ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1057 – การมาถึงของวิหารหมู่ดาวนักล่า
“สวรรค์นี่มัน. . .”
เห็นประมุข ปราการอสรพิษดำถูกซัดหมอบราบกับพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ถูกฝ่าเท้า ขนาบไว้บนร่าง ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน
เพราะคนที่ทำแบบนั้น คือคนที่ประมุขปราการอสรพิษดำ พึ่งจะทำให้เขาได้รับความอับอาย โดยที่คนผู้นั่นไม่ได้ตอบโต้ใดๆกลับ ซึ่งเขาก็คือ ปรมาจารย์แห่ง หุบเขาไม้ครามตอนใต้ ฉีคง ไจ้ชิง
เรื่องที่สำคัญที่สุด คือกลิ่นอายในปัจจุบันที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของ ฉีคง ไจ้ชิง ที่เปี่ยมร้นไปด้วยพลังที่ทรงพลานุภาพ จนทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะมองจ้องไปที่เขา โดยเฉพาะเหล่าบรรดาผู้ที่ร่วมมือกับ ปราการอสรพิษดำ ฉีกหน้า หุบเขาไม้ครามตอนใต้ คนพวกนั้นได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และ ความหวาดกลัว
ฉีคง ไจ้ชิง ไม่เพียงแต่ใช้เท้าเหยียบไปที่ร่างของ ประมุข ปราการอสรพิษดำ เขายังปล่อยออร่าที่น่าหวาดกลัวออกมา
กลิ่นอายรอบๆตัวเขา ก่อตัวเป็นรูปร่างจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ที่สำคัญแม้แต่อากาศรอบๆยังได้รับผลกระทบ รวมไปถึง คนหลายร้อยล้านที่อยู่บริเวณโดยรอบบริเวณ
แม้ว่าเป็นจะเป็นกลิ่นอายที่บางคนรู้สึกแสนคุ้นเคย แต่มันก็ยังแฝงไปด้วยความพิศวง คนที่รู้ ต่างมองไปที่อากาศแล้วบอกได้ว่า มันคือ ออร่าของจักรพรรดิสงคราม “กึ่งจักรพรรดิสงคราม!!! นี่ ฉีคง ไจ้ชิง ทะลวงเข้าสู่ กึ่งจักรพรรดิสงคราม เข้าใกล้ระดับ 1 จักรพรรดิ แล้วงั้นหรอ!!!””สุดยอด! สุดยอดจริงๆ!!! นี่นะหรอพลังของผู้ที่ผ่านเข้าสู่กึ่งจักรพรรดิสงคราม พลังวิญญาณขนาดนี้สมแล้วที่เป็นถึงผู้นำ หุบเขาไม้ครามตอนใต้ ขุมอำนาจอันดับ 2 ในไม่ช้าพวกเขาจะต้องกลายเป็นขุมกำลังชั้นแนวหน้าอย่างแน่นอน”
ขณะนั้น ผู้คนจากตกอยู่ในความโกลาหล นั้นเป็นเพราะในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ ระดับกึ่งจักรพรรดิ มีเพียงไม่กี่คนที่ได้เข้าไปสัมผัสมัน
ทุกคนต่างก็เกี่ยวข้องกับผู้ที่อยู่ในขั้น จักรพรรดิสงคราม ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทะลวงผ่าน ในหุบเขาไม้ครามสาขาอื่นๆ ที่มีประวัติที่ยาวนาน ต่างก็มีผู้เชี่ยวชาญในระดับ กึ่งจักรพรรดิสงคราม และทุกคนต่างก็ไม่ธรรมดา
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ก็อย่างเช่น หุบเขาไม้ครามที่มีขุมอำนาจอันดับ 2 ภายใต้การปกครองจำนวนหลายร้อย และ ขุมอำนาจอันดับ 3 จำนวนหลายพัน แต่ในบรรดาขุมอำนาจที่ว่ามานั่น มีผู้เชี่ยวชาญกึ่งจักรพรรดิอยู่ไม่ถึง 10 คน และแต่ละคนก็ต่างเป็นคนที่สุดยอด “ข้าอยากรู้ว่า พวกเจ้าที่เป็นถึงผู้นำ และพวกเราก็ต่างเป็นสาขาย่อย ที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของ หุบเขาไม้คราม เหตุใดถึงได้ ลุมฉีกหน้า หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของข้า!!!”
ในตอนนั้น ฉีคง ไจ้ชิง ยกหัวขึ้นและใช้สายตาจ้องมองไปยัง กลุ่มบรรดาอาจารย์ใหญ่ ที่เห็นดีเห็นงามกับประมุขปราการอสรพิษดำสร้างความอัปยศให้แก่เขา “เอ่อ . . . . . .””ท่านปรมาจารย์ ฉีคง มะ . . . มะ . . . มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกเราหรอจะกล้าฉีกหน้า หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของท่าน””ท่านปรมาจารย์ ฉีคง โปรดอย่าได้เข้าใจพวกเราผิด แม้ว่าพวกเราจะเป็นขุมอำนาจสาขาย่อย ภายใต้อำนาจหุบเขาไม้คราม แต่เราก็ยังอยู่ภายใต้เงาของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ พวกเราหรือจะกล้าฉีกหน้าท่าน พวกเราก็แค่มดปลวก ไม่มีคุณสมบัติอะไรจะทำเช่นนั้นได้”
เมื่อกึ่งจักรพรรดิกล่าวพร้อมกับใช้สายตาจดจ้อง ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้นำของขุมอำนาจต่างๆ แม้กระทั่งคนจากนิกายทรงปัญญาและปราการอสรพิษดำ ก็ต่างพากันหวาดกลัวอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ต่างพากันยอมสยบให้กับ ผู้ที่ครอบครองความแข็งแกร่งในระดับ กึ่งจักรพรรดิ ในขณะนั้นพวกเขาต่างไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า ฉีคง ไจ้ชิง “ถุ้ย!!! เข้าใจผิด ในตอนที่ประมุขปราการอสรพิษดำ พูดจาฉีกหน้า หุบเขาไม้ครามตอนใต้ ทำไมพวกเจ้าถึงได้พากันหัวเราะชอบใจ ?! หรือพวกเจ้าคิดว่าข้าโง่ ?!”
ทันใดนั้นแววตาของ ฉีคง ไจ้ชิง ก็เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่มองพวกเขา ในเวลาเดียวกันอำนาจพลังที่ไร้ขีดจำกัดก็ระเบิดพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา พร้อมกับเข้าโอบล้อมร่างกายของเหล่าคนที่หัวเราะชอบใจในก่อนหน้านี้ แรงดันวิญญาณที่ทรงพลังอำนาจนี้ทำให้พื้นรอบๆบริเวณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง “ปรมาจารย์ ฉีคง โปรดเมตตาด้วย โปรดเมตตาด้วย”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงดันในระดับที่เกือบจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญจักรพรรดิสงคราม คนที่ขี้ขลาดจึงทิ้งตัวลงคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับอ้อนวอน เพราะพวกเขากลัวว่า ฉีคง ไจ้ชิง นั่นจะสังหารพวกเขา
เมื่อเห็นบางคนคุกเข่าลงกับพื้น บริเวณรอบๆก็เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ คนจำนวนหลายร้อย หลายพัน ก็ต่างพากันคุกเข่า “เหอะๆ!!!”
เห็นกลุ่มคนที่พากันหัวเราะเยาะเย้ยเขาก่อนหน้านี้ พากันคุกเข่าตรงหน้า และ อ้อนวอน ขอความเมตตา ฉีคง ไจ้ชิง เพียงหัวเราะเบาๆ หลังจากนั้นก็จ้องไปที่ประมุข ปราการอสรพิษดำ ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า พร้อมกับกล่าว”
เจ้าเห็นไม๊ว่าพวกที่สนับสนุนเจ้า ไม่มีอะไรเลย นอกจากความขี้ขลาด”
หลังจากที่พูดจบประโยคนั้น ฉีคง ไจ้ชิง ก็ง้างขาเตะจนเกิดเสียงดัง”
ปุ๊กกก”
พร้อมกับเสียงร้องโอดครวญ ของประมุข ปราการอสรพิษดำ ที่ร่างกำลังกระเด็นตกจากเรือของเขา “ปึ้งงงงงงง”
ประมุข ปราการอสรพิษดำ กระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง เนื่องจากไม่มีใคร กล้าก้าวขาออกไปรับร่างของเขา เพราะบรรดาเหล่าผู้จัดการอาวุโสของปราการอสรพิษดำ กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น โดยไม่กล้าที่จะโงหัวขึ้นมา
ดังนั่น ร่างกายของประมุขปราการอสรพิษ จึงมีสภาพที่แสนน่าเวทนา เดิมเขาคิดจะทำให้คนอื่นต้องขายหน้า แต่นี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้สร้างความอับอายให้คนผู้นั่น ตัวเขาเองยังได้รับความอับอายเสียเอง เนื่องจาก ฉีคง ไจ้ชิง ได้ตีเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ซึ่งมันทำให้เขาได้รับความอับอายเสียยิ่งกว่าคำพูดเสียดแทง “ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง”
ในขณะนั้น จู่ๆก็เกิดเสียงดังสนั่น มาจากทะเลหมอกที่ไร้จุดสิ้นสุด เวลาเดียวกัน ในทะเลหมอกก็เริ่มปรากฏเงาดำๆ ขนาดใหญ่ ท้ายสุดมันก็ลอยลงมาจากเบื้องบน และปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าผู้คน
มันเป็นเรือรบลอยฟ้า แม้ว่าจะเป็นเรือแต่ขนาดมันก็ใหญ่มหึมา ที่สำคัญ คือด้านบนของเรือรบลำนั่นยังมีธงที่ปลิวไสว ตรงผืนธงมันสลักคำสองคำใหญ่ๆว่า วิหาร – หมู่ดาวนักล่า [ T/N เดิมมันชื่อ วิหาร กลุ่มดาวนายพราน มันฟังดูตรงตัวไป เลยขอใช้ วิหาร หมู่ดาวนักล่า ] “คนของ วิหาร – หมู่ดาวนักล่า มาถึงแล้ว!!!”
หลังจากที่เห็นเรือรบของ วิหารหมู่ดาวนักล่า เลือดภายในหัวใจพวกเขาก็เริ่มฉูบฉีด พร้อมการแสดงออกบนใบหน้าที่แสนจะซับซ้อน
ตอนนี้ คนของ ปราการอสรพิษดำและฝ่ายสัมพันธมิตรที่พากันคุกเข่า ก็กระเด้งตัวขึ้น นอกจากนี้บนใบหน้าของพวกเขายังเปี่ยมไปด้วยความสุข นั้นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่า คนที่จะช่วยให้พวกเขารอดได้มาถึงแล้ว
ถ้าคนอื่นรู้เรื่องที่ ปราการอสรพิษดำมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับ วิหาร หมู่ดาวนักล่า เรื่องที่ขุมอำนาจอื่นๆที่คิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ ก็จะรู้ว่า พวกเขานั่นไม่ได้กุเรื่อง
ปราการอสรพิษดำ จริงๆแล้วได้รับการสนับสนุนจากวิหารกลุ่มดาวนักล่า โดยที่ปราการอสรพิษดำต้องอยู่ภายใต้อานัติพวกเขา แล้วพวกเขาจะได้ดิบได้ดี
เมื่อเทียบกับคนจากปราการอสรพิษดำ ท่าทางของคนจากหุบเขาไม้ครามตอนใต้และตำหนักเมฆาอัสนีบาต ต่างพากันตึงเครียด พร้อมเกิดความกระสับกระส่าย ซึ่งปราการอสรพิษดำ นั่น ไม่อาจเทียบกับ วิหารหมู่ดาวนักล่า ได้แม้แต่น้อย พวกเขาเป็นขุมอำนาจอันดับ 1 พวกเขาไม่ได้มีแค่กึ่งจักรพรรดิเพียงแค่คนเดียว แต่ยังมีมากกว่านั่น
และในที่สุด เรือรบของวิหารหมู่ดาวนักล่า ก็ล่อนลงจอด ในตอนนั่นทุกคนต่างก็เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่เพียงแต่เรือรบที่จะมีขนาดใหญ่ ภายในนั่นยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
โดยในกลุ่มคนเหล่านั่น มีเพียงอาวุโสที่คุ้มกันเรือรบเพียงไม่กี่คน แต่จำนวนผู้ที่สวมเครื่องแบบสาวกนั่นมีมากกว่า 3000 คน ซึ่งหมายความว่าจำนวนสาวกของวิหารหมู่ดาวนักล่า ที่เข้ามาบ่มเพาะที่สระนิรันดร์บรรพกาล ในครั้งนี้มีถึง 3000 คน
เมื่อเทียบกัน ศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้มีเพียง 20 คน กับอีกสามสิบกว่าคนจากตำหนักเมฆาอัสนีบาต ซึ่งทาง ปราการอสรพิษดำ ก็มีศิษย์เข้าร่วม 20 กว่าคน และ อีก 20 กว่าคนจาก นิกายทรงปัญญา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจำนวนตัวเลขมันต่างกันมหาศาล
ที่สำคัญที่สุด คือในบรรดาสาวกจำนวนกว่า 3000 ของวิหารหมู่ดาวนักล่า อาจบอกได้ว่าอยู่ในระดับสูง ไม่เพียงแต่อายุพวกเขาจะยังไม่ถึง 30 ปี การเพาะปลูกของพวกเขาก็จัดว่าไม่ธรรมดา เกือบทั้ง 3000 คนอยู่ในจุดสูงสุดขั้นจ้าวสงคราม และอีกร้อยคนเป็นผู้เชี่ยวชาญราชันย์สงคราม นอกจากนี้ยังมีสาวกอีก 2 คน ที่อยู่ในระดับ 2 ราชันย์สงคราม
นี้คือช่องว่างระหว่างขุมอำนาจอันดับ 1 และ อันดับ 2 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นขุมอำนาจสาขาย่อย แต่ขุมอำนาจอันดับ 1 คือผู้ที่ส่งสาวกชั้นยอดให้กับ หุบเขาไม้คราม ได้ในทุกๆปี
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะพวกเขาอาจมีพื้นหลังทีเหนือกว่า และ มีความได้เปรียบด้านสถานะที่นำไปสู่การได้มาซึ่งสาวกที่โดดเด่น และหนุ่มสาวเหล่านั่นก็ต่างยินดีที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเขา สามารถมอบสาวกที่โดดเด่นจำนวนมาก ไปยังหุบเขาไม้ครามได้ในทุกๆปี
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน จุดที่คนให้ความสนใจมากที่สุดไม่ได้เป็นเหล่าสาวก แต่เป็นชายชราผมยาว หน้าเหี่ยว สองคน ที่ยืนอยู่ด้านบนของเรือรบ
ฉีคง ไจ้ชิง สัมผัสได้ว่า ชายชราสองคนนั้น คือคนที่ครอบครองพลังวิญญาณในระดับ กึ่งจักรพรรดิ แต่พวกเขาหาใช่ประมุขวิหารหมู่ดาวนักล่าไม่ พวกเขาเป็นเพียงผู้จัดการอาวุโสของวิหารหมู่ดาวนักล่า นอกจากนี้ทั้งสองคนต่างก็มีชื่อเสียงที่เหนือกว่า ฉีคง ไจ้ชิง
ReaDMGA////////////////////////////////////////A : กูให้ทั้ง 3000 คน ลุมพี่เฟิงกูคนเดียวเลย!!!
C : ไอสาด โหดจังว่ะ!!! ที่มืงไปท้ามัน นี่ถามความเห็นเจ้าตัวหรือยัง ?!
A : ไม่รู้แหละ แต่ที่รู้ๆ มีมวยแน่ๆ!!!
B : คู่ เอกคงเป็น บัวดำ VS หลวงจีน อี้หลงทาง เช่นเคย
C : บัวขาว กับ หลวงจีน อี้หลง เฉยๆหรือเปล่า ?! ไปเรียกเค้าบัวดำ เด๋วก็หลับกลางอากาศหรอก!!!