ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1105 – นางกำลังวางแผน
“ประมุข โจว ท่านหมายความว่าอย่างไร”
ฉีคง ไจ้ฉิง สับสนเล็กน้อยเขารู้สึกว่ามันมีความนัยแฝงอยู่ในคำพูดของอีกฝ่าย “ไม่เพียง ชูเฟิงจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาก เขายังมีความกล้าหาญอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังครอบครองทักษะต้องห้ามระดับพสุธาตั้งแต่เยาว์วัย เห็นได้ชัดว่าตัวตนของเขานั้นไม่ธรรมดาแน่นอน.””ประมุข ฉีคง ข้าขอถามหน่อยชูเฟิงนั้นมาจากที่ใดกัน”
ประมุขนิกายสวรรค์ถามขึ้น “นี่…”
ฉีคง ไจ้ฉิง พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำถามของประมุขนิกายสวรรค์ จนสุดท้ายเขาก็พูดความจริงไปว่า”
เขาไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นคนจากทะเลแดนใต้.””อะไรนะเขามาจากทะเลแดนใต้อย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่ของไป่ รู่วเฉิน ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
ไม่เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งประมุขนิกายสวรรค์ก็เช่นกัน เขาตกใจจนแสดงออกมาทางหน้าเขาอย่างชัดเจน “ป่าไม้ครามใต้ได้ปกครองทางออกของเส้นทางสวรรค์จากทะเลแดนใต้ไว้ และต้องถูกเยาะเย้ยมาหลายปี จนในที่สุดจากความขมขื่นก็กลายเป็นความรู้สึกที่หอมหวาน ท่านไป่หลี นั้นช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก.””อย่างไรก็ตาม แม้ชูเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นพวกที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ด้วยพลังของเขานั้นตั้งแต่เข้ามายังหุบเขาไม้ครามใต้ เขาได้ยั่วยุคนอื่นและสร้างศัตรูนับไม่ถ้วน.””เห้อ.”
เมื่อพูดจบฉีคง ไจ้ฉิงก็ถอนหายใจ เขานั้นกังวลเรื่องชูเฟิงมาก เมื่อเขาเข้าไปยังหุบเขาไม้คราม
แม้จะมีกฎว่าศิษย์ของหุบเขาไม้ครามห้ามโจมตีกันเอง ตั้งแต่ยังเยาว์ฉีคง ไจ้ฉิงได้ฝึกฝนในหุบเขาไม้คราม และได้กลายเป็นศิษย์หลักที่โดดเด่นดังนั้นเขาจึงรู้ว่า การแข่งกันและการต่อสู้ภายในนั้นเป็นอย่างไร ที่สำคัญที่สุดการสั่งห้ามศิษย์ต่อสู้กันเองมันเป็นแค่ผิวเผย ความจริงพวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
พวกเขานั้นไม่ทำอะไรเลย กับศิษย์ของหุบเขาไม้คราม โดยเฉพาะศิษย์หลักนั้นพวกเขาคือความสำเร็จของหุบเขาไม้คราม แม้แต่ประมุขและผู้อาวุโสฝ่ายจัดการก็ยังถูกเลือกจากศิษย์หลัก
อย่างไรก็ตามนี่มันทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่คนจากนิกายเดียวกัน แม้ว่าพวกเขานั้นจะเป็นคนจากนิกายเดียวกัน แต่การปฎิบัตินั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการที่มองคนอื่นเป็นศัตรู
หากมีคนครอบครองสมบัติไว้ พวกเขาจะถูกตั้งเป้าโดยศิษย์คนอื่นและถูกฆ่าโดยเหล่าศิษย์ เมื่อออกไปทำภารกิจ และคนที่ครอบครองนั้นจะถูกปล้นจนหมดตัว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกๆปี
แม้จะมีคนถูกจับได้และถูกลงโทษจำนวนมาก แล้วคนที่ยังไม่ถูกจับเล่า มันก็มีมากเช่นกัน
ด้วยเรื่องนี้ทำให้ฉีคง ไจ้ฉิงกังวลมาก ชูเฟิงนั้นโดดเด่น เขาไม่เพียงครอบครองทักษะมากมาย แต่ยังครอบครองยุทธภัณฑ์ระดับราชวงศ์ที่มีคุณสมบัติระดับสูงสุดด้วย แต่เขาที่ไม่ได้มีคนหนุนหลังและเป็นคนจากทะเลแดนใต้นั้น คนย่อมถูกปฎิเสธจากคนอื่นๆแน่นอน
ดังนั้นหลังจาก เข้าไปยังหุบเขาไม้ครามศัตรูของชูเฟิง ต้องเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วนโดยเฉพาะคนจากวิหารหมู่ดาวนักล่า ไม่เพียงเหล่าศิษย์เท่านั้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสก็พุ่งเป้าไปที่เขาเช่นกัน.
เรื่องนี้นั้นทำให้ฉีคง ไจ้ฉิงกังวลมาก เพราะตัวตนของชูเฟิงนั้นยิ่งใหญ่มาก ถ้าเรื่องนี้ถูกรู้หลังจากเขาเข้าไปยังหุบเขาไม้คราม เขาต้องตกเป็นเป้าของคนทั้งหลายแน่นอน
ประมุขนิกายสวรรค์นั้นเข้าใจความรู้สึกของฉีคง ไจ้ฉิง เขาจึงพูดขึ้นว่า”ประมุขฉีคง ท่านไม้ต้องกังวลด้วยพันธมิตรระหว่างเราไม่เพียงชูเฟิงจะเป็นศิษย์ของท่าน แต่เขายังนับว่าเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์ของพวกเราด้วย เราจะปกป้องเขาให้ดีที่สุด.””จริงสินะ”
ฉีคง ไจ้ฉิงพยักหน้าตอบ ความกังวลนั้นลดไปมากแล้ว เขาพบว่า ประมุขนิกายสวรรค์นั้นจริงใจต่อเขามาก และกลายเป็นพันธมิตรกับป่าไม้ครามใต้จริงๆ “เห้อ จากที่ข้าคิด เด็กทั้ง 2 นี่ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน ท่านคิดบ้างไหม ประมุขฉีคง”
แม่ของไป่ รู่วเฉินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หืม นี่มัน”
ในตอนนั้นฉีคง ไจ้ฉิง ก็พูดไม่ออก เมื่อเผชิญกับคำพูดเช่นนี้เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพียงฉีคง ไจ้ฉิง แม้กระทั่ง ประมุขนิกายสวรรค์ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ฮ่าๆ ข้าก็แค่ล้อเล่น ดูท่าทางของพวกท่านทั้ง 2 สิ.””ข้านั้น ปล่อยให้นางเลือกคนรักของตนเอง และคอยสนับสนุนเท่านั้น”
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งคู่ แม่ของไป่ รู่วเฉินก็พูดขึ้น ทำให้พวกฉีคง ไจ้ฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พูดตามตรง ฉีคง ไจ้ฉิง ก็คิดว่าทั้ง 2 นั้นเหมาะกันมาก ทั้ง 2 นั้นเป็นอัจฉริยะด้วยกันทั้งคู่ แต่การจะอยู่ร่วมกันนั้นต้องอาศัยความรัก ซึ่งทั้ง 2 นั้นยังไม่ปรากฏวี่แววใดๆ ถ้าดันให้ทั้ง 2 เป็นเช่นนั้นต่อไปมันคงจะไม่ดี
อย่างไรก็ตาม หลังจาก แม่ของไป่ รู่วเฉินพูดเสร็จ ฉีคง ไจ้ฉิง ก็มีความคิดที่จะดันทั้ง 2 อย่างลับๆ แม้ว่าทั้งสองสำนัก จะเป็นพันธมิตรกันแล้ว แต่การแต่งงานครั้งนี้นั้นจะทำให้มันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่ แม่ของ ไป่ รู่วเฉิน เขาก็ไม่รู้ว่าที่นางพูดนั้น เป็นเรื่องจนิงหรืออล้อเล่น เพราะตอนที่นางพูดนั้นนางดูจริงจังมาก
แม้ว่าอายุของแม่ไป่ รู่วเฉิน นั้นจะเยาว์กว่าเขาและประมุขนิกายสวรรค์มาก แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เขารู้สึกได้ถึงอันตรายจากนาง เขาจึงรู้สึกหวั่นเกรงนาง
สำหรับชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน พวกเขาไม่รู้สิ่งที่พวกฉีคง ไจ้ฉิงคุยกัน แต่ในตอนนั้นพวกเขาได้มาถึงส่วนลึกที่สุดของอุโมงค์แล้ว.
อุโมงค์ ก็ไม่ได้ตรงอย่างเดียวแต่มันมีทางเลี้ยวทางโค้งมากมาย นอกจากนี้มันยังมีรูปทรงสี่เหลี่ยมและกว้างมาก มันประดับด้วยหินที่สวยงาม ที่ส่องประกายไปทั่ว ทำให้ดูเหมือนอยู่ในเวลากลางวัน
ชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน ได้เดินเข้าไปในอุโมงค์ที่สว่างนี้ พวกเขานั้นไม่คิดจะวิ่ง มันเป็นเพราะภาพวาดที่อยู่ด้านข้างอุโมงค์นั้นดึงดูดเอาไว้ มันเป็นภาพที่เขียนเรื่องราวการต่อสู้บางอย่าง
ชูเฟิง และ ไป่ รู่วเฉิน ต่างถูกภาพวาดนี้ดึงดูด พวกเขาจึงค่อยๆเดินอย่างช้าๆ และที่พวกเขาไม่รีบนั้น เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรอยู่หรือไม่
ทันใดนั้น ชูเฟิงก็ถามขึ้นว่า”
แม่นางไป่ ทำไมเจ้าถึงโกหกกัน””เจ้าพูดเรื่องอะไร”
เมื่อได้ยินคำถามของชูเฟิง ไป่ รู่วเฉิน ก็ตกใจมาก “เจ้าไปถึงชั้น 9 แล้วแต่ทำไมบอกว่าถึงแค่ชั้น 6 ล่ะ”
ชูเฟิงถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
ไป่ รู่วเฉิน มองชูเฟิง หลังจากนั้น นางก็เร่งความเร็ว
ชูเฟิงนั้น ยังคงใจเย็นอยู่ เขานั้นคุ้นเคยกับการรับมือของหญิงสาวอายุน้อยกว่าเขาแล้ว โดยเฉพาะสาวงามผู้เยือกเย็นนั้นเขาจังรู้จักอีกคน นั่นคือ ทันไท เชว่
อย่างไรก็ตาม ที่ในตอนนั้น ชูเฟิงก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ แม้ไป่ รู่วเฉิน จะไม่บอกว่าทำไมแต่เขาก็รู้ว่านางนั้นได้ไปถึงชั้น 9 จริงๆ
ในตอนนั้น ไป่ รู่วเฉิน ก็หันกลับมาแล้วพูดว่า”
เจ้าสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง และข้าจะบอกว่าทำไม”
นอกจากนี้ นางยังพูดพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชา
เมื่อนางยิ้มนางนั้นดงงามมาก ราวกับดอกบัวที่เบ่งบางภายในน้ำแข็ง นางนั้นงดงามจริงๆ
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น ชูเฟิงก็บ่นอยู่ในใจ มันเพราะบนหน้านางนั้นราวกับเขียนว่า นางวางแผนไว้อยู่
ReaDMGA ////////////////////////////////////////