I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 1062 – เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บทที่ 1062 – เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปฏิกิริยาของเหล่าศิษย์เช่นนี้ ชูเฟิง เพียงยิ้มบางๆ และกล่าวออกมาว่า”

 

ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของป่านี้ แต่ข้ารู้สึกถึงแรงกดดันของที่นี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น !!””ศิษย์น้อง ชูเฟิง เจ้าทำได้ยังไงสอนพวกเราบ้างสิ !!””ใช่ !! ศิษน้อง ชูเฟิง สอนพวกเราด้วย พวกเราไม่อยากกลับไปมือเปล่า !!”

 

พวกเขาทั้งหมดเริ่มจะขอให้ ชูเฟิง สอนพวกเขา และมีบางคนถึงกลับอ้อนวอนออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการผ่านออกจากที่นี่อย่างมาก “จริงๆ มันก็ง่ายมาก ทุกๆ คนอย่าใช้พลังในการต้านทานแรงกดดันนี้ และลองปล่อยให้มันไหลผ่านไป พร้อมกับปล่อยการเคลื่อนไหวไปตามกระแสของมัน ทุกคนอาจจะรู้สึกดีขึ้น !!”

 

ชูเฟิง กล่าวพลางยิ้มบางๆ

 

หลังจากได้ฟัง ชูเฟิง กล่าวออกมาเช่นนั้นหวาง เว่ย และคนอื่นๆ ต่างสับสนอย่างมาก แต่หลังจากที่พวกเขาลองทำดูนั้น เพียงไม่นานใบหน้าของพวกเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก “ศิษย์น้อง ชูเฟิง เจ้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ ที่สามารถจัดการแรงกดดันนี้ด้วยวิธีที่เรียบง่ายเช่นนี้ ฮ่าๆ …. แทนที่จะต้านแรงกดดัน แค่พวกเราไม่ต่อต้านมัน พวกมันก็อ่อนแออย่างมาก นี่หมายความพวกเราทั้งหมดก็สามารถผ่านการทดสอบของภูติโบราณได้แล้ว !!”

 

หลังจากที่ทำตามคำกล่าวของ ชูเฟิง แล้วได้ผลนั้น ทุกๆ คนต่างมองไปที่ ชูเฟิง ด้วยความเคารพ และขอบคุณ เพราะ ชูเฟิง ได้ช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้อย่างมาก

 

หลังจากการเดินทางที่ยาวนานนี้ พวกเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ และกลับไปมือเปล่า ไม่เช่นนั้นมันจะไม่เพียงพวกเขาที่เสียโอกาส แต่มันยังทำให้พวกเขาต้องเสียหน้าอีกด้วย “สารเลว !! ข้าไม่คิดเลยว่านอกจากเจ้าจะปากดีแล้ว เจ้ายังมีเทคนิคดีๆ แบบนี้อีก !!”

 

จู่ๆ ในขณะนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา พร้อมกับคนสามสิบห้าคนปรากฏตัวออกมาต่อสายตาของ ชูเฟิง

 

พวกเขามีทั้งชายและหญิง อีกทั้งการบ่มเพาะพลังของพวกเขายังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นจ้าวสงคราม และในขณะนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็เป็นสีขาวซีด พร้อมกับอาบไปด้วยเหงื่อ

 

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินสิ่งที่ ชูเฟิง กล่าว และลองทำดู เพราะใบหน้าของพวกเขาค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกเขาได้รับผลประโยชน์โดยไม่ได้ตั้งใจนี้ แทนที่พวกเขาจะแสดงความขอบคุณออกมา พวกเขากลับแสดงความเกลียดชัง และเข้ามาล้อมรอบ ชูเฟิง เอาไว้

 

และเหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนี้นั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาคือศิษย์หลักของปราการอสรพิษดำ

 

ถ้าเป็นในก่อนหน้านี้นั้น หวาง เว่ย และคนอื่นๆ ย่อมกังวลอย่างมาก เพราะพวกเขารู้ดีว่าศิษย์ของปราการอสรพิษดำไม่ได้มาด้วยเจตนาดี

 

และด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์จากปราการอสรพิษดำนั้น แข็งแกร่งกว่า หวาง เว่ย และทุกๆ คนอย่างมาก

 

แต่ในเวลานี้ เมื่อ ชูเฟิง อยู่กับพวกเขา พวกเขาก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย เพราะพวดเขาชื่อว่า ศิษย์ของปราการอสรพิษดำนั้นกำลังหาเรื่องใส่ตัว “พะ…พะ…พวกเจ้าคิดจะทำอะไร !!”

 

แต่ในขณะที่ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่า ชูเฟิง จะต้องมอบบทเรียนให้กับศิษย์ของปราการอสรพิษดำนั้น ชูเฟิง กลับแสดงความหวาดกลัวออกมา พร้อมกับน้ำเสียงของเขาสั่นเครือขณะที่กล่าวออกมา “ฮ่าๆ…พวกเราคิดจะทำอะไรเช่นนั้นรึ !! เจ้าได้ทำให้ปราการอสรพิษดำของพวกเราสูญเสียอำนาจจากการเป็นขุมพลังระดับสอง และทำให้คนจำนวนมากของปราการอสรพิษดำพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่หุบเขาไม้คราม เจ้ายังกล้าที่จะถามอีกหรือว่าพวกเราจะทำอะไร !!””บอกตามตรง หากเจ้าคุกเข่าและขอร้องให้พวกเรายกโทษให้ ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า !!”

 

เมื่อเห็นว่า ชูเฟิง กำลังหวาดกลัวเช่นนี้ ศิษย์ของปราการอสรพิษดำต่างพอใจอย่างมาก พวกเขาจึงกล่าวความต้องการออกมาในทันที “เจ้ากล้ารึ !! เจ้าคงไม่รู้สินะว่าในดินแดนของภูติโบราณนั้น หากเจ้ากล้าที่จะทำร้ายผู้อื่น ไม่เพียงแต่ปราการอสรพิษดำ แม้แต่ตระกูลของพวกเจ้าก็ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน !!”

 

ในขณะนั้น หวาง เว่ย ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “ทำไมจะไม่กล้า !! หากพวกข้าไม่กล้า พวกข้าจะมาปรากฏตัวที่นี่รึ !!”

 

ในขณะนั้น ศิษย์ของปราการอสรพิษดำต่างจ้องมองออกมาอย่างเย็นชา พร้อมกับที่พวกเขาปลดปล่อยออร่าออกมาทและเข้ามาล้อมรอบ ชูเฟิง เอาไว้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางแผนที่จะสังหาร ชูเฟิง “ถ้าพวกเจ้ากล้าก็ลองดู พวกเราหุบเขาไม้ครามจะไม่ยอมให้พวกเจ้ารังแกได้ง่ายๆ แน่ !!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของหุบเขาไม้ครามก็โกรธอย่างมาก พวกเขาปลดปล่อยออร่าพลังของพวกเขาออกมา และพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง “ศิษย์น้อง ชูเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า !!”

 

ในขณะที่จิตสังหารเข้าปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้นั้น หวาง เว่ย ได้แอบส่งข้อความทางจิตไปหา ชูเฟิง

 

ในความจริงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ หวาง เว่ย เท่านั้น ที่ทำเช่นนี้ แต่คนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน เพราะพวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของ ชูเฟิง ดี ไม่ต้องกล่าวถึงคนของปราการอสรพิษดำแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นราชันย์สงครามก็ไม่ใช่คู่มือของเขา

 

ดังนั้น ทุกคนจึงคิดว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับ ชูเฟิง เพราะการแสดงออกของ ชูเฟิง นั้นผิดปกติอย่างมาก และหากพวกเขาต้องการจะเอาชนะคนจากปราการอสรพิษดำนั้นพวกเขายังคงต้องพึ่งพา ชูเฟิง “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ………….”

 

อย่างไรก็ตาม ความหวาดกลัวบนใบหน้าของ ชูเฟิง พลันหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

เสียงหัวเราะของ ชูเฟิง นั้นแปลกอย่างมาก ไม่เพียงแต่ หวาง เว่ย และคนอื่นๆ เท่านั้น แม้แต่คนจากปราการอสรพิษดำต่างก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความหวาดกลัว “เจ้าหัวเราะอะไร !?”

 

คนจากปราการอสรพิษดำกล่าวถาม “มีทางไปสวรรค์ดีๆ ไม่ชอบ แต่กลับเลือกที่จะเดินเข้ามาประตูนรก !!”

 

จู่ๆ ชูเฟิง ก็หยุดหัวเราะ เขากล่าวออกมาพร้อมกับกวาดสายตาไปที่คนของปราการอสรพิษดำ “เจ้าหมายความว่าไง !?”

 

ในขณะนั้น คนของปราการอสรพิษดำต่างรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แม้ว่าการแสดงออกของ ชูเฟิง นั้นจะเรียบง่าย แต่มันกลับทำให้หัวใจของพวกเขาต้องสั่นสะท้าน

 

ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นภาพลวงตา เพราะการแสดงออกของ ชูเฟิง ในตอนนี้แตกต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

 

อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เขากลับหันไปรอบๆ และกล่าวออกมาว่า”

 

ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องหลบซ่อน ออกมาซะ !!”

 

หลังจากได้ยินคำกล่าวของ ชูเฟิง นั้น ทุกคนต่างหันกลับไปมองที่ด้านหลังของพวกเขา แต่พวกเขาก็พบเพียงหญ้าเขียวชอุ่มเท่านั้น มันจึงทำให้พวกเขาสับสนอย่างมาก

 

บางคนถึงกลับคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับ ชูเฟิง เพราะการกระทำของเขาในวันนี้นั้นแปลกประหลาดอย่างมาก “โอ้ว !! ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีทักษะบางอย่าง เพราะที่นี่ไม่สามารถใช้อำนาจพลังวิญญาณได้ แต่เจ้ากลับพบพวกข้า แต่หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ และรีบหนีไปดีกว่า !!”

 

จู่ๆ ในขณะนั้นก็มีเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากป่า พร้อมกับมีคนจำนวนหนึ่งปรากฏตัวออกมาต่อสายตาของทุกๆ คน “พวกเจ้าเป็นใคร !?”

 

เมื่อเห็นเช่นนั่น หวาง เว่ยทก็ขมวดคิ้วแน่น เพราะนางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงของคนทั้งเก้าได้มากกว่าคนของปราการอสรพิษดำ “ศิษย์น้องชายหญิง เปิดเผยตัว !!”

 

ในขณะนั้น แปดในเก้าคนก็ถอดเสื้อคลุมของพวกเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของพวกเขา

 

ทั้งแปดคนนั้นประกอบไปด้วยผู้ชายห้าคน และหญิงสาวสามคน พวกเขาเป็นเช่นเดียวกับ หวาง เว่ย และคนอื่นๆ นั่นคืออยู่ในขั้นจ้าวสงครามระดับเก้า และสายตาที่พวกเขามองมายัง หวาง เว่ย ก็มีแต่ความชิงชัง ขณะที่ หวาง เว่ย เองก็มองไปยังพวกเขาด้วยความประหลาดใจ และแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว

 

ReaDMGA ////////////////////////////////////////

 

A : มาเป็นอาหารของต้านต้านกันอีกและ!!!

 

B : ไม่ดีอ่อ ?!

 

C : ต้านต้านอยู่ระดับไหนล่ะ ?!

 

B : ระดับ 2 ราชันย์ป่ะ ถ้าจำไม่ผิด – -“

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments