I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Coiling Dragon (盘龙) ตอนที่ 49 การแกะสลักหิน (ตอนต้น)

| Coiling Dragon (盘龙) | 735 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

แสงที่อบอุ่นของดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิส่องลงมาที่พี่น้องแห่งห้อง 1987 ที่กำลังพักผ่อนในสวนหลังห้อง

‘เยล’, ‘จอร์จ’, ‘เรย์โนลด์’ คุยกันเรื่อยเปื่อย  ในตอนนี้ ‘เยล’และ’จอร์จ’มีอายุ 16 ปีทั้งคู่ ขณะที่’เรย์โนลด์’นั้น 14 พวกเขาทั้งสามสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่’เรย์โนลด์’ที่เตี้ยที่สุดยังสูงถึง 1.6 เมตร และที่สูงที่สุดคือ’เยล’ที่สูง 1.9 เมตร

 “จอร์จ อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าพวกเราสองคน แม้แต่น้องสี่ยังเสียซิงแล้ว นายกับน้องสามยังรออะไรอยู่  เอาอย่างนี้ สิ้นเดือนนี้ ทำไมนายกับน้องสามไม่ไปที่ “Jade Water Paradise” ในเมืองเฟนเลียล่ะ ฉันออกให้เอง ฉันรับรองว่านายทั้งคู่จะมีความสุขสุดๆ ฉันยังรับรองว่าได้หญิงเวอร์จิ้นแน่ สนใจมั้ย”

‘เยล’กำลังยกหินสองก้อนเป็นการเล่นส่วนอก ในขณะที่หัวเราะหลังพูดจบ

หินสองก้อนนั้นแต่ละก้อนหนัก 20-30 ปอนด์ ‘เยล’ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักทีละนิด

‘จอร์จ’ก็หัวเราะตาม

“บอสเยล เลิกตื๊อเราเถอะน่า ทำไมพวกนายไม่ไปสวรรค์ jade water แล้วให้น้องสามกับฉันไปดื่มเฉยๆล่ะ  อย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ”

‘เรย์โนลด์’ล้อจากด้านช้าง

“จอร์จ นายไม่ใช่พูดชายชัวร์ๆ”

‘จอร์จ’หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ในที่สุด เสียงฝีเท้าค่อยๆดังมาจากภายนอกสวน ‘เยล’หินทั้งสองก้อนลงและมุ่งหน้าไปทางออกสวนขณะที่พูดว่า

“ฉันพนันว่าเป็นน้องสาม เข้ามาๆ ได้เวลากิน…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ‘เยล’ได้เงียบลง

เขาเห็น’ลินเลย์’ก้าวยาวๆเข้ามา พร้อมกับแบกหินขนาดยักษ์ไว้บ่นบ่าซึ่งสูงอย่างต่ำสามฟุตและหนักไม่ต่ำกว่าร้อยปอนด์

แต่’ลินเลย์’กำลังยกหินนี้เข้ามาในหออย่างง่ายดาย  ‘เยล’ ‘จอร์จ’ ‘เรย์โนลด์’ล้วนตกตะลึง อ้าปากค้าง  ‘ลินเลย์’วางหินก้อนยักษ์ไว้ที่มุมสวนอย่างระมัดระวัง และเสียงหินกระทบพื้นหนักๆทำให้ใจพวกเขาสั่นสะพรึง

 “วอทเดอะฟัค?อะไรฟะนี่ น้องสาม ฉันรู้ว่านายแข็งแรง แต่นายแข็งแรงขนาดนี้ได้ยังไงกัน”

‘เยล’จ้องที่ก้อนหิน

“หินก้อนนี้กลวงอย่างนั้นหรือ”

ทันทีที่พูด ‘เยล’ขยับไปข้างหน้าแล้วกางแขนออกเพื่อทดสอบหินก้อนนี้

“ฮึ้บ!”

‘เยล’ใช้แรงทั้งหมดที่เขามีจนหน้าของเขาแดงเข้ม แต่ก้อนหินยักษ์ดูเหมือนมีรากไชลงไปในดินทำให้มันไม่ขยับแม้แต่น้อย

 “บอสเยล เลิกใช้แรงอย่างเปล่าประโยชน์เถอะ มันไม่มีทางที่นายจะเคลื่อนย้ายมันได้หรอก”

‘ลินเลย์’หัวเราะ

พลังกายของ’เยล’นั้นอ่อนแอกว่านักรบขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ เขาจะยกมันได้อย่างไร

‘เรย์โนลด์’จ้องที่ก้อนหินตากลม  ระบายลมหายใจอย่างทึ่งๆ สุดท้ายเขาหันหัวกลับไปจ้อง’ลินเลย์’อย่างสงสัย

“เฮ้ ลินเลย์ ทำไมนายเอาหินก้อนยักษ์นี่มาในหอเราล่ะ  โอ้ ฉันรู้ละ!”

ตาของ’เรย์โนลด์’เบิกกว้างขี้น

“ฉันเคยเห็นนักรบที่ทรงพลังใช้มือเปล่ายกก้อนหินยักษ์เป็นการฝึกฝน  นายกำลังเตรียมตัวจะยกน้ำหนักเหรอ”

“ก้อนหินนี่มันบดฉันเป็นเนื้อบดได้เลยนะนี่”

‘จอร์จ’จ้องที่ก้อนหินแล้วยังระบายลมหายใจอย่างทึ่งๆก่อนจะหันไปมอง’ลินเลย์’อย่างสงสัย

“น้องสาม ทำไมนายนำหินก้อนยักษ์นี่เข้ามาในที่พักเราล่ะ”

‘ลินเลย์’ยิ้มให้พี่น้องทั้งสามของเขา และพูดออกมาสองคำ

“แกะสลัก!”

ตามที่’โดริง โควาร์ท’พูดไว้ รูปสลักของเขาถูกจำแนกไว้ตั้งในห้องโถงทั่วไป แต่มันใช้เวลามากในการแกะสลักแต่ละชิ้นและปกติแล้วหนึ่งวันมักไม่พอ  ในอดีต เขาแกะสลักที่หลังเขาได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้อผิดพลาด แต่ตอนนี้นั้นต่างออกไป

“แกะสลัก?”

‘เรย์โนลด์’ ‘จอร์จ’ และ’เยล’ต่างจ้องมอง’ลินเลย์’ด้วยแววตาตื่นตะลึง

“อะไรกัน นี่มันน่าตะลึงหรือ?”

‘ลินเลย์’หันกลับไปมองสามพี่น้อง

‘เรย์โนลด์’รีบพูด

“มันไม่ใช่ตะลึง ไม่ใช่  มันโคตรน่าทึ่ง!พวกเราสี่พี่น้องอาศัยร่วมกันมาหกเจ็ดปีแล้ว แต่ฉันยังไม่เคยเห็นนายแกะสลักหินมาก่อน นายวางแผนจะเริ่มฝึกวันนี้หรือ?”

‘ลินเลย์’หัวเราะ

“ใครว่าฉันไม่เคยฝึกมาก่อน? ฉันฝึกแกะสลักหินที่หลังภูเขามาเกินห้าปีแล้วนะตอนนี้ แต่ตอนนี้ หลังจากงานชิ้นนี้สำเร็จ ฉันวางแผนที่จะนำมันไปแสดงที่ห้องแสดงโพรลซ์[Proulx Gallery]เพื่อดูว่ามันสามารถขายได้รึไม่”

เพื่อจุดประสงค์ในการรวบรวมเงินให้มากพอเพื่อให้น้องชายของเขา ‘วาร์ตัน’ มีทุนรอนมากพอที่จะไปจักรวรรดิโอไบรอันเพื่อสอบเข้าและรับการฝึกฝน พรรคบารุคใช้เงินไปจนหมดเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างนี้ ‘ฮ็อก’ยังคงมีความสุขมาก

ถ้าหากครอบครัวของเขาล้มละลายล่ะ?

ลูกชายคนโตของเขา ‘ลินเลย์’ เป็นนักเรียนที่สถาบันเอิรนส์ หลังจากจบการศึกษาจะกลายเป็นมากัสที่ทรงพลังอย่างแน่นอน  และลูกชายคนเล็กของเขา ‘วาร์ตัน’ มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นนักรบเลือดมังกร

‘ฮ็อก’นั้นมองเห็นรุ่งอรุณอันงดงามของพรรคบารุคได้

“ห้องแสดงโพรลซ์?”

หลังจากได้ยินคำนี้ ‘เยล’และอีกสองคนมอง’ลินเลย์’อย่างตะลึง

‘ลินเลย์’เป็นความภาคภูมิใจของหอ 1987  ถึงแม้อายุเพียงสิบห้าปี เขากลับได้เรียนชั้นปีที่ห้าที่สถาบันเอิรนส์ และได้รับการขนานนามร่วมกับ’ดิกซี่’ว่าเป็นหนึ่งใน ‘สองยอดอัจฉริยะแห่งสถาบันเอิรนส์’ ‘เยล’และคนอื่นๆล้วนรู้ว่า’ลินเลย์’เป็นอัจฉริยะ แต่ว่า…

การแกะสลักหินนั้นเป็นศิลปะที่ลึกซึ้งมาก

ผู้คนมากมายฝึกฝนอย่างอุตสาหะเป็นทศวรรษ แต่ยังเป็นได้เพียงช่างแกะสลักทั่วไป  เมื่อมันเป็นศิลปะโบราณที่มีมายาวนานมาก มันง่ายที่จะชำนาญในด้านแกะสลักได้อย่างไร? ‘ลินเลย์’กล้าคิดได้อย่างไรว่าผลงานของเขาจะได้รับการจัดแสดงในห้องแสดงศิลปะที่ได้รับความเคารพมากที่สุด ห้องแสดงโพรลซ์?

“น้องสาม อย่าเพื่งมั่นใจไป”

‘จอร์จ’ล้อในเชิงปลอบใจ

“ลินเลย์ ฉันกังวลว่า…รูปสลักของนาย จะมีคนซื้อไปจริงๆหรือ”

‘เรย์โนลด์’ขมวดคิ้ว หน้าตาเขาแสดงความไม่เชื่อถือ

‘เยล’หัวเราะอย่างดัง

“ทำไมพวกนายแสดงท่างอย่างนี้? น้องสาม ไปกันเถอะ นำมันไปจัดแสดง นานเท่าที่นายจัดแสดง ฉันจะจ่ายหนึ่งหมื่นทองเพื่อซื้อมันและจะช่วยขจายชื่อเสียงของนายเอง”

“ฉันพูดเรื่องจริงนะ”

‘ลินเลย์’เอาสิ่วตรงออกมาจากเสื้อเขา

“สิ่วตรง?”

‘เรย์โนลด์’พูดอย่างประหลาดใจ

“ลินเลย์ ดูเหมือนนายกำลังเตรียมตัวนะ แต่ในอดีต ฉันก็เคยเรียนแกะสลักเหมือนกัน ฉันเลยรู้ว่ามันต้องใช้เครื่องมือหลายชนิด มีทั้งสิ่วตรง สิ่วโค้ง สิ่วสามเหลี่ยม มีดหยก และเครื่องมืออย่างเลื่อย แล้ว นายเตรียมมาแค่อย่างเดียวหรือ?”

‘จอร์จ’ ‘เรย์โนลด์’ และ’เยล’ยังพอรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศิลปะ

‘ลินเลย์’ไม่พูดมาก

กวัดแกว่งสิ่วตรงในมือเขา ‘ลินเลย์’เข้าสู่สภาวะสงบจิตอย่างเป็นธรรมชาติ วิญญาณของเขาสัมผัสได้ถึงแก่นแก่งดินที่กำลังไหลเวียนผ่านทางก้อนหินตรงหน้าเข้า และยังรู้สึกถึงเส้นเลือดภายในนั้นอยู่บ้าง  ‘ลินเลย์’ยิ้มและเริ่มใช้สิ่ว

แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากสิ่ว ทำให้’เรย์โนลด์’และคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆหรี่ตาลง แต่พวกเขายังคงจ้องที่ก้อนหินต่อไป

“วูช!”

ไม่ว่าที่ใดที่เงาของสิ่วทาบทับ หินชิ้นใหญ่เริ่มร่วงลง

“นี่เป็นไปได้ยังไง?”

‘เยล’มองดูอย่างตื่นตระหนก

“เพื่อที่จะเลาะหินชิ้นใหญ่อย่างนั้นออก ต้องใช้เลื่อยตัดออก เขาเอาออกใช้เพียงสิ่วตรงจริงๆ ข้อมือของเขามีพละกำลังที่น่าตะลึงถึงไหนกัน?”

ถัดไปจากเขา ‘เรย์โนลด์’และ’จอร์จ’ต่างเงียบสนิท

กำลังข้อมือ?

เพื่อที่จะทำแบบเดียวกันกับ’ลินเลย์’ โดยทุกๆการตัดล้วนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นนอกจากกำลังข้อมือ

‘ลินเลย์’สงบราวกับบ่อน้ำที่นิ่งสนิท สิ่วตรงในมือซ้ายของเขายื่นออก สลักทุกๆส่วนบนก้อนหินอย่างรวดเร็ว และชิ้นส่วนที่เกินออกมาร่วงหล่นลงอย่างต่อเนื่อง โดยธรรมชาติ ท่าทางอันงดงามที่’ลินเลย์’ใช้แกะสลักนั้น เป็นอะไรที่น่าดูชม

“น้องสาม เขา…”

‘เยล’ ‘จอร์จ’ และ’เรย์โนลด์’สบตากัน ในตอนนี้ พวกเขารู้สึกจากในหัวใจของพวกเขาว่าบางที ‘ลินเลย์’อาจจะเป็นช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

สงบนิ่ง เป็นธรรมชาติ

‘ลินเลย์’พอใจในความรู้สึกยามแกะสลักมาก ในระดับปัจจุบันของเขา ‘ลินเลย์’ไม่ต้องพิจารณาว่าส่วนไหนควรใช้แรงเท่าใด สิ่วตรงในมือของเขาจะใช้แรงที่พอเหมาะที่สุดเอง นี่เป็นผลจากจิตใต้สำจึก

เทียบกับ ‘สำนักสิ่วตรง’?

ไม่มีสำนักแกะสลักหินแห่งอื่นทำอย่างนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญของสำนักอื่นล้วนใช้เครื่องมือหลากหลายชนิดสำหรับแต่ละส่วนของงานแกะสลัก แค่นี้ก็ใช้แรงจนหมดแล้ว

ตามธรรมชาติและควบคุมไม่ได้ การแกะสลักหินของ’ลินเลย์’ชักนำแก่นวิญญาณของเขาให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว เหมือนหญ้าหลังฝน ความรู้สึกของการพัฒนานี้ทำให้’ลินเลย์’รู้สึกอัศจรรย์สุดๆ และทำให้เขารู้สึกสบายจากแกนร่างของเขา

มือขวาของ’ลินเลย์’หยุดลงในที่สุด

สักพักฝุ่นที่ปลิวคลุ้งและเศษหินก็สงบลง แต่โครงร่างของสัตว์เลื้อยคลานเริ่มเห็นได้จากก้อนหิน

“ทำไมพวกนายยืนงงอยู่ตรงนั้นล่ะ? ตะลึงกันหมดหรอ?”

‘ลินเลย์’หัวเราะเมื่อเขาหันไปมอง’เยล’และคนอื่น

“ฉันเพิ่งจะทำโครงร่างแบบง่ายๆ ฉันยังต้องใช้เวลาและความพยายามอีกมาก มาเถอะ ไปกินมื้อเที่ยงกัน”

‘เยล’ ‘จอร์จ’ และ’เรย์โนลด์’สบตากัน

จากที่’ลินเลย์’แสดงให้พวกเขาเห็นเมื่อครู่ พวกเขาทั้งสามคนมั่นใจในสิ่งหนึ่ง

“อัจฉริยะ”

‘เยล’พูดอย่างประทับใจ

“อัจฉริยะท่ามกลางหัวกะทิ”

‘จอร์จ’เพิ่มเติม

แม้ท่ามกลางเหล่านักแกะสลัก สำหรับคนที่สามารถมาถึงระดับความเชี่ยวชาญของ’ลินเลย์’ในเวลาห้าหรือหกปีนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบศตวรรษ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments