ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1100 – ซื่อสัตย์ต่อคำร้องขอ
ในเวลานั่น ชูเฟิง ชำเลืองมอง เจย์ดีไม้ครามใต้ และพบว่าภายในมีเพียงสิบชั้น หลังได้ยินประมุขนิกายสวรรค์ กล่าวว่าในแต่ละชั้น จะมีแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชูเฟิง ก็หันหน้าไปทาง ไป๋ รู่วเฉิน และถาม”
แม่นาง ไป๋ เจ้าเคยเข้าไปด้านในเจดีย์มาก่อน ไม่ทราบว่าเจ้าเคยไปถึงชั้นไหน ?!”
ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ไป๋ รู่วเฉิน รีบมองค้อนมายังชูเฟิง ด้วยความไม่พอใจ ปฏิกิริยาที่นางแสดงออกมาเห็นได้ชัด ว่านางไม่พอใจต่อคำถามของ ชูเฟิง เอามากๆ
ในตอนนั้น แม่ของ ไป๋ รู่วเฉิน ก็ยิ้มออกมาและกล่าว”
ลูกสาวข้าไร้ความสามารถ นางขึ้นไปถึงเพียงแค่ชั้น 6″”โอ้ว!!!”
ได้ยินของนาง ชูเฟิง ก็มีท่าทางเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา จากนั้นเขาก็ หันหน้าไปที่ประมุขนิกายและถามว่า”
หากข้าเดาถูก ท่านประมุข ต้องการให้ข้า ชูเฟิง ช่วยนำ อาวุโสประมุข กลับมาใช่มั้ย ?!””สิ่งที่สหายน้อย ชูเฟิง คาดเดานั้นถูกต้อง หากเจ้าพบท่านประมุข ข้าหวังว่าเจ้าจะเขากลับออกมา”
ประมุขนิกายสวรรค์ พยักหน้า ทั้งน้ำเสียงของเขายังเต็มไปด้วยการขอร้อง “นั่นเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ หากผู้น้อยเข้าไปพบอาวุโสประมุข ข้าจะนำเขากลับมา”
ชูเฟิงพยักหน้า “นี่สหาย ชูเฟิง เจดีย์ไม้ครามใต้ ถูกสร้างขึ้นโดย อาวุโส ไป๋หลี่ ซวนคง มันจึงเป็นสถานที่ที่มีประสิทธิภาพ หากประมุขไม่ฝืนตัวพาตัวเองเข้าไป เขาคงไม่ต้องมาจบชีวิตลง ดังนั่น สหายน้อย ชูเฟิง เจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฝืน หากเจ้ารู้สึกว่าไม่ไหว ให้เจ้ารีบออกมา จะดีที่สุด”ประมุขนิกายสวรรค์ เตือนบวกแนะนำ “ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะ ข้าน้อย ชูเฟิง จะพยายามสุดความสามารถ”
ชูเฟิงกุมมือคารวะเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั่นก็เข้าไปใน เจดีย์ไม้ครามใต้
เมื่อเขาผ่านทางเข้ามา สิ่งแรกที่ปรากฏเบื้อหน้า ชูเฟิง ก็คือรูปแบบฯประตู หลังจากที่ผ่านประตูมา ก็มาถึงทางเข้าที่แท้จริง ของเจดีย์ไม้ครามใต้
หากมอง เจดีย์ไม้ครามใต้จากภายนอก มันก็ดูเหมือนกับเจดีย์โบราณธรรมดาๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองมันจากด้านใน มันกลับดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ในชั้นแรกของ เจดีย์ไม้ครามใต้ มันมีขนาดกว้างใหญ่มาก แต่รอบๆไม่มีอะไรแปลกตา เจดีย์ไม้ครามใต้ ถูกสร้างขึ้นด้วยอำนาจพลังวิญญาณของ ผู้เชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ มันถึงเป็นโลกวิญญาณที่ขนาดกว้างใหญ่ แต่ที่นี้ ก็ไม่อาจเทียบกับโลกวิญญาณของเขาได้ แม้แต่ความสามารถของเขาในตอนนี้ ก็สามารถสร้างเจดีย์ชั้นนี้ขึ้นมาได้
