ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1056 – โต้กลับด้วยความกราดเกรี้ยว
“จ๊อกแจ๊ก จ๊อกแจ๊ก ซุบซิบ ซุบซิบ……..”
หลังจากที่ประมุขปราการอสรพิษดำกล่าวออกมาเช่นนั้น เหล่าผู้คนโดยรอบต่างไม่อาจอยู่ในความสงบได้อีกต่อไป พวกเขาต่างจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องราวนี้กันอย่างออกรสออกชาติ
แม้ว่าทุกคนจะรู้ความแตกต่างระหว่างหุบเขาไม้ครามในอีกสามเขต กับหุบเขาไม้ครามตอนใต้ดี แต่เมื่อประมุขปราการอสรพิษดำกล่าวออกมาเช่นนี้ พวกเขายิ่งเห็นความแตกต่างอยางชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนตกตะลึงมากที่สุดนั้นคือการที่ประมุขของปราการอสรพิษดำกล้างฉีกหน้าของ ฉีคง ไจ้ชิง ต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้
แม้ว่าปราการอสรพิษดำจะเป็นขุมพลังย่อยระดับสองของหุบเขาไม้คราม แต่ภายในปีนี้พวกเขากลับส่งศิษย์ที่โดดเด่นจำนวนมากเข้าสู่หุบเขาไม้ครามได้มากกว่าหุบเขาไม้ความตอนใต้
อย่างไรก็ตาม หุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็เป็นสาขาย่อยที่แท้จริงของหุบเขาไม้คราม แม้ว่าพวกเขาจะถูกลดระดับลงมาก็ตาม แต่การฉีกหน้าของพวกเขาเช่นนี้ต่อหน้าฝูงชนก็ไม่สิ่งที่จะสามารถทำได้
การฉีกหน้าของพวกเขาต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ขุมพลังธรรมดาๆ จะสามารถทำได้ แต่ในเวลานี้ ประมุขปราการอสรพิษดำได้ทำในสิ่งที่ทุกๆ คนไม่กล้าทำออกมา มันจึงทำให้ทุกๆ คนตกใจอย่างมาก “ประมุขปราการอสรพิษดำ ข้าจะจดจำทุกคำกล่าวของท่าน ข้าไม่สนว่าท่านจะเป็นใคร หรือใครที่ค่อยให้ท้ายท่าน ข้าไม่อาจทนได้เมื่อมีคนกล้าดูกท่านปรมาจารย์ของข้า !!”
ในขณะนั้น ผู้อาวุโส กงซุน ก็ตวาดออกมาด้วยแววตาสีแดงฉาน ในเวลานั้น เหล่าผู้อาวุโส และศิษย์ของหุบเขาไม้ครามต่างแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน แม้แต่บางคนถึงกลับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เพราะพวกเขาไม่อาจทนเห็นท่านอาจารย์ใหญ่ต้องถูกเหยียดหยามเล่นนี้ได้ “ข้ากำลังพูดกับอาจารย์ใหญ่ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กล้ายื่นปากเข้ามาเช่นนี้ !!”
อย่างไรก็ตาม ประมุขปราการอสรพิษดำกลับชี้หน้าของผู้อาวุโส กงซุน และกล่าวออกมาอย่างรุนแรง “ท่านประมุขปราการอสรพิษดำ ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นขุมพลังย่อยของหุบเขาไม้คราม ข้าขอเตือนว่าท่านอย่าได้ทำอะไรที่มันมากเกินไปนัก !!”
ในขณะนี่ ประมุขของตำหนักเมฆาอัสนีบาตก็กล่าวออกมา “โอ้ !! ที่แท้ก็ท่านอาจารย์ใหญ่ของตำหนักเมฆาอัสนีบาต ศิษย์ในปีนี้ของพวกท่านช่างแตกต่างจากปีก่อนๆ อย่างชัดเจน อีกไม่นานตำหนักเมฆาอัสนีบาตอาจจะมีหน้ามีตาขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ !!”
ประมุขปราการอสรพิษดำหัวเราะแปลกๆ ออกมาก่อนที่จะหันมามองที่ ฉีคง ไจ้ชิง และกล่าวออกมาว่า “ปรมาจารย์ ฉีคง ไม่ใช่ว่าหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของท่านจะมาเพียงลำพังเช่นเดียวหรือ !? รึท่านคิดว่าตำหนักเมฆาอัสนีบาตกำลังจะก้าวหน้าขึ้นเลยคิดจะเกาะแขนเกาะขาของพวกเขาไปด้วยเช่นนั้นรึ !!””ฮ่าๆๆๆๆๆๆ……”
หลังจากกล่าวจบนั้น ประมุขปราการอสรพิษดำก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันดังมากขึ้นกว่าเก่า และมันเป็นเสียงหัวเราะที่เย้ยหยันอย่างชัดเจน
หลังจากเสียงหัวเราะดังขึ้น ไม่นานนิกายทรงปัญญา และขุมพลังระดับสามก็หัวเราะตามออกมา
ในขณะนั้น เหล่าฝูงชนโดยรอบต่างขมวดคิ้วแน่น เพราะเขาต่างคิดว่าประมุขปราการอสรพิษดำนั้น ได้ดูถูกหุบเขาไม้ครามตอนใต้จนมากเกินไป
ไม่ว่าหุบเขาไม้ครามตอนใต้จะตกต่ำลง หรือปราการอสรพิษดำต้องการใช้พวกเขาเป็นการสร้างบารมีของตัวเองขึ้นก็ตาม แต่ประมุขปราการอสรพิษดำก็ไม่ควรดูถูกหุบเขาไม้ครามตอนใต้ถึงเพียงนี้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความอัปยศต่อฝูงชนด้วยคำกล่าวของประมุขปราการอสรพิษดำเช่นนี้ เหล่าผู้อาวุโสของหุบเขาไม้ครามต่างโกรธอย่างมาก พวกเขากำหมัด และกัดฟันแน่น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะโจมตีออกไปแต่อย่างใด
แม้ว่าคนอื่นๆ จะไม่รู้ว่าทำไมประมุขปราการอสรพิษดำถึงได้กล้าทำเช่นนี้ แต่เหล่าผู้อาวุโสของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ และตำหนักเมฆาอัสนีบาตต่างรู้ดี
นั่นเป็นเพราะในก่อนหน้าที่ปราการอสรพิษดำจะได้ขึ้นมาเป็นขุมพลังในระดับสองเช่นนี้ พวกเขาได้เป็นพันธมิตรกับวิหารกลุ่มดาวนายพราน
ซึ่งวิหารกลุ่มดาวนายพรานนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาอันดับห้าในขุมพลังระดับหนึ่งของหุบเขาไม้คราม พวกเขาแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งยังมีประวัติที่ลึกลับ และที่สำคัญนั้น พวกเขาก็อยู่ที่ตอนใต้ของหุบเขาไม้ครามเช่นกัน
ดังนั้น ภายใต้เงาของหุบเขาไม้ครามนั้น แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าในเขตนี้หุบเขาไม้ครามตอนใต้คือขุมพลังที่ครอบครองทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้วนั้น มันคือวิหารกลุ่มดาวนายพราน
วิหารกลุ่มดาวนายพรานนั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของทุกๆ คน
ในก่อนหน้านี้นั้น มีขุมพลังหนึ่งในระดับสอง ได้ทำให้พวกเขาต้องโกรธแค้น ด้วยการนำของผู้อาวุโสจากวิหารกลุ่มดาวนายพราน ขุมพลังระดับสองแห่งนั้นได้ถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยที่ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใดภายใต้ขุมพลังนั้น
และในตอนนั้น หุบเขาไม้ครามเองก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พวกเขาไม่ได้สนใจต่อการกระทำนี้แม้แต่นิดเดียว
หลังจากนั้น ชื่อของวิหารกลุ่มดาวนายพรานก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในตอนใต้นี้จึงไม่มีขุมพลังใดกล้าตอแยกับพวกเขา และความจริงนั้น ก็มีขุมพลังเพียงไม่มากนักที่จะสามารถต่อกรกับวิหารกลุ่มดาวนายพรานที่มีประวัติยาวนานเช่นนี้ได้
ดังนั้น เมื่อปราการอสรพิษดำได้เป็นพันธมิตรกับวิหารกลุ่มดาวายพราน พวกเขาย่อมได้รับการสนับสนุนจากวิหารกลุ่มดาวนายพราน และนี่คือเหตุผลที่ประมุขปราการอสรพิษดำกล้าฉีกหน้าของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้
ในตอนนี้ แม้ว่า ฉีคง ไจ้ชิง จะมีพลังขั้นกึ่งจักรพรรดิ และเขาก็ไม่เห็นปราการอสรพิษดำอยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย แต่เขาก็ต้องคิดถึงตัวตนของวิหารกลุ่มดาวนายพรานอย่างมาก มันจึงทำให้เขาทำได้เพียงอดทนต่อความอัปยศเช่นนี้ โดยที่ไม่ได้ตอบโต้ออกไปแม้แต่น้อย “ตาแก่ แม้แต่เด็กยังรู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด !! เจ้าเองก็อยู่มานาน แต่กลับมีความคิดไม่ต่างอะไรกับสุนัข หรือจะไม่มีผู้ใดสอนเจ้าเรื่องมารยาท !!”
ในขณะที่ทุกๆ คนต่างนิ่งเงียบนั้น ชูเฟิง ก็ก้าวออกไปด้านหน้า พร้อมกับชี้ไปที่ประมุขปราการอสรพิษดำ และกล่าวออกมาอย่างรุนแรงด้วยความกราดเกรี้ยว “นี่……”
หลังจากที่ ชูเฟิง กล่าวออกมาเช่นนั้น ใบหน้าของเกือบทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไปดย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม้คิดว่าแม้แต่ ฉีคง ไจ้ชิง เองก็ยังไม่กล้าทำอะไร แต่ศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้กลับกล้าชี้หน้าด่าประมุขอสรพิษดำอย่างรุนแรงเช่นนี้
ความจริงนั้น ไม่เพียงแต่คนอื่นๆ เท่านั่น แม้แต่คนของหุบเขาไม้ครามเองก็ตะลึงอย่างมากกับคำกล่าวของ ชูเฟิง เพราะเห็นได้ชัดว่ามันทำให้ประมุขปราการอสรพิษดำโกรธอย่างแน่นอน “ไอ้เด็กเวร เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึ !!”
ประมุขปราการอสรพิษดำที่กำลังฉีกหน้าของหุบเขาไม้ครามตอนใต้อย่างเมามันส์อยู่นั้น กลับถูกตอกกลับด้วยเด็กเช่นนี้ มันย่อมทำให้เขาโกรธอย่างมาก
เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก เขาก้าวตรงออกมายังเรือรบของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ พร้อมกับปลดปล่อยออร่าพลังขั้นราชันย์สงครามระดับเก้าออกมา พร้อมทั้งยื่นฝ่ามือตรงไปที่คอของ ชูเฟิง
พลังที่อัดแน่นอยู่ในฝ่ามือนั้น ไม่ใช่เรื่องยากที่จะบีบคอของ ชูเฟิง
***** ตูมมมมม *****
ในขณะที่ทุกๆ คนต่างคิดว่า ชูเฟิง จะต้องตายอย่างแน่นอนนั้น ออร่าพลังมหาศาลก็โหมกระหน่ำออกมาราวกับพายุ
พายุนั้นรุนแรงอย่างมาก ไม่ต้องกล่าวถึงผู้สังเกตการณ์โดยรอบ แม้แต่ผู้อาวุโสของปราการอสรพิษดำ นิกายทรงปัญญา และขุมพลังอื่นๆ ต่างถูกพัดกระเด็นออกไปทั้งหมด
เมื่อพายุเบาบางลงไปนั้น ทุกๆ คนต่างจ้องมองมายังเรือรบ และพวกเขาก็ต้องตกตะลึงอย่างมาก
เพราะในขณะนี้นั้น ประมุขปราการอสรพิษดำที่ทำตัวโอหังในก่อนหน้านี้ได้นอนกองอยู่บนพื้น ด้วยร่างกายที่ถูกชโลมไปด้วยเลือด พร้อมที่มีเท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนร่างของเขา
ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวก็ดังขึ้นมาเรียบๆ ต่อหน้าของประมุขปราการอสรพิษดำว่า”
ประมุขปราการอสรพิษดำ หากเจ้ากล้าที่จะโจมตีศิษย์ข้าอีกครั้ง ข้าจะลบปราการอสรพิษดำออกจากแผนที่ !!”
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : และแล้วกูก็ค้าง ไปตามระเบียบ