ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1011 – สามคฤหาสน์ , สี่ตระกูล , เก้ามหาอำนาจ
หลังจากที่ ชูเฟิง นั่งได้ไม่นานนั้น ชายชราก็นำถ้วยซุปมาให้ พร้อมกับเทสุราให้กับเขา และกช่าวถามอย่างสุภาพว่า”
สหาย เจ้าชื่ออะไรหรือ !?””ผู้อาวุโส ข้าน้อยชื่อว่า ชูเฟิง ไม่ทราบว่าข้าสามารถเรียกท่านว่าอะไรได้ !?”
ชูเฟิง กล่าวตอบอย่างสุภาพ “ผู้เฒ่าคนนี้แซ่ ลู่ว สหายน้อย ชูเฟิง จากที่เจ้าเด็ก จ้าว เฉาฉิ่ว บอก ดูเหมือนว่าเจ้ามีเรื่องอยากจะถามข้าเช่นนั้นหรือ !?”
ชายชรากล่าวพร้อมกับยิ้มบาง “ผู้อาวุโส ท่านเคยได้ยินชื่อป่าไผ่ใบไม้ร่วงหรือไม่ !?”
ชูเฟิง กล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา “ป่าไผ่ใบไม้ร่วง !!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของชายชราก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหัวเราะ และกล่าวออกมาว่า”
ป่าไผ่ใบไม้ร่วงเป็นสถานที่ที่งดงามมาก สหายน้อย ชูเฟิง เจ้าอยากจะไปที่นั่นหรือ !?””ถูกต้อง !!”
ชูเฟิง พยักหน้ารับ “อ่า ถ้าเจ้าจะไปที่นั่น เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก่อนว่ามันไกลมาก เดี๋ยวข้านะเตรียมแผนที่ให้”
หลังจากกล่าวออกมาเช่นนี้ ชายชราก็เริ่มวาดแผนที่ในทันที แผนที่ของเขานั้นละเอียดอย่างมาก อีกทั้งเขายังใช้เวลาวาดนานอย่างมากก่อนที่จะส่งให้ ชูเฟิง
หลังจากที่ ชูเฟิง ได้รับแผนที่มานั้น เขาก็ต้องตะลึงอย่างมาก เพราะแผนที่นั้นมีขนาดใหญ่อย่างมาก มันใหญ่เกินกว่าจินตนาการของเขามาก แม้แต่ที่ผู้อื่นได้เห็นยังต้องถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม
และที่สำคัญนั้น ที่ตั้งของป่าไผ่ใบไม้ร่วงนั้นอยู่ห่างออกไปจากตำแหน่งในปัจจุบันของเขาอย่างมาก เมื่อเห็นระทางแล้วนั้น มันทำให้เขาต้องวางแผนเดินทางอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้นั้น ในแผนที่ยังระบุสถานที่ต่างๆ เอาไว้อย่างชัดเจน ตรงกลางนั้นเป็นแผนที่ของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ และรอบนอกยังเป็นทางออกสี่ทาง นั่นคือเส้นทางสวรรค์จาก ทะเลเหนือ , ทะเลใต้ , ทะเลตะวันออก , ทะเลตะวันตก และจุดที่ ชูเฟิง อยู่ในขณะนี้ก็อยู่ใกล้กับเส้นทางสวรรค์ทางทะเลใต้
นี่จึงทำให้ ชูเฟิง เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่าคนจากทะเลตอนใต้ ทั้งๆ ที่เขามาจะทะเลตะวันออก “อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสวานรจะทำอะไรบางอย่างกับเส้นทางสวรรค์ของทะเลตะวันออก จึงทำให้ข้ามาโผล่ที่เส้นทางสวรรค์ทางทะเลใต้ !!””ต้องใช่แน่ !! เพราะข้าใช้เวลาในการเดินทางผ่านเส้นทางสวรรค์นานมาก อีกทั้งข้ายังต้องผ่านอุโมงค์หลายแห่งที่อยู่ในนั้น !!”
ชูเฟิง ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ชั่วครู่ “ผู้อาวุโส ลู่ว ข้าน้อยเพิ่งมาถึงที่นี่ ท่านพอจะแนะนำสถานที่ต่างๆ ของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าน้อยได้รับทราบบ้างได้หรือไม่ !?”ชูเฟิง กล่าวถาม
นี่เป็นเพราะ ชูเฟิง พบว่าแผนที่ที่ชายชรามอบให้เขานั้น มันละเอียดและครอบคลุมอย่างมาก บนแผนที่จะระบุขุมเอานาจต่างๆ เอาไว้ และมีอยู่สองสามบื่อ ที่ถูกเขียนด้วยสีทอง ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
ในแผนที่นั้น ชื่อของนิกายสาปพสุธาก็ถูกเขียนด้วยสีทอง และ ชูเฟิง ก็พบส่ามันห่างจากสถานที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบันมาก และมันก็ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางสวรรค์ทางทะเลตะวันออกอย่างมาก
เมื่อนึกถึงความแค้นของนิกายสาปพสุธา และ ทันไท่ เซว่ แล้วนั้น ชูเฟิง จึงคิดถึงความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่นางออกจากเส้นทางสวรรค์แล้วนางจะไปที่ใด ดังนั้น เขาจึงต้องการรู้รายละเอียดของดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น “แน่นอนว่าดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นแดนสวรรค์ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ และผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นก็มีจำนวนมากในดินแดนนี้ อีกทั้งขุมพลังที่แข็งแกร่งก็มีอยู่มากเช่นเดียวกัน เปรียบได้กับดวงดาวที่ลอยอยู่ในท้องฟ้ายามราตรีก็ไม่ปาน !!””เนื่องจากมีขุมพลังที่แข็งแกร่งอยู่มากในดินแดนนี้ ข้าจึงไม่อาจบอกเจ้าได้ทั้งหมด แต่ข้าจะบอกขุมพลังสำคัญๆ ให้เจ้ารู้ !!””คนทั่วๆ ไปจะเรียกขุมพลังของดินแดนนี้ว่า สามคฤหาสน์ , สี่ตระกูล และ เก้าขุมพลัง !!””สามคฤหาสน์นั้นประกอบด้วย คฤหาสน์สวรรค์ , คฤหาสน์อเวจี และ คฤหาสน์บาดาล !!””สี่ตระกูลประกอบด้วย ตระกูลจักรพรรดิตงฟาง , ตระกูลจักรพรรดิซือเหมิน , ตระกูลจักรพรรดิไป่ถัง และ ตระกูลจักรพรรดิหนานกง !!””เก้าขุมพลังประกอบด้วย หุบเขาไม้คราม , วิหารวารีมรกต , คฤหาสน์พิรุณเพลิง , นิกายสาปพสุธา , เมืองเกราะทอง , เทือกเขาแปดเวิ้งว้าง , นิกายโลกวิญญาณ, สำนักดาบมายา และ หุบเขาหมื่นบุปผา !!””แต่ละขุมพลังจะมีผู้นำเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นจักรพรรดิสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามคฤหาสน์ และสี่ตระกูล ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นลึกลับอย่างมาก ไม่มีผู้ใดที่รู้ความเป็นมาของพวกเขามาก่อน !!””นอกเหนือจากขุมอำนาจที่เกิดจากมนุษย์แล้วนั้น ยังมีขุมอำนาจที่เกิดจากสัตว์ยักษ์อีกด้วย และเหล่าสัตว์ยักษ์ก็จะอาศัยอยู่อย่างอิสระ และไม่ค่อยมีผู้ใดพบเห็นนัก แต่การดำรงอยู่ของพวกมันก็นับว่าเป็นขุมพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ !!””เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี ในอนาคตหากเจ้าเดินทางในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์ และพบคนของสามคฤหาสน์ สี่ตระกูล หรือ เก้าขุมพลัง เจ้าอย่าได้ไปรุกรานพวกเขาก่อนเป็นเด็ดขาด !!”
ชายชรากล่าวเตือนอย่างจริงจัง [ T/N ไม่ทันแล้วผู้เฒ่า ] “ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำเตือน !!”
ชูเฟิง รู้สึกขอบคุณชายชราอย่างมาก หลังจากนั้น เขาซึ่งไม่ได้ด่วนไปไหน จึงร่วมดื่มสุรา และพูดคุยกับชราถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย
อาจกล่าวได้ว่าชายชราผู้นี้สามารถตอบคำถามของ ชูเฟิง ได้ทั้งหมด และมันก็ตรงกับความต้องการของ ชูเฟิง อย่างมาก
เพื่อขอบคุณความช่วยเหลือของชายชรานั้น ชูเฟิง จึงสอบถามถึงการบ่มเพาะพลังของชายชราที่สูญเสียไป เพราะชายชราย่อมไม่สูญเสียการบ่มเพาะพลังโดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน
และในเมื่อชายชราทำดีต่อเขา ชูเฟิง จึงอยากจะช่วยเหลือชายชราโดยการแก้แค้นคนที่ช่วงชิงการบ่มเพาะพลังของเขาไป แต่ชายชราไม่ได้กล่าวตอบเขาออกมา เขาเพียงแค่ยิ้มบางๆ ออกมาเท่านั้น ดังนั้น ชูเฟิง จึงรู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้ชายชราลำบากใจ เขาจึงไม่ได้เซ้าซี้อีกต่อไป
จากการได้คุยกันนั้น ชูเฟิง ก็ได้รู้ว่าดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้เป็นดินแดนเดียว แต่มันแบ่งออกเป็นทวีปต่างๆ และจะมีพลังครอบคลุมในแต่ละทวีป หากมีผู้ที่ต้องการจะไปยังทวีปอื่นนั้น พวกเขาจะต้องมีความสามารถที่มากพอ
นี่จึงทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับ ชูเฟิง ที่ต้องการจะไปยังป่าไผ่ใบไม้ร่วงอยู่บ้าง แต่ชายชราก็ได้บอกกับเขาว่า มีผู้สามารถควบคุมพลังที่ครอบคลุมทวีปได้อยู่ อย่างเช่นหุบเขาไม้คราม
ไม่เพียงแต่หุบเขาไม้ครามจะสามารถควบคุมพลังนั้นได้ แต่ในทุกๆ สามปีพวกเขาจะเปิดพลังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าผู้คนที่ต้องการจะไปยังทวีปอื่นๆ อีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ในทวีปอื่นๆ นั้น ก็มีขุมพลังที่สามารถควบคุม และเปิดพลังนี้ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เปิดพลังนี้ตามใจพวกเขาเช่นกัน ดังนั้น ชายชราจึงใช้เวลานานมากกว่าจะเดินทางไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสงคราม
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ชูเฟิง ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเดินทางไปถึงป่าไผ่ร่วง และเขาเองก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น “ท่านปู่แย่แล้ว !!”
ในเวลานั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้วยความตระหนกมาจากด้านนอก และนั่นก็คือเสียงของ ลู่ว เหลียน “เหลียนเอ๋อ !!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ชายชราก็รีบลุกขึ้นและออกมาภายนอก โดยที่ ชูเฟิง ได้ก้าวตามชายชราออกมาอย่างใกล้ชิด
เมื่อพวกเขาออกมาที่ด้านนอกนั้น พวกเขาก็พบบุคคลสามคนที่กำลังก้าวเข้ามาในลานหน้าบ้าน นี่นก็คือ จ้าว เฉาฉิ่ว , ลู่ว เหลียน และ ลู่ว รู่
ใบหน้าของ จาว เฉาฉิ่ว นั้นย่ำแย่อย่างมาก ส่วนใบหน้าของ ลู่ว เหลียน ก็ถูกชโลมไปด้วยน้ำตา ในตอนนี้ ใบหน้าของนางไม่หลงเหลือเค้าเดิมในก่อนหน้านี้ มันสามารถอธิบายได้ด้วยคำง่ายๆ ว่า น่าสมเพช และเมื่อ ชูเฟิง เห็น ลู่ว รู่ ที่อยู่ในอ้อมกอดของนางนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
เพราะในเวลานั้น ลู่ว รู่ ได้หมดสติอยู่ ดวงตาของนางปิดสนิท รวมดวงตาเป็นสีม่วงคล้ำ อีกทั้งมีเลือดไหลออกมาจากดวงตาของนาง นั่นหมายความว่ามีใครบางคนควักดวงตาของนางออกไป
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : เออดี ทำใครไม่ทำ ดันมาทำ ลู่ว รู่ เตรียมตัวได้เลยไอพวกเหี้ย!!!
C : พี่เฟิงเป็นผู้เชื่อมต่อชุดทอง แค่ควักลูกตาคนอื่นมาผสานกับเซลล์เชื่อมเส้นประสาทเด๋วก็หาย คล้ายๆการเสตมเซลล์ ที่ตัดหนังตูด มาโปะหน้าเพื่อสร้างเนื้่อเยื้อ
B : พ่อคนรอบรู้ ตัดหนังตูดไปแปะหน้า มืงเอาป่ะละ ?!