ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1013 – ข้าคือคนที่จะทำลายพวกเจ้า
“ฮ่าฮ่า ท่านชักโอหังยิ่งนัก น้องชายชูเฟิงเจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรกัน “ในตอนนั้น จ้าว เฉาฉิ่ว พูดขึ้นมาตัดบทของ ลั่ว เหลียน คำพูดของเขานั้นแสดงออกถึงคการดูถูก “ก่อนหน้านี้ เจ้าเองก็เข้าไปกร่างใส่เขาไม่ใช่หรือ”
ชูเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้น “เจ้า…”
เมื่อได้ยินชูเฟิงพูดนั้น เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก รอยยิ้มของเขานั้นหายไปทันที แทนที่ด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวราวกับได้ดมกลิ่นถุงเท้าที่เหม็นเน่า
นั่นเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เขานั้นไม่แม้แต่จะเข้าไปพูดเหมือนที่ชูเฟิงบอก เขานั้นไม่แม้แต่จะกล้าเปิดปากเลยสักนิดเดียว “เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหน ที่ถึงพูดเช่นนี้ได้ เจ้าควรรู้ว่าพวกมันนั้นเป็นปีศาจที่กระหายความรุ่นแรง และต่ำช้า””มันเป็นเพราะพวกมันไม่อยู่ที่นี่เจ้าจึงพูดได้ ถ้าพวกมันนั้นอยู่ต่อหน้าเจ้าเจ้าก็กลัวจนไม่กล้ายืนกร่างเช่นนี้หรอก”
ลู่ว เหลียนพูดขึ้น นางนั้นด่าทอชูเฟิงด้วยความโกรธ
ความอดทนของชูเฟิงนั้นมีจำกัด เขาไม่อยากทำร้ายลั่ว เหลียนเพราะนางเป็นสตรี และ เขายังไว้หน้าชายชราคนนี้อีกด้วย แต่เมื่อเห็นท่าทางของนางนั้น ชูเฟิงนั้นก็ขี้เกียจเถียงด้วย
อย่างไรก็ก็ตามชูเฟิงก็ไม่พูดต่อเพราะไม่ได้ต้องการแตกหักกับ ลู่ว เหลียน นั่นเป็นเพราะ เขานั้นรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง แม้ว่าลางสังหรณ์ของเขาจะบอกว่ามันไม่เป็นเรื่องดีแต่สำหรับเขามันอาจเป็นเรื่องดี “ฮึ่ม เจ้าไม่พูดอะไรหรือ เจ้านั้นไม่ใช่แค่ขยะจากทะเลใต้ แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องของแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ด้วย.””ข้าจะคอยดูสิ่งที่เจ้าทำกับน้องสาว ลู่ว รู่ ของข้า ถ้าเจ้าทำไม่ดีกับนาง ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้อยู่ดี”
เมื่อเห็นชูเฟิงไม่พูด นางก็พูดขึ้น “ตูมม~~~~~”
แต่ว่าในตอนนั้น ลมพายุก็พัดเข้ามาที่เมืองไหมทองอรุณ พร้อมกับพลังที่รุนแรงที่พร้อมจะบดทุกสิ่งที่มันผผ่าน “อุหวา.”
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่รุนแรงนี้ นางก็เสียสมดุลและล้มลงไป แม้แต่จ้าว เฉาฉิ่ว ก็ล้มลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของชูเฟิงนั้นรวดเร็วมาก เขารีบไปประคองปู่ลู่ว ก่อนที่เขาจะล้มลง ปู่ลั่วนั้นรู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อเขามองชูเฟิง เขาก็คิดว่าเด็กคนนี้นั้นไม่ธรรมดา.
ในตอนนั้น ปู่ลู่ว นั้นปลอดภัย เขาที่เสียการบ่มเพาะไปนั้นไม่สามารถต้านทานพลังนั่นได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามไม่มีใครนั้นสนใจปู่เท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะ ลู่ว เหลียน และ จ้าว เฉาฉิ่ว ต่างมองขึ้นไปยังท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว
จากทางที่พลังนั้นกระแทกเข้ามา ร่างของคน สอง คน ก็บินมาเช่นกัน พวกเขานั้นเลือกลงที่สนามหน้าบ้าน
ทั้ง 2 นั้นต่างก็เป็นบุรุษเพศ ทั้งคู่มีพลังในระดับ 1 เจ้าสงคราม พวกเขาสวมเสื้อดำและมีลายแปลกๆวาดอยู่บนหน้า ทำให้ดูเป็นราวกับภูตผี นอกจากนี้พวกเขานั้นมีรอยยิ้มที่น่าเกลียดมาก และกำลังเดินเข้ามาข้างในบ้านจากสนาม “ฮี่ฮี่ฮี่ แม่สาวน้อย เมื่อกี๊เจ้าอาจจะหนีจากศิษย์น้องของพวกเรามาได้ แต่ครั้งนี้เจ้าหนีไม่ได้แน่นอน”
ทั้ง 2 นั้นเดินเข้ามาแล้วพุ่งเป้าไปที่ ลู่ว เหลียน เห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 นั้นเป็นคนของ วิหาร โลหิตลี้ลับ “เจ้าจะทำอะไรของเจ้าน่ะ”
ลู่ว เหลียน หวาดกลัวมาก นางไม่อยากให้สิ่งที่นางคิดนั้นเป็นความจริง เพราะคนของวิหารโลหิตลี้ลับนั้นอำมหิตมาก แม้แต่สตรีพวกเขาก็ไม่ไว้จัดการหักแขนหักขาและทรมานจนตายเพื่อความสนุกของพวกเขา “พวกเราไม่ได้ทำอะไรหรอก พวกเราแค่อยากสนุกไปกับเจ้าแค่นั้นแหละ”
1 ใน 2 คนนั้นหัวเราะขึ้น อย่างไรก็ตามคำตอบที่เขาบอกลู่ว เหลียนนั้นทำให้นาง ตกใจมาก “ไม่นะ พี่ชาย เฉาฉิ่ว ช่วยพาข้าหนีที เร็วเข้า”
ในตอนนั้น ลู่ว เหลียนหวาดกลัวมากนางรีบวิ่งเข้าไปหา จ้าว เฉาฉิ่ว ทันที “อืม ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะดีไม่น้อยสินะ”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายทั้ง2 ก็พูดขึ้นด้วยแววตาชั่วร้าย “ไม่ ข้านั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง อย่างไรก็ตาม พวกเรานั้นไม่ได้รู้จักกัน”
เมื่อเห็นสายตาของชายทั้ง 2 จ้าว เฉาฉิ่ว ก็กลัวจนฉี่ราด (T/N ราดจริงๆมันเขียนมา ) เขานั้นสะบัดแขนเหวี่ยงนางออกไปแล้วพูดขึ้น “เฉาฉิ่ว เจ้า!!!”
ลู่ว เหลียนนั้นพูดขึ้น เมื่อโดนเหวี่ยงออกมา นางนั้นรู้สึกเกรงกลัวอย่างมาก และไม่เคยคิดว่าจ้าว เฉาฉิ่วจะทำกับนางเช่นนี้ “ฮ่าๆ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าอยากจะรอดต้องช่วยอะไรพวกเราเสียหน่อย”
1 ในนั้นพูดขึ้น “อะไรหรือ มีอะไรหรือ”
จ้าว ฉิวฉุ่ย พูดขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากลัวคนจาก วิหารโลหิตลี้ลับอย่างมาก “เปลื้องผ้านางซะ แล้วให้พวกเราเพลิดเพลินไปกับนาง”
ชายคนนั้นยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วแต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ลู่ว เหลียน ระหว่างชีวิตของเขา กับ คนรัก เขานั้นเลือกชีวิตของเขาโดยไม่ลังเล “จ้าว เฉาฉิ่ว เจ้าจะทำอะไร เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ บัดซบ ข้านั้นมองเจ้าผิดไปจริงๆ”
ในตอนนั้น ลู่ว เหลียนตะโกนด่าด้วยความโกรธ
สำหรับ จ้าว เฉาฉิ่ว เขานั้นเพิกเฉยนางไปเรียบร้อยแล้ว เขานั้นใช้พลังล้อมกรอบนางไว้ ทำให้นางไม่สามารถหนีได้ และเขาก็ย่อตัวลงและฉีกเสื้อผ้าของนางทันที “โย่ว บนหน้านี่คือลายแทงที่ได้มาจากวิหารลี้ลับอย่างนั้นหรือ มันดูแย่กว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลย”
ชูเฟิง พูดขึ้น “เจ้าเป็นใคร”
เมื่อได้ยินชูเฟิงพูด ทั้ง 2 นั้นก็มองไปที่เขาแล้วพูดถามขึ้น “โอ้ว พวกเจ้าอยากรู้งั้นหรือ มานี่ มานี่ มาใกล้ๆ ข้านี่ เดี๋ยวข้าจะบอกให้ว่าข้าเป็นใคร”
ชูเฟิงยิ้มแล้วพูดขึ้นพร้อมยกมือกวักเรียกทั้งคู่เข้ามา “เจ้าเด็กเหลือขอนี่มาจากไหนกัน ดูเหมือนเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าชูเฟิงกล้ายั่วยุพวกตน ทั้ง 2 ก็โกรธมาก จึงรีบใช้พลังพุ่งเข้าใส่ชูเฟิง “กรี๊ดดดด~~~~~”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่ว เหลียน ก็หลับตาลง นางนั้นไม่กล้ามองต่อ เพียงแต่ได้ยินเสียงเท่านั้น นั่นเป็นเสียงร้องของคน แต่ไม่ใช่ของชูเฟิง เป็นเสียงร้องของชายทั้ง 2 จากวิหารโลหิตลี้ลับนั้นเอง
ในตอนนี้นั้น นางก็ค่อยๆลืมตาขึ้น คนแรกที่เห็นนั้นไม่ใช่ชูเฟิง แต่เป็นเจ้า เฉาฉิ่ว นั่นเป็นเพราะ จ้าว เฉาฉิ่ว นั้นอยู่ใกล้นางที่สุด
ในตอนนั้น จ้าว เฉาฉิ่วเลิกเปลื้องผ้านางแล้ว เขานั้นมองไปด้านหลัง ลู่ว เหลียน และพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “สวรรค์ นี่มัน…”
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่ว เหลียน ก็รีบหันหัวมาดูเช่นกัน ภาพที่นางนั้นทำให้นางตกใจอย่างมาก
ในตอนนั้น มีชาย 2 คนกำลังนอนอยู่บนพื้นใกล้ๆกับนาง แขนและขาของทั้ง 2 นั้นถูกดึงออก จนเห็นกระดูก ในตอนนั้น ทั้ง2 นอนอยู่บนพื้นพร้อมเลือดที่ไหลนอง เห้นได้ชัดว่า ทั้ง 2 นั้นคือคนของวิหารโลหิตลี้ลับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางมองไปที่ชูเฟิง เขานั้นยืนนิ่ง ท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขายืนอยู่ด้านหน้าของชายทั้ง 2 เท้าของเขาข้างหนึ่งนั้นเหยียบแขนและขาของชายเหล่านี้อยู่ เขามองไปที่ร่างทั้ง 2 นั้นแล้วพูดขึ้นว่า”
จำไว้ข้าคือคนที่จะทำลายพวกเจ้า”
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : สมน้ำหน้า อีดวก!!!
B : จุดจบคนที่เป็นศัตรูพี่เฟิง ไม่มีใครตายดีสักราย กูว่าคนแต่ง คงโรคจิต หรือ เก็บกด เอามากๆ
C : เห็นด้วย!!!