เมื่อ ชูเฟิง เข้ามาภายในเจดีย์ไม้ครามใต้ แน่นอนว่าเขารู้สึกถึงแรงกดดัน แต่แรงกดดันนี้ ก็ไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้า ชูเฟิง
ดังนั่น ชูเฟิง จึงไม่คิดที่จะเสียเวลาอยู่ชั้นแรก เขารีบเดินขึ้นไปด้านบน ทุกๆครั้งที่เขาก้าวขึ้นไปในแต่ละชั้นแรงกดดันก็เพิ่มมากขึ้น แต่แรงกดดันพวกนี้ก็ยังอยู่ในขีดจำกัดของเขา
ชูเฟิง เดินขึ้นไปอย่างต่อเนื่องโดยไร้ซึ่งอุปสรรค อย่างไรก็ตาม เขาก็หยุด เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 6
ในแต่ละชั้นของเจดีย์ไม้ครามใต้จะมีขนาดที่แคบลง แต่ชั้น 6 นี้ กับดูแคบอย่างมากหากเทียบกับชั้นแรก
ชูเฟิงมองไปรอบๆตัว พร้อมกับยิ้มออกมาและกล่าว”
แรงดันที่ชั้น 6 เนี่ยหรอ ที่ ไป๋ รู่วเฉิน มาได้ ?! น่าขำ !”
หลังจากที่เขาพูดจบ ชูเฟิง ก็เดินต่อไป จนเมื่อเขามาถึงชั้น 8 เขาสนใจชั้นนี้เป็นพิเศษ พร้อมกับสำรวจรอบๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่พบใคร
ชูเฟิง ยังคงเดินขึ้นไปที่ชั้น 9 อย่างไรก็ตาม บนบันไดที่อยู่ที่ระหว่าง ชั้น 8 ขึ้นไป ชั้น 9 ชูเฟิง พบว่า มีศพของมนุษย์กองอยู่
ศพมนุษย์ผู้นี้ ดูเหมือนว่า เขาต้องการที่จะปีนขึ้นบันไดไป แต่เห็นได้ชัดว่า เมื่อเขาเข้าใกล้เป้าหมายจนเกือบจะถึงชั้น 9 คนผู้นี้ก็ต้องล้มเหลวและสิ้นชีวิต คาบันได
เมื่อเห็นศพมนุษย์ผู้นี้ ชูเฟิง ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แค่มองดูก็รู้แล้วว่า เขาก็คือ อาวุโสประมุขนิกายสวรรค์ “นี่มันอะไรกัน! พลังวิญญาณเขาสูงเพียงนี้เชียว”
ชูเฟิง สำรวจดูศพ แม้ว่าเขาผู้นี้จะตายไปนานแล้ว แต่กองกระดูกที่เหลือก็ดูไม่ธรรมดา
มันเป็นสีขาวเหมือนหยก พร้อมกับมีแสงเปล่งออกมาริบหรี่ ร่างที่สิ้นอายุขัยของเขาราวกับสมบัติล้ำค่า แท้จริง ก็ต้องบอกว่า กองกระดูกนี้คือสมบัติล้ำค่าจริงๆ
เมื่อผู้เชี่ยวชาญ มีการเพาะปลูกที่สูงถึงจุดนึง ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า หลังจากทีเขาตาย เนื้อหนังเขาพวกเขาจะสูญสลาย ความแข็งแกร่งที่สั่งสมมาก็จะหายไป
อย่างไรก็ตาม กระดูกมันต่างกันออกไป แม้ว่ามันดูต่ำต้อย หากเทียบกับเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต แต่ก็มี บางคนนำกระดูกพวกเขาไปสร้างเป็นอาวุธ
สำหรับกระดูก ที่มีแหล่งพลังวิญญาณอัดแน่นอยู่ภายใน แม้แต่ ชูเฟิง มองก็ยังออกในทันทีว่า เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิต เขาจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยในขั้น กึ่งจักรพรรดิสงคราม อย่างไรก็ตาม ชูเฟิงก็ไม่สามารถตรวจสอบแล้วยืนยันได้ว่า เขามีพลังวิญญาณในระดับไหน เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิต “โว้ววว!!! แหล่งพลังวิญญาณกึ่งจักรพรรดิสงคราม เร็วเข้ารีบดูดซับพลังของมันมา ราชินีผู้นี้จะได้มีการเพาะปลูกเพิ่มเสียที!!!”
ในตอนนั่น ต้านต้าน ตื่นเต้นอย่างมาก แน่นอนว่า แหล่งพลังวิญญาณกึ่งจักรพรรดิสงคราม มันเป็นวัตถุดิบชั้นยอด ที่สามารถเพิ่มพลังให้นาง “ต้านต้าน หากข้าเข้าไปหุบเขาไม้คราม แล้วข้าจะช่วยเจ้าหาแหล่งพลังวิญญาณ สำหรับกระดูกกองนี้ พวกเราไม่อาจใช้มันเป็นแหล่งพลังวิญญาณได้”
ชูเฟิง กล่าวออกมา ด้วยท่าทางลำบากใจ “ทำไมล่ะ ?!”
ต้านต้าน รีบถาม ชูเฟิง อย่างรวดเร็ว ด้วยความสับสน “ข้าให้สัญญากับประมุขนิกายสวรรค์ ว่าจะนำร่างอาวุโสประมุขกลับออกไปจากเจดีย์ไม้ครามใต้ ในสภาพเดิม หากพวกเราดูดซับแหล่งพลังวิญญาณจากมัน แล้วกระดูกพวกนี้ยังจะเหมือนเดิมหรอ ?!”
ชูเฟิง กล่าว “แล้วถ้าหากเจ้าช่วยข้าดูดซับแหล่งพลังวิญญาณมา แล้วทำลายกองกระดูกนี้ทิ้งไป หลังจากที่ออกไป เจ้าก็บอกพวกเขาว่า เจ้าไม่พบอะไร แค่นี้ปัญหาก็จบ”
ต้านต้าน กล่าว “เมื่อรับคำขอของใครมาแล้ว เราจะต้องซื่อสัตย์ แล้วข้าก็ยอมรับคำขอร้องจากประมุขนิกายสวรรค์ แล้วลับหลังเขาเราทำเช่นนี้ มันจะดูไม่ไร้คุณธรรมไปหน่อยหรอ ?!”
ชูเฟิง กล่าว “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำยังไง ?! เราต้องนำกระดูกพวกนี้กลับไปให้พวกเขา แล้วเจ้าลืมเรื่องที่พวกเขาทำกับเจ้าก่อนหน้านี้ไปแล้วงั้นหรอ ?!””นอกจากนี้ เจ้ามีอะไรยืนยัน ว่าหลังจากที่นำกระดูกที่อัดแน่นไปด้วยพลังกึ่งจักรพรรดิกลับไปให้เขา แล้วประมุขนิกายสวรรค์ จะไม่ใช้มันซะเอง หากจะเป็นแบบนั่น เจ้าใช้มันเองไม่ดีกว่าหรอ!”
ต้านต้าน โต้เถียง “ข้ารู้สึกว่า ประมุขนิกายสวรรค์คนนี้ เป็นคนที่เคารพนับถืออาจารย์ของเขา นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นแหล่งพลังวิญญาณของอาจารย์เขา เขาก็มีสิทธิ์จะทำยังไงกับมันก็ได้ สำหรับงานของข้าก็แค่นำมันกลับไปในสภาพเดิม”
ชูเฟิงกล่าว “ชิร์!!! ลืมมันซะเถอะ ข้าไม่เคยเถียงเจ้าชนะอยู่แล้ว ราชินีผู้นี้คงต้องรอ รอ รอ รอแล้ว รอเล่า”
ต้านต้านม้วนริมฝีปาก แม้ว่านางจะต้องการปรับปรุงพลังวิญญาณ นางก็ไม่ได้โกรธ ที่ชูเฟิง เลือกตัดสินใจเช่นนั้น “ต้านต้าน เพื่อให้เจ้าสบายใจ ข้าสัญญาว่า หลังจากที่ข้าได้เข้าไป หุบเขาไม้ครามแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าหาแหล่งพลังวิญญาณ เพื่อเรียกความแข็งแกร่งของเจ้ากลับคืนมา”
แม้ ต้านต้าน จะไม่ได้โกรธ ชูเฟิง ก็ยังพอมองออกว่านางต้องการที่จะเร่งนำความแข็งแกร่งเดิมกลับมาโดยเร็ว ดังนั่น เขาจึงให้สัญญาว่าจะช่วยนางในอนาคต ต้านต้านเองก็ยอมรับข้อเสนอของเขา “อย่ามายุ่งเรื่องของข้าเลย ข้าไม่กังวลเรื่องขี้ประติ๋วพรรค์นั้น นอกจากนี้หากเจ้าต้องการฟื้นความแข็งแกร่งของข้า ต่อให้เจ้าพยายามจนตาย เจ้าก็ไม่สามารถหาแหล่งพลังวิญญาณได้พอที่จะสามารถเรียกความแข็งแกร่งเดิมของข้าคืนมาได้ อย่างน้อย ในดินแดนสงครามศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คงหมดหวัง” “เห้อ . . เจ้าไม่ต้องมากังวลเรื่องแหล่งพลังวิญญาณหรอก หากเจ้าอยากช่วยราชีนีล่ะก็ เวลาที่เจ้าพบก็อย่าได้เมินมัน เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ค่อยๆใช้เวลาในการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเจ้าด้วย หากพ่อเจ้ายอมรับเจ้าในฐานะลูกชาย เขาคงไม่ต้องเอาข้ามาผนึกไว้ในตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าพ่อเจ้า อยากให้เจ้าใช้ความสามารถนี้” “ถึงไม่ใช่พ่อเจ้า ก็ต้องเป็นแม่เจ้า ที่เป็นคนปิดผนึกข้า”
ต้านต้านกล่าว
ได้ยินคำพูดนั่น ที่มาจากใจของ ต้านต้าน ชูเฟิงก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ถาโถม เขารู้ดีว่าต้านต้านทำไปก็เพื่อตัวเขา
อย่างไรก็ตาม คำพูดของต้านต้าน ยิ่งทำให้รู้สึกรู้สึกผิดต่อนาง โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาอยู่ตรงหน้ากองกระดูกที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ เขายิ่งรู้สึกผิดจับใจ
แต่เขายอมรับคำขอร้องมา เขาจำเป็นจะต้องซื่อสัตย์และยึดมั่นคุณธรรม แหล่งพลังวิญญาณนี้จึงเป็นสิ่งที่ ชูเฟิง ไม่อาจแตะต้องได้
ดังนั่นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่า ในวันหน้า เขาจะต้องหาวิธีค้นพบแหล่งพลังวิญญาณที่สุดยอดกว่านี้ให้กับต้านต้าน ไม่งั้นเขาคงไม่อาจบรรเทาความรู้สึกผิดที่มีต่อนางได้
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
C : บอกแล้ว ให้จัดสักดอก สองดอก เด๋วก็หายงอลเอง!!!
B : ต้านต้านนะ ไม่ใช่ เมียมืง!!!
A : ช่ายๆ!!! พูดอีกก็ถูกอีก
C : แค่แนะนำ กูก็เอาวิธีที่ใช้กับเมียพวกมืงนี้แหละมาบอก!!!
A – B : สารเลวมาก!!!