I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1058 – ความระยำระดับเทพ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1058 – ความระยำระดับเทพ

 

ท่าทางการแสดงออกทางสีหน้าของผู้จัดการอาวุโสทั้งสอง แม้ว่าจะดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ลึกๆข้างในพวกเขาคงจะเดือดไม่น้อย

 

ในช่วงเวลานั้น ผู้คนที่ล้นหลามต่างพากันเงียบสนิท ไม่มีแต่เสียงใดๆดังผ่านเข้ามา ขนาดเหล่าสัตว์มหึมาก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจ

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ กึ่งจักรพรรดิสงครามทั้งหมด แต่ ฉีคง ไจ้ชิง เทียบไม่ได้ กับจุดแข็งของพวกเขา ที่มาจาก วิหาร หมู่ดาวนักล่า “ข้าน้อย ประมุขปราการอสรพิษดำ ขอคารวะท่านอาวุโสแห่งวิหารหมู่ดาวฯ”

 

เห็นเรือรบของวิหารหมู่ดาวนักล่า ประมุขปราการอสรพิษดำ ก็เหมือนได้พบกับ พระโพธิสัตว์มาโปรด ให้รอดจากหายนะ เขารีบกระโจนตรงไปยังเรือรบวิหารหมู่ดาว พร้อมกับคุกเข่าแสดงความเคารพผู้จัดการอาวุโส

 

จากหลังนั้น พวกอาวุโสระดับสูงของปราการอสรพิษดำ และ ประมุข นิกายทรงปัญญา ตามด้วยกลุ่มผู้นำและอาวุโสระดับสูงของขุมอำนาจอันดับ 3 ก็พากันคุกเข่าคารวะไปยังทิศทางเรือรบ

 

นอกจากนี้หลายขุมอำนาจภายใต้เงา หุบเขาไม้คราม ที่ไม่อยากจะให้พวกตนเกิดความขัดแย้งกับปราการอสรพิษดำ และ หุบเขาไม้ครามตอนใต้ ที่เข้าไปแฝงตัวในฝูงชนก่อนหน้านี้ ก็เดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับคุกเข่าไปยังเรือรบ

 

แม้แต่ประมุขตำหนักเมฆาอัสนีบาต ก็ยังรีบนำอาวุโสระดับสูงและบรรดาศิษย์ ที่อยู่บนเรือรบของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ ไปคารวะยังเบื้องหน้าเรือรบของวิหารหมู่ดาวนักล่า

 

ในช่วงนั่น คนกว่าหมื่นได้คุกเข่าลงเบื้องหน้าเรือรบของวิหารหมู่ดาวนักล่า เนื่องจากพวกเขาเป็นถึงผู้ที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ ดังนั่น เมื่อเห็นฉากที่คนพากันคุกเข่าเป็นแถว เป็นระเบียบ มันจึงทำให้เกิดเป็นภาพที่แสนอลังการ

 

อย่างไรก้ตาม ยังมีอีกขุมอำนาจสาขาย่อยของหุบเขาไม้คราม ที่ยังคงลังเล นั้นคือ หุบเขาไม้ครามตอนใต้ที่นำโดย ฉีคง ไจ้ชิง สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจจะไม่เข้าไปคารวะวิหารหมู่ดาวนักล่า เนื่องจาก มันเป็นแค่ลำดับที่แบ่งแยกผลงานซึ่งดูจากสถานะที่เป็นสาขาย่อยเหมือนๆกัน จึงไม่จำเป็นต้องไปก้มหัว ให้ แม้จะเป็นขุมอำนาจอันดับ 3 ก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

 

เหตุผลที่คนพวกนั่นเลือกเข้าไปคุกเข่าเบื้องหน้าวิหารหมู่ดาวนักล่า เป็นเพราะความหวาดกลัวของพวกนั่น

 

หากเทียบกับบรรดา ภูติบรรพกาล ที่ไม่เข้ามาเกี่ยวเรื่องภายนอก ซึ่งหากดูจากความแข็งแกร่งพวกเขาถือเป็นขุมพลังที่น่ากลัวที่สุด ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ในแถบ หุบเขาไม้ครามตะวันตก และตอนเหนือ นี้จึงทำให้ วิหารหมู่ดาวนักล่าที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ดูมีอำนาจ

 

ดังคำว่าไว้ ‘ เมื่ออยู่ใต้ชายคา จำเป็นต้องลดศักดิ์ศรี ‘ นี้ก็เพื่อให้คงความสัมพันธ์อันดีกับวิหารหมู่ดาวนักล่า อย่างน้อยที่สุด พวกขุมอำนาจที่ขี้ขลาดจำนวนมาก เลือกที่จะคุกเข่าต่อวิหารหมู่ดาวนักล่า ในยามที่พบพวกเขา เนื่องจากเกรงว่าตนจะไปทำให้วิหารหมู่ดาวนักล่าไม่พอใจ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับการที่ไม่ยอมคุกเข่าให้กับวิหารหมู่ดาวนักล่า เรื่องที่ ฉีคง ไจ้ชิง เป็นกังวลยิ่งกว่า คือสิ่งที่ ประมุขปราการอสรพิษดำ ทำ

 

ประมุขปราการอสรพิษดำเลือกจุดหน้าสุดที่ตรงเข้าไปคุกเข่า ที่เป็นจุดสะดุดตา นำซ้ำเขายังไม่เช็ดคราบเลือดตามร่างออก นอกจากนี้ เขายังจงใจทำให้ตัวเองดูน่าสงสารโดยที่ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ เพื่อต้องการให้เลือดมันไหลออกมาตามบาดแผลจำนวนมาก เพื่อให้ตัวเองดูน่าเวทนาที่สุด

 

จุดประสงค์ของเขา แน่นอนว่าต้องการ เรียกร้องความเป็นธรรม เพื่อให้ผู้จัดการอาวุโสของวิหารหมู่ดาวนักล่า เกิดความเห็นใจ และเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์ เพื่อเขาจะได้ฟ้องสิ่งที่ ฉีคง ไจ้ชิง ได้กระทำ “ประมุขปราการอสรพิษดำ ทำไมเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้ ?!”

 

ในตอนนั้น หนึ่งในผู้จัดการอาวุโส ก็เปิดปากขึ้นถามเขา “เรียนท่าน อาวุโส ก่อนหน้านี้ ข้าได้เห็นท่านอาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้มาถึง ดังนั่น ข้าจึงเข้าไปทักทายตามมารยาท แต่ใครจะคิดว่าศิษย์ของเขาจะกล้าพูดจาดูถูกข้า ข้าจึงเกิดการโต้เถียงกับเขา แต่แล้วจู่ๆอาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ปี่เข้ามาทำร้ายข้า ไม่เพียงแต่เขาจะทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ เขายังทำให้ข้าต้องอับอาย รวมไปถึงคนของปราการอสรพิษดำและอาจารย์ใหญ่จากสาขาย่อยต่างๆ โดยให้เราคุกเข่ายอมรับความผิด”

 

ประมุขปราการอสรพิษดำ ทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ พร้อมกับแต่งเรื่องโกหกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น นำซ้ำยังใส่ร้าย ฉีคง ไจ้ชิง อย่างหน้าด้านๆ

 

“สิ่งที่ท่านประมุข ปราการอสรพิษดำ กล่าวมาเป็นเรื่องจริง ท่านอาวุโส ได้ให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย”

 

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่การกระทำที่ไร้ยางอายของประมุข ปราการอสรพิษดำ แม้แต่คนที่ คุกเข่าอ้อนวอนต่อ ฉีคง ไจ้ชิง ก็ยังร่วมมือเห็นดีเห็นงามไปกับคำโกหกนั่น โดยพยักหน้าแสดงท่าทางราวกับสิ่งที่ประมุขปราการอสรพิษดำพูด เป็นเรื่องจริง

 

เมื่อได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้น สองผู้จัดการอาวุโสและคนอื่นๆ บนเรือรบวิหารหมู่ดาวนักล่า ก็ทอดสายตาไปที่ ฉีคง ไจ้ชิง

 

เดิมที พวกเขาดูสงบ แต่บัดนี้ สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาพบออร่าบนร่างของ ฉีคง ไจ้ชิง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะท่าทางของผู้จัดการอาวุโสทั้งสอง

 

ผู้จัดการอาวุโสทั้งสองมองหน้ากันและกัน หลังจากนั่น กุมมือขึ้นยกต่อฉีคง ไจ้ชิงและกล่าว”

 

ยินดีด้วย ท่านอาจารย์ใหญ่ ฉีคง ที่เข้าสู่ระดับ กึ่งจักรพรรดิ”

 

เสียงของพวกเขาฟังดูเงียบสงบ มันไม่มีความเคารพหรือการดูถูกใดๆ มันเป็นแค่การทักทายที่แสนจะธรรมดา “พวกท่านยังสุภาพเหมือนเดิม”

 

ฉีคง ไจ้ชิง กำมือขึ้นพร้อมกับกล่าวทักทายกลับอย่างสุภาพ “ท่านอาจารย์ใหญ่ ฉีคง ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มาจากพรรคเดียวกัน แต่เราก็ถือเป็นสหายร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ทราบว่าทำไมท่านมีความแค้นเคืองใดๆกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่นๆ ?! หากไม่ลำบากท่านพอจะเล่าให้เราฟังได้หรือไม่ และหากเป็นไปได้ ได้โปรดลืมความเกลียดชังในวันนี้ไปเพื่อที่เราจะได้รักษามิตรภาพไว้”

 

หนึ่งในสองผู้จัดการอาวุโสกล่าว

 

ผู้จัดการอาวุโสฉลาดมาก เขารู้ว่าคำพูดของประมุขปราการอสรพิษดำนั่นเชื่อถือไม่ได้ ดังนั่นเขาจึงเอ่ยถามจากปาก ฉีคง ไจ้ชิง โดยตรง ว่าเกิดอะไรขึ้น “ข้าเชื่อว่า พวกท่านทั้งสอง รู้จักข้าดี เรื่องที่เกิดขึ้น เกิดเนื่องจากประมุขปราการอสรพิษดำนั่นพูดจาสร้างความอับอายให้ข้าครั้งแล้ว ครั้งแล้ว หากไม่เช่นนั่นศิษย์ข้า ก็คงไม่กล้าพูดจาดูถูกเขา””ไม่ว่าเขาจะทำผิดอะไร แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กรุ่นใหม่ อาจจะพูดจาล่วงเกินประมุขอสรพิษดำไปบ้าง แต่ยังไงก็ตาม ประมุขอสรพิษดำกับลืมเรื่องสถานะของตน คิดจะเข้ามาสังหารศิษย์ข้า ต่อหน้าต่อตาข้า ข้าที่เป็นถึงอาจารย์ใหญ่ของหุบเขาไม้คราม มีหรือจะทนยืนดูเฉยๆ และนั่นคือเหตุผลที่ข้าหมดความอดทน และเข้าไปโจมตีใส่ประมุขอสรพิษดำ””สำหรับเรื่องที่ ทำไมอาจารย์ใหญ่ท่านอื่นๆนั่นมาคุกเข่า เป็นเพราะข้าเตือนพวกเขาถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดพลาด แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่พวกเขายอมคุกเข่า แต่นั่นเพราะพวกเขายอมรับความผิดพลาดของตน ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ทำตามที่ตัวเองเลือก ซึ่งข้านั่นไม่เคยข่มขู่ใดๆ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงได้ใส่ร้ายข้า””บางทีมันอาจเป็นเพราะ หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของข้าเสื่อมอำนาจ ตกต่ำลงทุกปี ทุกปี จนคนอื่นๆคิดว่า หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของข้าสามารถรังแกได้ง่ายๆ”

 

พูดมาถึงจุดนี้ ฉีคง ไจ้ชิง ได้แต่ถอนหายใจอย่างขมขื่นพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ “ใช่แล้ว อาวุโส ฉีคง พูดความจริง คนผิดคือ ประมุขปราการอสรพิษดำ”

 

ทันใดนั่น ก็มีเสียงคนตะโกนขึ้นมาในบรรดากลุ่มฝูงชน “ใครพูดว่ะ ?! เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ก็อย่าสะเออะพูดพล่อยๆ เจ้ากล้ามายืนยันข้างหน้าไม๊ หากไม่กล้า คำพูดเจ้ามันก็แค่ลมตด !!!”

 

เห็นว่ามีคนพูดเข้าข้าง ฉีคง ไจ้ชิง ประมุขปราการอสรพิษดำก็โมโหอย่างมาก

 

นั้นเป็นเพราะเขารู้ว่า วิหารหมู่ดาวนักล่าไม่ได้โง่ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กับวิหารหมู่ดาวนักล่า แต่หากพวกเขาเป็นคนผิดและผิดแบบเต็มๆประตู คงเป็นไปไม่ได้ที่วิหารหมู่ดาวนักล่า จะเข้าข้างพวกเขา

 

ดังนั้นคนที่ไม่อาจทนดูต่อไปได้ จึงพูดแทน ฉีคง ไจ้ชิง ซึ่งเขาก็เลือกพูดในเวลาที่สำคัญมากๆ “ข้านี่แหละ พูด!!!”

 

น่าประหลาดใจอย่างมากแม้ว่ามันจะเป็นภัยต่อตัวเขา แต่เขาก็เลือกที่จะยืนหยัดก้าวออกมาด้านหน้าเขาเป็นชายรูปร่างกำยำ มีสีเข้ม และการเพาะปลูกของเขาก็นับว่าไม่เลว แม้มันจะไม่สูงแต่ก็ยังอยู่ในระดับ 1 ราชันย์ นั่นสามารถบอกได้ว่าเขานั่น เป็นคนที่ กล้าหาญ และ มีใจที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม

 

พ่อหนุ่มคนนั่น ออกมาพูดเพื่อปกป้อง อาวุโส ฉีคง และสิ่งที่เขาพูดมาก็จริงทั้งหมด แม้แต่ท่ามกลางฝูงชนยังได้รับผลกระทบ ร่างกายร้อนผล่าวเนื่องจากไฟความโกรธได้ซุมขึ้นในจิตใจ เพราะคิดว่า อาวุโสฉีคง ไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

“ใช่แล้ว ใชแล้ว พี่ชายท่านนี้พูดความจริง เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ พวกเราทุกคนก็เห็น ว่าใครถูกใครผิด ซึ่งทุกคนก็ต่างรู้ดี”

 

“ใช่แล้ว ประมุขปราการอสรพิษดำ ในเมื่อทุกอย่างทุกคนก็เห็นอยู่ตำตา แล้วทำไมท่านที่เป็นถึงผู้นำ ถึงได้พยายามทำให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นถูก”

 

ผลกระทบเกิดเป็นคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอก ระลอก หลังจากที่ชายร่างกำยำพูด มหาสมุทรฝูงชนที่อยู่ในความเงียบก็เริ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง มันกับน้ำต้มที่กำลังเดือดสุดๆ หลายคนเริ่มพูดแทนฉีคง ไจ้ชิง และ ด่าทอประมุขปราการอสรพิษดำ ถึงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ

 

เห็นสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่สองผู้จัดการอาวุโสจากวิหารหมู่ดาวนักล่าก็ยังตกใจ เพราะเนื่องจากคนพวกนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับหุบเขาไม้คราม พวกเขาไม่หน้าจะเข้ามายุ่งเรื่องวุ่นวายแบบนี้ แต่พวกเขาเลือกที่ไม่ทำเช่นนั้น

 

นี้หมายความว่า สิ่งที่ประมุขปราการอสรพิษดำทำไว้มันน่ารังเกียจจนทำให้ ผู้คนนั่นเกิดความพิโรธ

 

ดังนั่่น ในตอนนี้ สองผู้จัดการอาวุโสจากวิหารหมู่ดาวนักล่าก็เริ่มทำหน้าขมวด ความโกรธปะทุขึ้นในจิตใจพวกเขา พร้อมกับจ้องไปที่ประมุขปราการอสรพิษดำ พร้อมกับตะหวาดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า”

 

ประมุขปราการอสรพิษดำ เจ้ามีอะไรอยากจะแก้ตัวอีกไม๊ ?!!!”

 

ReaDMGA////////////////////////////////////////A : สมไอฟาย!!!

 

B : ต้องกระทึบหนักๆ หลายร้อยล้านตีน คนละสองข้าง ก็ สองร้อยล้าน หนักเอาเรื่องนะมืง!!!

 

C : คงต้องแต่แถวกันกระทึบอ่ะ ถึงจะได้ครบทุกคน!!!

 

A : ไม่ใช่งานอีเว้นนะมืง ที่จะได้มาต่อแถวเพื่อกระทึบคน!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments