I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1059 – การปรากฏตัวของอัจฉริยะ

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1059 – การปรากฏตัวของอัจฉริยะ

 

“ผู้อาวุโส ที่พวกเขาล้วนพูดไม่เป็นความจริง ท่านต้องเชื่อข้า”ในตอนนั้นประมุขปราการอสรพิษดำ ตื่นตระหนกอย่างมากทุกคนต่างจ้องไปที่เขา แม้จะรู้ว่าเขานั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับ วิหารหมู่ดาวนักล่า แต่อีกฝ่ายนั้นไม่ได้ปกป้องเขา และ ต้องปล่อยเขาต้องโดนลงโทษแน่นอน “ประมุขปราการเอ๋ย เจ้านั้นได้ทำเรื่องที่เสื่อมเสียยิ่งนัก ท่านนั้นไม่สมควรจะได้รับนามว่าเป็นสำนักย่อยระดับ 2 แห่งหุบเขาไม้คราม.””ในปีนี้ ช่วงรับศิษย์ของหุบเขาไม้คราม ข้าจะขอให้พวกเขาปลด พวกท่านออกจากสำนักย่อยของพวกเขา เพื่อไม่ให้ท่านสร้างความเสื่อมเสีย ให้หุบเขาไม้ครามอีกในอนาคต”

 

1 ในผู้อาวุโสฝ่ายจัดการพูดขึ้น “ท่านผู้อาวุโส โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว โปรดให้โอกาสข้าได้กลับตัวกลับใจเถิด”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นประมุขปราการอสรพิษดำ ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เขารู้ดีว่า 2 ผู้อาวุโสนี้จะต้องลงโทษเขา แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้

 

สำนักย่อยระดับ 2 นั้นถือว่าเป็นสถานะที่สูงในหุบเขาไม้คราม และตัวเขาที่มีสถานะเช่นนี้นั้น เท่ากับว่าเขาเป็นสมาชิกของหุบเขาไม้คราม จึงทำให้มีคนมากมายไม่กล้าโจมตีเขา

 

นอกจากนี้ เหล่าผู้ฝึกตนที่โดดเด่นจากรุ่นเยาว์ที่ต้องการเข้าร่วมกับหุบเขาไม้ครามไม้ครามนั้น ต้องผ่านสาขาย่อยเสียก่อน ก่อนจะได้ถูกเสนอให้กับหุบเขาไม้คราม

 

ถ้าเขาเสียสถานะตรงนี้ไป มันจะทำให้สำนักของเขานั้นเสียหายอย่างมาก รวมทั้งอนาคตที่ได้นั้นจะมืดมนในทันที “บัดซบ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก ข้ากลัวว่าตาข้าจะบอดเพราะเห็นสิ่งสกปรก”

 

ทันใดนั้นผู้อาวุโสก็สะบัดแขนของตน และก่อให้เกิดแรงลมขึ้น

 

เมื่อเผชิญกับแรงลมนั้น ประมุขผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ปราการอสรพิษดำ นั้นถูกพัดไปราวกับหุ่นไล่กา พวกเขาร้องลั่นไปปทั่วท้องฟ้า และลอยออกไปกว่าร้อยไมล์

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น มีหลายคนที่ประสานมือคารวะทันที พวกเขารู้สึกว่าพวกวิหารหมู่ดาวนักล่านั้นเด็ดขาดอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตามแววตาของซือคง จ้ายฉิงหรี่ลง เขาไม่คิดว่าพวกวิหารหมู่ดาวนักล่าจะทำเช่นนี้

 

แม้ว่าผิวเผยนั้นจะเป็นการแบ่งระดับชั้นของสำนักย่อย และ วิหารหมู่ดาวนักล่านั้นอยู่ระดับ 1 แต่ถ้าพูดอีกอย่างคือ พวกเขาสามารถถอดปราการอสรพิษดำออกจากสาขาย่อยได้จริงๆ

 

แม้ว่า สำนักเช่น ปราการอสรพิษดำถือว่าใหญ่มาก ในเครือของหุบเขาไม้คราม แต่ว่า วิหารหมู่ดาวนักล่านั้นต่างออกไป

 

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทุกคนเห็นได้ว่าเป็นฝีมือของวิหารหมู่ดาวนักล่า และความสัมพันธ์ระหว่างวิหารหมู่ดาวนักล่าและหุบเขาไม้ครามใต้นั้นไม่ได้ดีนัก ดังนั้นวิหารหมู่ดาวนักล่าเหมือนกับจะบอกอะไรถึง ฉีคง ไจ้ชิง ถึงกระทำในวันนี้ “ข้าหวังว่า ทุกคนจะได้รู้บทเรียนของตัวเองที่กระทำเอาไว้”หลังจากส่งคนของปราการอสรพิษดำลอยออกไป ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการของวิหารหมู่ดาวนักล่าก็พูดขึ้น

 

แม้มันจะเป็นคำพูดที่ไม่มีอะไรมาก แต่ก็ทำให้คนที่เข้าร่วมกับปราการอสรพิษดำ หน้าเขียวทันที พวกเขาต่างตื่นตระหนกและตะโกนเสียงดังว่า”

 

พวกเรารับรู้แล้วและจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของหุบเขาไม้ครามต้องเสื่อมเสีย””อืม ดีมากลุกขึ้นได้ พวกเรานั้นมาจากที่เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า”

 

ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการพูดขึ้น จึงทำให้คนที่คุกเข่าอยู่นั้นกล้าลุกขึ้น “ประมุข ฉีคง ข้าอยากรู้นักว่าใครกันที่เป็นคนกล่าวดูถูก ประมุขปราการอสรพิษดำ”

