และเคยพบผู้คนและเหตุการณ์มากมาย
เขานั้นไม่เห็นแม้กระทั่งการเคลื่อนไหว ของชูเฟิง เพราะมันเร็วกว่าที่เขาจะรู้สึกตัว เพียงแค่พริบตาชาย ทั้ง2 จากวิหารโลหิตลี้ลับก็เป็นเช่นนี้แล้ว
จากที่ดูๆแล้วทั้ง 2 นั้นอยู่ในระดับเจ้าสงคราม และชูเฟิงที่สามารถทำกับพวกเขาเช่นนี้ได้มีพลังระดับไหนกัน “เจ้าอยากตายหรือรอด ?”
ชูเฟิงถามขึ้น “รอดข้าอยากรอด”
ปราศจากความลังเล ทั้ง 2 ก็พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นทั้ง 2 ไม่เหลือความโอหังอีกแล้ว เพราะพวกเขาหวาดกลัวชูเฟิงโดยสมบูรณ์
ทั้ง 2 นั้นรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้ง2 นั้นได้รู้แล้วว่าชูเฟิงนั้นแข็งแกร่งเพียงใดด้วยตนเอง
ทั้ง 2 นั้นรู้สึกว่าชูเฟิงนั้นเป็นคนที่โหดร้ายมาก ต่อหน้าบุคคลเช่นนี้ ผลที่รอคอยคือความตายเท่านั้น “ดีถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้งานเจ้า พาคนของเจ้าทั้งหมดโดยเฉพาะ หญิงที่ควักลูกตาของ ลู่ว รู่ มาพบข้า”
ชูเฟิงพูดขึ้น “นี่…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้ง 2 ก็ลังเลเล็กน้อย พวกเขานั้นไม่ได้โง่ พวกเขานั้นรู้ดีว่าชูเฟิงจะทำอะไร
อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นรู้กฎของวิหารโลหิตลี้ลับดี ว่าหากทรยศจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามในตอนนี้นั้น พวกเขานั้นบาดเจ็บเจียนตาย จึงถามชูเฟิงว่า “ถ้าพวกเราทำตามที่ท่านบอก พวกข้าจะรอดหรือไม่””ก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่ข้าพูดพวกเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชูเฟิง ยิ้ม พร้อมปล่อยจิตสังหารออกมา ทำให้อีกฝ่ายหนาวไปถึงกระดูก
เมื่อเห็นสายตาของเขา ทั้ง 2 นั้นก็ขนลุกทันที คามกลัวนั้นพุ่งออกมาจากจิตวิญญาณของพวกเขา
พวกเขานั้นเป็นสาวกของวิหารลี้ลับ พวกเขานั้นเคยเห็นคนที่โหดเหี้ยมมากมาย เพราะพรรคพวกของเขานั้นเป็นดั่งปีศาจ วิหารโลหิตลี้ลับเหมือนดั่งกับรังปีศาจ ที่ไม่มีคนปกติอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตามคนเช่นชูเฟิงนั้นทำให้พวกเขารู้สึกกลัวเพียงแค่สายตานั้น พวกเขารู้สึกว่านี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
ทั้ง 2 นั้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลัวชูเฟิงขนาดนี้ แต่นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขานั้นยังจดจำความโหดเหี้ยมที่ชูเฟิงทำไว้ได้ เจ้าหนุ่มนี้นั้นน่ากลัวกว่าคนของพวกเขาหลายเท่านัก ความสงบเสงี่ยมของเขานั้นมีเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
ในตอนนี้ พวกเขานั้นได้ไปยั่วคนที่ไม่ควรยั่วเสียแล้ว พวกเขานั้นไม่กล้าลังเล จึงเรียกตราประจำวิหารโลหิตลี้ลับที่ใช้เรียกกำลังเสริมขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นการทรยศต่อวิหารของพวกเขา แต่ก็ทำให้พวกเขานั้นรอดได้ “วูบ.”
ในตอนนั้น จ้าว เฉาฉิ่ว ก็มีปฏิกิริยาทันที เขารู้สึกว่าสถานการณ์มันชักไม่ดีแล้ว เขารีบบินหนีไปยังทาง เมืองไหมทองอรุณทันที “ชูเฟิง ท่านบ้าไปแล้วหรือ ให้พวกเขาเรียกกำลังเสริมมาแบบนี้ท่านจะทำอะไรกัน”
ลู่ว เหลียน พูดขึ้น น้ำเสียงของนางสุภาพกว่าก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่น้ำเสียงที่คนที่อยู่เหนือกว่าพูดกับคนที่ต่ำกว่า แต่มันเป็นเสียงที่แสดงถึงความกังวล และความสับสน “เจ้าจะถามไปเพื่ออะไร เป็นธรรมดาที่เลือดนั้นต้องแลกด้วยเลือด “ชูเฟิงตอบ “อะไรนะ เลือดต้องแลกด้วยเลือด ท่านคิดว่าพวกมันมีคนมากเท่าไหร่กัน ท่านรู้ไหมว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันอยู่ในระดับไหน ท่านรู้หรือไม่ว่าหญิงที่ควักตาของ ลู่ว รู่ นั้นแข็งแกร่งเพียงใด””ท่านไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ท่านนั้นจะสู้กับพวกเขาด้วยตัวคนเดียวเนี่ยน่ะหรือ”
ลู่ว เหลียน รู้สึกว่า ชูเฟิงนั้นน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แต่ก็ไม่เข้าใจเขา แม้ว่าจะเห็นพลังของชูเฟิง แต่นางก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะ สาวกหลักของวิหารโลหิตลี้ลับได้ “อะไรนะเจ้ากลัวอย่างนั้นหรือ?””เจ้าเป็นคนของแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าควรเป็น การเกรงกลัวต่อความตายและเผชิญต่อปัญหา ถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้ เจ้าก็เท่ากับว่าดูถูกพวกข้าคนจาก ดินแดนภายนอก”
ชูเฟิงพูดขึ้น พร้อมมองไปที่ลู่ว เหลียน อย่างไม่พอใจและหงุดหงิดเอามาก “ข้า…”
เมื่อได้ยินชูเฟิงพูดด้วยสายตาเช่นนั้น นางก็โกรธแต่นางนั้นพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่ชูเฟิงพูดนั้นเป็นความจริง นางนั้นหวาดกลัว “ถ้าเจ้ากลัวก็ไปเสีย ไปหาที่ซ่อนตัวซะ ข้าจะแก้แค้นให้ ลู่ว รู่ หากไม่ไปเจ้าก็รอดูเงียบๆ!””อย่างไรก็ตาม ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าคิดจะวิ่งหนีเพราะข้านั้นไม่มีเวลาที่จะช่วยพวกเจ้า.”
หลังจากชูเฟิงจบ เขาก็มองไปที่คนของวิหารโลหิตลี้ลับ แล้วสะบัดแขนของเขายกร่างทั้ง 2 ขึ้นฟ้าและโยนทั้ง 2 ไปที่ลานสนามหลังบ้านทันที
ในตอนนั้น ชุเฟิงก็เหวี่ยงแขนอีกครั้งก็เกิดคลื่นลมเกิดขึ้นที่ลานนั้น ลู่ว เหลียน และ ปู่ลั่ว นั้นไม่รู้ว่าชูเฟิงกำลังทำอะไร
ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าชูเฟิงกำลังจะทำอะไร แต่สักพักบ้านทั้งบ้าน ก็หายไปเห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกซ่อนโดยชูเฟิง “วูบ วูบ วูบ วูบ.”
หลังจากเตรียมการเสร็จ ท้องฟ้ามก็เริ่มปั่นป่วน ต่อจากนั้นก็มีคนหลายคนกำลังบินมาทางนี้ หลังจากที่พวกเขาลงมาบนพื้นดินแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของพวกเขานั้นราวกับเป็นอสูรที่โหดเหี้ยม จากการแต่งตัวนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนวิหารโลหิตลี้ลับ
เมื่อเห็นคนของวิหารโลหิตลี้ลับ ลู่ว เหลียนนั้น ก็กลัวแล้วเดินไปหลบข้างหลังชูเฟิง
ในตอนนั้นคนของวิหารลี้ลับ ไม่เห็นชูเฟิงและคนอื่นๆ พกเขาเห็นเพียงชายที่นอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่ร้องด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น “ฮ่าๆ พวกเจ้าทั้ง 2 ทำไมมานอนเล่นในที่แบบนี้กัน”
เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ถามขึ้น แต่พวกเขานั้นไม่ได้ไปช่วยรักษาบาดแผลให้กับ ทั้ง 2 แต่กับยิ้มด้วยความโหดเหี้ยม ในตอนนั้นพวกเขากำลังสนุกไปกับท่าทางที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของทั้ง 2 เห็นได้ชัดว่าคนจากวิหารโลหิตลี้ลับนี้ล้วนเป็นคนที่อำมหิตราวกับ วิหารนั้นเป็นที่รวมเหล่าอสูร “โย่ว ใครหรือที่ทำเช่นนี้ได้”
ในตอนนั้นก็มีเสียงสตรีดังขึ้น ในตอนนั้น คนอื่นๆก็แยกตัวให้สตรีนางนี้เดินมา นางนั้นพูดขึ้นราวกับได้เห็นการแสดงที่สนุกสนาน จากที่ดูแล้วนางนั้นเป็นสตรีวัยกลางคน และมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยการตบแต่ง ใบหน้าของนางนั้นโดนแต่งจนคล้ายกับภูติผี
รูปลักษณ์ของนางนั้นน่าเกลียดยิ่งนัก นางนั้นให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายอันชั่วร้ายตั้งแต่หัวจรดเท้า อาจพูดได้ว่ามือนางนั้นเปื้อนเลือดของผู้คนมานับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดนั้นคือสร้อยที่คอของนาง มันเป็นสร้อยคอที่ย้อมไปด้วยเลือด และเหตุผลที่มันเต็มไปด้วยเลือดเพราะมันเป็นสร้อยคอที่ประดับด้วยตาของมนุษย์
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
C : เอ้า เอ้า สองมือขวักกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา ใครแทงข้าง วิหารโลหิต อั้วรับไม่อั้น!!!
A : จะมีใครบ้า ไปเล่นกับมืง!!!
B : เอออ่ะดิ ปล่อยแม่งบ้าไปคนเดียวเหอะ เราไปอ่านต่อกันดีกว่า จะได้มีอะไรมาสปอย
A : คืนนี้จัดไปสัก 1200 เอาให้ตาเปียกไปเลย!!