ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1048 – คุกเข่า และขอโทษ
ในพระราชวังขณะนั้น นอกจาก ชูเฟิง ที่อยู่ในความสงบแล้วนั้น ทุกๆ คนต่างตกตะลึงกันถ้วนหน้า
เมื่อเห็นสภาพของ ฉี หยวนหัง ที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้าน ราวกับว่าหัวใจของพวกเขากำลังถูกสายฟ้ากระหน่ำอยู่ก็ไม่ปาน มันจึงทำให้พวกเขาไม่อาจอยู่ในความสงบได้
ไม่ต้องกล่าวถึงคนของตำหนักเมฆาอัสนีบาต แม้แต่คนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้เองต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้
แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินมาก่อนว่า ชูเฟิง นั้นแข็งแกร่งมาก แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของ ชูเฟิง ด้วยตาของพวกเขาเอง มันจึงทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมาก
นั่นเป็นเพราะ ฉี หยวนหัง นั่นไม่สามารถเปรียบได้กับ จ้าว เกิ๋นซัว แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังขั้นจ้าวสงครามระดับเก้าเท่ากัน แต่ในก่อนหน้านี้ แม้ว่า จ้าว เกิ๋นซัว จะร่วมมือกับ กง เหลียนเฟิง พวกเขาก็ไม่สามารถรับมือ ฉี หยวนหัง ได้แม่แต่กระบวนท่าเดียว ดังนั้น ทุกคนจึงยอมรับว่า ฉี หยวนหัง นั้นเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่าง ฉี หยวนหัง นั้น ก็ไม่สามารถทนรับการโจมตีของ ชูเฟิง ได้แม้แต่ครั้งเดียว นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ ชูเฟิง อย่างชัดเจน และมันยิ่งแสดงความห่างชั้นของพวกเขา กับ ชูเฟิง อย่างชัดเจนเช่นกัน “ไอ้เวรเอ๊ย !!”
ในขณะที่ทุกๆ คนกำลังตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของ ชูฟิง นั้น ฉี หยวนหัง ก็ตะโกนออกมา พร้อมกับปลดปล่อยออร่าพลังออกมาล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้
เมื่อทุกคนสัมผัสออร่าพลังนั้น ใบหน้าของคนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะออร่าพลังนี้มันเป็นขั้นราชันย์สงคราม เห็นได้ชัดว่า ฉี หยวนหัง ไม่ได้มีพลังเพียงแค่ขั้นจ้าวสงครามระดับเก้า แต่เขามีพลังขั้นราชันย์สงครามระดับหนึ่ง
***** เปรี๊ยะ *****
เมื่ออร่าพลังถูกปลดปล่อยออกมาเล่นนั้น พื้นผนังของพระราชวังก็แตกออก ขณะที่ร่างของ ฉี หยวนหัง ค่อยๆ ลอยออกมาจากผนัง ดูเหมือนกับว่าเขาได้ลืมเลือนความเจ็บปวดบนร่างกายของเขา เพราะใบหน้าของเขานั้นแสดงออกถึงความโกรธอย่างชัดเจน และแววตาของเขาก็อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง “เจ้าไม่ปิดบังมันต่อไปหรือ !? เจ้ามีพลังขั้นราชันย์สงครามระดับหนึ่งอย่างชัดเจน แต่เจ้ากลับปิดบังพลังนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพยายามจะแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีพลังที่แข็งแกร่ง หรือพยามยามแสดงให้เห็นว่าเจ้าเองนั้นโง่เขลาแค่ไหน !?”
ชูเฟิง ยิ้มหยันออกมาขณะที่เขาจ้องไปที่ ฉี หยวนหัง “อะไรนะ !? เขามีพลังขั้นราชันย์สงครามระดับหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะแข็งแกร่งขนาดนั้น !! นี่เขาปกปิดพลังเพื่อจะฉีกหน้าพวกเรา มันน่ารังเกียจยิ่งนัก !!”
เมื่อคนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ได้ยินสิ่งที่ ชูเฟิง กล่าวออกมานั้น พวกเขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธอย่างมาก “สารเลว !! เจ้ากล้าดูถูกข้า !! วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นง่อย !!”เมื่อเห็นว่า ชูเฟิง ดูถูกเขาเช่นนั้น ฉี หยวนหัง ที่กำลังโกรธอยู่ก็ตวาดออกมาอย่างรุนแรง
เขาไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้ใดๆ ทั้งนั้น เขาใช้เพียงพลังจากร่างกายของเขา เพียงพริบตาเดียวนั้น ร่างของเขาก็หายไป เมื่อปรากฏออกมาอีกครั้งเขาก็อยู่ที่ด้านหน้าของ ชูเฟิง พร้อมกับกำลังชกออกไปที่ใบหน้าของ ชูเฟิง ด้วยพลังขั้นราชันย์สงคราม
เขาคิดที่จะทำให้ ชูเฟิง ได้ลิ้มรสชาติเช่นเดียวกับที่เขาถูกกระทำ แต่เขายังวางแผนให้ ชูเฟิง ได้รับความอับอายมากยิ่งขึ้นกว่าเขา เขาจึงเล็งโจมตีไปที่ใบหน้าของ ชูเฟิง
***** ปัง *****
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในขณะที่กำปั้นของ ฉี หยวนหัง เข้าปะทะกับใบหน้าของ ชูเฟิง นั้น มันราวกับเขาชกเข้ากับกำแพงเหล็ก
หลังจากนั้น ชูเฟิง ก็บิดแขนของ ฉี หยวนหัง ออก มันทำให้กระดูแขนของ ฉี หยวนหัง โผล่ออกมา พร้อมกับที่แขนของเขาถูกชโลมไปด้วยเลือด “อ๊าาาาาาาา………”
ความเจ็บปวดนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ ฉี หยวนหัง ลดการป้องกันลง แต่มันยังทำให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสังเวช
แต่ทุกอย่างนั้นเพียงแค่เป็นการเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากบิดแขนของ ฉี หยวนหัง แล้วนั้น ชูเฟิง ได้เตะ ฉี หยวนหัง ลงไปกองกับพื้น พร้อมกับใช้ฝ่ามือของเขาแทงเข้าไปที่จุดตันเถียนของ ฉี หยวนหัง “ไม่ !!”
เมื่อรู้ว่าจุดตันเถียนของตัวเองกำลังถูกแทงนั้น ฉี หยวนหัง ด้วยความหวาดกลัวเขาก็ตะโกนออกมา”
อย่า !!”
อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ไม่ได้มีความปราณีแม้แต่น้อย แทนที่เขาจะชลอความเร็วลงนั้น เขากลับเพิ่มความเร็วมากขึ้นในการแทงลงไป ในที่สุด จุดตันเถียนของ ฉี หยวนหัง ก็ถูกแทงลงไปโดย ชูเฟิง “ศิษย์น้อง ฉี ……!!””ศิษย์พี่ ฉี……….!!”
ในขณะนั้น จุดตันเถียนของ ฉี หยวนหัง ถูกแทงลงไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา พลังของเขาค่อยๆ ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง และออร่าพลังของเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้น คนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตต่างวิตกกังวลอย่างมาก พวกเขาปลดปล่อยออร่าพลังของพวกเขาทั้งหมดออกมา และพุ่งตรงไปที่ ชูเฟิง “นี่มันอะไรกัน !? ทำไมคนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ !!”
เมื่อคนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้สัมผัสออร่าพลังของพวกเขานั้น ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมาก เพราะคนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตกว่าสามสิบคนมีออร่าพลังข้นจ้าวสงครามระดับเก้า และอีกสี่คนที่มีออร่าพลังระดับเดียวกับ ฉี หยวนหัง นั่นคือขั้นราชันย์สงครามระดับหนึ่ง
ผู้ที่โดดเด่นของตำหนักเมฆาอัสนีบาตนั้นมีมากกว่าหุบเขาไม้ครามตอนใต้อย่างชัดเจน แม้ว่าหากตระกูลฮั่นจะยังไม่ถูกขับไล่ออกไป หุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับตำหนักเมฆาอัสนีบาต
ด้วยความแข็งแกร่งของตำหนักเมฆาอัสนีบาตนั้น แม้แต่หุบเขาไม้ครามสาขาอันดับสามก็ไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ มีเพียงสาขาอันดับสองเท่านั้นที่พอจะต่อต้านพวกเขาได้
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชูเฟิง กลับไม่ทีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาตะโกนออกมาดังสั่นว่า”
ใครก็ตามที่ต้องการจะสูญเสียการบ่มเพาะพลัง ก็ก้าวเข้ามา !!”
***** วูบบบบบ *****
เมื่อ ชูเฟิง ตะโกนออกมาเช่นนั้น ทั่วทั้งพระราชวังพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตที่คิดจะโจมตีใส่ ชูเฟิง นั้นต่างชะงักในทันที ไม่มีแท้แต่คนเดียวที่จะเคลื่อนไหว แม้กระบางคนถึงกับก้าวถอยหลังออกไป คนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตต่างแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
ที่พวกเขาหวาดกลัวนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะเสียงตะโกนของ ชูเฟิง แต่ในเวลานั้น ชูเฟิง ยังปล่อยแรงกดดัน และจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง
พวกเขาจึงหวาดกลัวอย่างมาก และไม่กล้าที่จะโจมตีใส่ ชูเฟิง
และยิ่งเมื่อเห็น ฉี หยวนหัง ที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมกับออร่าพลังที่กำลังลดลงนั้น และประกอบกับความรวดเร็วที่ ชูเฟิง มอบความพ่ายแพ้ให้กับ ฉี หยวนหาง นั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไม่หวาดกลัว
พวกเขาตระหนักดีว่า แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะร่วมมือกัน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของ ชูเฟิง แม้แต่น้อย และยิ่งพวกเขาเห็นวิธีการที่โหดเหี้ยมของ ชูเฟิง มันยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัว เพราะหากพวกเขากล้าที่จะต่อต้าน ชูเฟิง นั้น พวกเขาย่อมมีจุดจบเช่นเดียวกับ ฉี หยวนหัง แน่นอน
ในขณะนี้ พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก พวกเขาเสียใจที่ดูถูกศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ เพราะหากพวกเขารู้ว่ามีปิศาจเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาไม้ครามตอนใต้ พวกเขาคงจะไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะทำเช่นนี้
พวกเขาเสียใจอย่างมาก แม้แต่ท้องของพวกเขาก็เริ่มปั่นป่วน พร้อมกับที่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวล้ำ เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ “ศิษย์น้อง ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ยังคงเป็นพันธมิตรต่อกัน แม้ว่า ฉี หยวนหัง จะทำให้เจ้าต้องขุ่นเคือง เจ้าก็ไม่ควรทำลายการบ่มเพาะพลังของเขาเช่นนี้ !!””เจ้าน่าจะรู้ดีว่าการบ่มเพาะพลังมาถึงระดับนี้มันเป็นเรื่องยาก และตำหนักเมฆาอัสนีบาตของพวกเราก็ต้องสูญเสียทรัพยากรการบ่มเพาะไปอย่างมาก ในการดูแลอัจฉริยะอย่างเขา !!””เจ้าไม่เพียงแต่ทำให้ศิษย์ของตำหนักเมฆาอัสนีบาตต้องตกที่นั่งลำบาก แต่เจ้าได้ทำให้ความเป็นพันธมิตรต่อหุบเขาไม้ครามตอนใต้กับพวกเราต้องสั่นคลอน !!”
เมื่อเห็นว่าการใช้กำลังไม่สามารถเอาชนะ ชูเฟิง ได้นั้น คนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตจึงเปลี่ยนมาใช้การเจรจาแทน โดยส่งศิษย์ที่เป็นผู้หญิงออกมาเจรจา “ถ้าหากพวกเจ้าไม่ต้องการให้การบ่มเพาะพลังของเขาหายไป พวกเจ้าก็จงคุกเข่าลง !!”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ ชูเฟิง จะไม่สนใจผู้หญิงคนนั้น เขากลับตะโกนขึ้นมาอีกครั้งอย่างเย็นชา
เสียงตะโกนในครั้งนี้ของ ชูเฟิง นั้น ดังขึ้นมาอย่างชัดเจนมากกว่าทุกๆ ครั้งในก่อนหน้านี้ ในเวลานี้คนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตต่างไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาทั้งสิ้น และพวกเขาก็เริ่มคุกเข่าลงในทันที
นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขากล้าท้าทาย ชูเฟิง อีกครั้งนั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องสูญเสียการบ่มเพาะพลัง แต่พวกเขายังอาจจะพบกับความตาย “นี่…….”
เมื่อเห็นคนของตำหนักเมฆาอัสนีบาตที่แสดงความยโสในก่อนหน้าออกมา แต่กลับคุกเข่าลงไปบนพื้นเช่นนี้ด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวอย่างมาก คนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็รู้สึกสับสนในทันที
เมื่อพวกเขาหันกลับมามองที่ ชูเฟิง นั้น พวกเขาก็ปรับทัศนคติของพวกเขาต่อ ชูเฟิง ทั้งหมดเป็นความเคารพยำเกรง เพราะทั้งหมดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ เป็นฝีมือของ ชูเฟิง ทั้งหมด
ในเวลานี้ พวกเขาจึงตระหนักได้ดีว่า ทำไมท่านปรมาจารย์ของพวกเขาถึงมองว่า ชูเฟิง เป็นคนสำคัญ และเป็นความหวังของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ เพราะ ชูเฟิง เป็นคนที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก ไม่แปลกเลยที่เขาจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : เป็นไงอีหนูทั้งหลาย มามะ มาให้พี่ตีก้นซะดีๆ!!!
B : ประโยคนี้ ทำกูนึกถึง ไอพวกเสี่ยที่เที่ยวร้านคาราโอเกะเลย!!!
C : หนูๆ ตามลุงมา เด๋วพาไปกินหนม!!!
B : ไอ้นี้ ยิ่งเลวใหญ่!!!