 

ในตอนนั้นผู้อาวุโสฝ่ายจัดการของวิหารหมู่ดาวนักล่าก็พูดขึ้นพร้อมมองมาที่เรือบินของหุบเขาไม้ครามใต้

 

ในตอนนั้น ฉีคง ไจ้ชิง ก็ขมวดคิ้วแน่น ใจเขานั้นสั่นไหวอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาไม้ไหน เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะลงโทษ ชูเฟิง ที่ชูเฟิงทำเช่นนั้น “ข้าชูเฟิง ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”

 

ในตอนนั้นที่ ฉีคง ไจ้ชิง กำลังลังเล ชูเฟิงก็พูดขึ้น “ชูเฟิง งั้นหรือ ประมุข ฉีคง ศิษย์ของท่านมีความกล้าหาญยิ่ง เขานั้นมีความสามารถที่ดีเยี่ยม ไม่แปลกใจทำไมท่านถึงออกหน้าปกป้องเขา .”

 

ผู้อาวุโสฝ่ายจัดการนั้นมองมาที่ชูเฟิง และโบกมือไปทางเหล่าศิษย์ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า”

 

หยวน ฉิง ,ฉิน กวง เจ้ามาที่นี่และคารวะผู้อาวุโส ฉีคงซะ.”

 

หลังจากเขาพูดจบ ผู้คนต่างมองไปที่เหล่าศิษย์ กว่า 3 พันคนที่อยู่ด้านหลัง

 

ในตอนนั้น ก็มีร่างของชายหนุ่ม 2 คน ปรากฏออกมาท่ามกลางสายตาผู้คน

 

พวกเขาทั้ง 2 นั้นยังเยาว์นัก อายุประมาน 20 ต้นๆ หากเทียบกับชูเฟิงแล้ว พวกเขาอาจจะแก่กว่า 2 ปี แต่ระดับพลังของพวกเขานั้นอยู่ในระดับ 2 ราชันย์สงคราม

 

ไม่เพียงแต่ระดับพลังเท่านั้น กลิ่นอายของพวกเขาก็เช่นกัน ชายคนแรกนั้น สูงเกือบ 4 เมตร (คนบ้าไรเนี่ย) ไม่เพียงเท่านั้นเขายังแข็งแกร่งอีกด้วย รูปร่างของเขานั้นคล้ายกับสัตว์มหึมา เห็นได้ชัดว่าร่างของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยพลัง

 

ส่วนอีกคนนั้น เป็นชายร่างเล็ก กลิ่นอายของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขานั้นเป็นชายเจ้าสำอางที่แต่งตัวหรูหรา ดวงตาของเขานั้นคมกริบอย่างมาก “ข้าน้อยหยวน ฉิง.””ข้าน้อย ฉินกวง.””ขอคารวะท่านประมุข ฉีคง”

 

ในตอนนั้นพวกเขาก็เดินออกมาประสานมือคารวะ ฉีคง ไจ้ชิง

 

แม้ว่าพวกเขาจะเรียก ฉีคง จ้ายฉิงว่าประมุขและแสดงความเคารพ แต่น้ำเสียงของพวกเขานั้นไม่เป็นเช่นนั้น “ศิษย์พี่หญิง หวาง เว่ย พวกเขาเป็นใครหรือ”

 

ชูเฟิงหันไปถาม หวาง เว่ย เมื่อเห็นชายหนุ่ม 2 คนนั้น

 

นั่นเป็นเพราะชายที้ปรากฏขึ้นนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนอย่างมาก “ศิษย์น้องชูเฟิง พวกเขาเป็นอัจฉริยะจากวิหารหมู่ดาวนักล่า เจ้ายักษ์นั่นชื่อ ฉิน กวง ชายเจ้าสำอางคนนั้นชื่อ หยวน ฉิง.””ไม่เพียงพวกเขาจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง แม้แต่ภูมิหลังของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา ฉิน กวงนั้นไม่ใช่มนุษย์ เขาคือสัตว์มหึมาที่เป็นสายเลือดพิเศษ เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ระดับ 3 ราชันย์สงคราม ก็ยากที่จะเอาชนะเขาได้.””และหยวน ฉิงนั้น เขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง แม้แต่ระดับ 3 ราชันย์สงครามก็ไม่อาจสู้เขาได้.””นั่นถือเป็นปกติสำหรับวิหารหมู่ดาวนักล่า สำหรับสำนักย่อยระดับ 1 แล้วทุกๆปี พวกเขานั้นจะส่งอัจฉริยะจำนวนมากไปยังหุบเขาไม้คราม.””อย่างไรก็ตาม สำหรับคนเช่นหยวน ฉิงแล้วพรสวรรค์ของเขานั้นยากที่จะหาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขาโด่งดังอย่างมาก นอกจากนี้ก่อนหน้านี้พวกเขานั้นยังประกาศไว้ว่า จะเข้าไปกระตุ้นเข็มนิรันดร์ให้ได้.””เพราะตั้งแต่ตำนาน ไม่เคยมีมนุษย์หรือสัตว์มหึมาที่เคยกระตุ้นเข็มนิรันดร์ได้มาก่อน ถ้าพวกเขาจะสามารถกระตุ้นมันได้จริง มันย่อมเป็นเกียรติต่อมนุษย์อย่างมาก”

 

หวาง เว่ย พูดขึ้น

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : พี่เฟิง กูต่างหากจะเข้าไปแทงเข็ม!!!

 

B : พูดอย่างกับจะเดินเข้าตำหนัก ไปสักยันต์มหาอุต!!!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments