I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Coiling Dragon (盘龙) ตอนที่ 50 การแกะสลักหิน (ตอนปลาย)

| Coiling Dragon (盘龙) | 704 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ภายในโรงแรมฮูเดลี

‘เยล’

“วันนี้ เราได้รู้ว่าน้องสามนั้นเป็นช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญ พวกเราต้องออกไปฉลองกันซะแล้ว ไปที่โรงแรมฮูเดลีกันเถอะ”

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งสี่จึงไปที่โรงแรมฮูเดลี ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในโรงแรม นักเรียนหลายๆคนที่เดินอยู่ในโรงแรมหันมามองที่พวกเขาเป็นทางเดียว

สายตาของนักเรียนเกือบทั้งหมดจ้องมาที่’ลินเล’

‘ดีซี่’, ‘ลินเล’!

อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในสถาบันเอิร์นส ทุกที่ที่พวกเขาไปกลายเป็นจุดรวมความสนใจ ในที่ที่ไกลออกไป นักเรียนหลายๆคนเริ่มพูดคุยกันเบาๆ

สี่พี่น้องนั่งลงแล้ว และอาหารก็มาเสิร์ฟ

“ชวีค ชวีค”

เบเบ ที่หลับอยู่ตลอดเวลา ยื่นหัวเล็กๆของมันออกมาจากผ้าคลุมของ’ลินเล’ ดวงตาที่ดูดุร้ายและฉลาดจ้องไปที่ไก่ย่างบนโต๊ะเป็นประกาย ‘เรย์โนลด์’หยิบไก่และยื่นไปให้เบเบ

“เบเบ มานี่มา”

“บอสลินเล ฉันอยากกินแล้ว”

เบเบพูดกับ’ลินเล’ทางจิต

ก่อนที่’ลินเล’จะทันได้ตอบ เบเบก็กระโดดไปบนโต๊ะแล้วหยิบไก่มากิน ไม่ถึงสิบวินาที ไก่ย่างทั้งตัวถูกกินโดยชาโดว์เมาส์ตัวน้อย

“น้องสาม แต่ละครั้งที่ฉันได้เห็นว่าเบเบกินได้เร็วแค่ไหน ใจฉันสั่นระริกเลยล่ะ”

‘เยล’หัวเราะ

หลังจากกินเสร็จ เบเบหันไปมอง’ลินเล’ เมื่อเห็นคราบมันที่อุ้งเท้าของเบเบ ‘ลินเล’ก็ขมวดคิ้ว

“ชวีค ชวีค”

เบเบร้องอย่างร่าเริงอยู่หน้า’ลินเล’ และหลับตาครี่งนึงในท่าทางที่ดูมีความสุขมาก ในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งร่างกายของมันแผ่แสงสีดำ ออร่าสีดำขยายออก จากนั้นก็หายไปในชั่วพริบตา แต่อุ้งเท้าทั้งสองของเบเบที่เคยมันกลับมาสะอาดอีกครั้ง เช่นเดียวกับหางของมัน

หลังจากถูหน้าของตัวเอง เบเบก็จ้องไปที่’ลินเล’และร้องออกมาทีนึง พร้อมกับพูดทางจิต

“บอสลินเล นี่สะอาดพอรึยังฮะ”

‘ลินเล’หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้

“วูบ”

เพียงชั่วพริบตา เบเบก็มุดกลับไปอยู่ในเสื้อ’ลินเล’เช่นเดิม

จากนั้น พี่น้องทั้งสี่ก็เริ่มกินและสนทนากัน

“ใช่แล้ว น้องสาม ถ้านายตั้งใจจะส่งรูปสลักของนายไปที่ห้องแสดง Proulx มีสองสามเรื่องที่นายต้องจำไว้ให้ดี”

‘เยล’เตือน’ลินเล’

“โอ้? แล้วฉันต้องจำอะไรบ้างล่ะ”

‘ลินเล’ถาม

‘ลินเล’ไม่รู้เกี่ยวกับระบบการรับงานแกะสลักของห้องแสดง Proulx เลยสักนิด

‘เยล’ยิ้ม

“สำหรับรูปสลักส่วนมาก ที่มุมล่างซ้าย ศิลปินจะทิ้งชื่อจริงหรือนามปากกาไว้ด้วย เพื่อระบุว่าเป็นงานของตัวเอง นั่นคืออย่างแรก อย่างที่สองคือเมื่อรูปสลักถูกส่งไปที่ห้องแสดง Proulx มันต้องถูกปิดผนึกและบรรจุใส่กล่อง นี่เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่งไปยังห้องแสดง เมื่อรูปสลักที่ปิดผนึกแล้วถูกส่งไปยังคลังสินค้าของห้องแสดง Proulx จะมีคนที่ตรวจสอบเพื่อหาจุดขายของงาน และจดบันทึกรายละเอียดส่วนตัวของนาย ปกติจะใช้เวลาสามวันโดยประมาณ ก่อนที่งานของนายจะพร้อมจัดแสดงที่ห้องธรรมดาในห้องแสดง Proulx”

‘ลินเล’พยักหน้า

การทิ้งชื่อของคนๆหนึ่งบนงานศิลป์ของเขาเป็นการป้องกันผู้อื่นแอบอ้างว่าเป็นของตน

‘ลินเล’สามารถเข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องปิดผนึกรูปสลักและบรรจุกล่อง

“รูปสลักบางชิ้นถูกแกะสลักอย่างปรณีตและละเอียดอ่อน ในขั้นตอนการขนย้ายย่อมมีโอกาสแตกหักเสียหายได้ ถ้าเราปิดผนึกให้มิดชิด แล้วเพิ่มกระดาษและแผ่นผ้า มันก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น”

“แล้วเรื่องราคาและการประมูลล่ะ ห้องแสดง Proulx เป็นคนจัดการให้งั้นหรือ”

‘ลินเล’ถาม

จุดประสงค์ที่ส่งรูปสลักไปห้องแสดง Proulx นั้นก็เพราะต้องการเงิน และใช้ในการพัฒนาสภาพของครอบครัว

‘เยล’พูดอย่างชื่นชม

“รูปสลักถูกจัดไว้ในห้องธรรมดา และผู้ซื้อก็สามารถตั้งราคาตามที่พวกเขาต้องการ หลังจากหนึ่งเดือน ผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุดจะได้รับรูปสลัก แล้วนายก็จะได้ค่าตอบแทนไงล่ะ ตามปกติ ห้องแสดง Proulx จะได้รับค่าดำเนินการ 1% โดยจำกัดมากสุดที่สิบเหรียญทอง ถ้ารูปสลักของนายมีราคาเกินหนึ่งพันเหรียญทอง ค่าตอบแทนของห้องแสดงก็ยังเป็นสิบเหรียญทองเหมือนเดิม ”

ตอนนี้’ลินเล’เข้าใจแล้ว

“น้องสามไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดคนในเมืองเฟนเลียให้ดูแลทุกอย่างให้เอง ฉันรับประกันเลยว่าจะเป็นไปตามที่นายต้องการ”

‘เยล’ยิ้มให้’ลินเล’ในขณะที่พูด

“ถ้าน้องสามของพวกเราส่งรูปสลักไปที่ห้องแสดงและขายได้ราคาดี เราก็จะได้หน้าไปด้วย”

‘จอร์จ’ที่อยู่ข้างๆทำได้เพียงชื่นชม

“น้องสาม ตอนนี้นายเป็นนักเรียนชั้นที่ห้า และในอนาคตนายคงเป็นปรจารย์ด้านการแกะสลักด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย อนาคตของนายไม่มีจำกัดและดีกว่าพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ปรจารย์นักแกะสลัก? อย่ายกยอฉันเกินไปเลย”

‘ลินเล’หัวเราะให้ตนเอง

สี่พี่น้องคุยกันต่อพร้อมทั้งทานอาหารไปด้วย

“อาศัยอยู่ในสถาบันเอิร์นสนี่ช่างสบายจริงๆ”

สุดท้าย’เยล’ถอนหายใจ เขาวางแก้วไวน์ลง

“ฉันจำตอนที่ฉันยังเด็กและอยู่ที่บ้านของฉันได้ กฎภายในครอบครัวเราเข้มงวดมากๆ”

‘เรย์โนลด์’เลียริมฝีปากของเขา

“พวกเราทั้งหมดเป็นนักเรียนของสถาบันเอิร์นส จากที่ปู่โลมุว่าไว้ว่า โลกนี้นั้นวุ่นวายมาก ในโลกภายนอกนั้น มีแต่สงครามและการฆ่าฟัน สถาบันเอิร์นสมีโบสถ์แห่งแสงเป็นเบื้องหลัง จึงไม่มีใครกล้าบุกรุก นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราอยู่กันอย่างสบายๆ ในอนาคต เมื่อพวกเราออกไปฝึกฝนในโลกจริง พวกเราจะได้เห็นว่าโลกโหดร้ายขนาดไหน”

“ถูกที่สุด”

‘ลินเล’ผงกหัวและถอนหายใจ

“ตอนนี้ฉันก็เป็นนักเรียนชั้นที่ห้าแล้ว เพื่อนร่วมห้องของฉันมากมายได้ออกไปฝึกฝนที่โลกภายนอกแล้ว จากที่พวกเขาพูดมา มีนักเรียนบางคนที่ตายในการต่อสู้ที่ข้างนอกนั่น และอีกหลายคนที่บาดเจ็บหรือพิการ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ถึงตาย พวกเราก็พัฒนาได้ยาก”

“พวกเราก็เหมือนสัตว์เลี้ยงของพวกชนชั้นสูง ชีวิตพวกเราอาจจะง่ายๆ แต่มันจะเทียบกับความโหดร้ายในโลกจริงได้ยังไง”

‘จอร์จ’ยังคงถอนหายใจ

“ฉันตั้งตารอคอยชีวิตที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างที่นักเรียนชั้นสูงได้พบเจอ ชีวิตที่น่าตื่นเต้นนั้นต้องเร้าใจสุดๆแน่ๆ”

‘จอร์จ’ ‘เยล’ ‘เรย์โนลด์’และ’ลินเล’ล้วนเลยสิบห้าปีกันหมดแล้ว ในใจของพวกเขามีความกระตือรือร้นต่อเหตุการณ์ภายนอกที่น่าตื่นเต้น

แต่’เยล’และคนอื่นนั้นอ่อนแอเกินไป ถ้าพวกเขาต้องมีชีวิตอย่างนั้น โอกาสที่พวดเขาจะตายนั้นมีสูงมาก

“ลินเล ตอนนี้นายเป็นนักเรียนชั้นที่ห้าแล้วใช่มั้ย”

สุดท้าย’เรย์โนลด์’ก็ถามออกมา

‘เยล’กับ’จอร์จ’หันไปมอง’ลินเล’ ตาพวกเขาเป็นประกาย

‘ลินเล’สูดหายใจลึกๆและพยักหน้า

“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนชั้นที่ห้า จัดได้ว่าฉันเป็นมากัสชั้นสูงแล้ว ในเดือนมิถุนา ฉันวางแผนจะเดินทางไปเขตภูเขาแห่งสัตว์เวทสักสองเดือน แล้วกลับมาในเดือนสิงหา”

‘ลินเล’ตัดสินใจมานานแล้ว

“เขตภูเขาแห่งสัตว์เวท”

‘จอร์จ’ ‘เยล’และ’เรย์โนลด์’สูดหายใจอย่างเหน็บหนาว

เขตภูเขาแห่งสัตว์เวท เขตภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูแลน ตั้งอยู่ห่างจากสถาบันเอิร์นสไปทางทิศตะวันออกไม่ถึงร้อยกิโลเมตร นักเรียนระดับสูงหลายคนไปผจญภัยที่นั่นเพื่อการฝึกฝนในครั้งที่สองหรือสาม แต่ในครั้งแรก เกือบทุกคนจะเลือกสถานที่ที่ธรรมดากว่านี้

ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะรับงานที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างเช่นงานคุ้มกันบุคคลหรือกองคาราวาน

“ลินเล นายวางแผนจะไปเขตภูเขาสัตว์เวทตั้งแต่ครั้งแรกเลยหรือ”

‘เรย์โนลด์’ถามอย่างช่วยไม่ได้ ‘จอร์จ’และ’เยล’ก็เป็นกังวล

“วางใจเถอะน่า ฉันมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ”

‘ลินเล’ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง ทั้งในฐานะมากัสขั้นที่ห้าและนักรบขั้นที่สี่ เขามีความเร็วที่มากในฐานะนักรบและยังสนับสนุนด้วยเวทสายลม ‘Supersonic[ความเร็วเสียง]’ ด้วยสองสิ่งนี้ ‘ลินเล’มีความเร็วเทียบเท่ากับนักรบขั้นที่หก

และที่สำคัญที่สุด

‘ลินเล’สามารถใช้เวทลมขั้นสูงได้ “Floating Technique[การลอยตัว]”

หมายเหตุ

1.ห้องแสดงภาพนั้นผมไม่มั่นใจในการออกเสียงจึงขอทับศัพท์นะครับ

2.มากัสเปลี่ยนเป็นนักเวทดีมั้ยครับ เพราะแวริเออร์ผมก็ใช้นักรบ

3.ชื่อท่าผมของอธิบายชื่อไทยเพียงครั้งแรกนะครับ

4.ผมแปลนานพอตัวนะครับตอนนึงไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง เพราะผมตรวจคำผิดด้วย ถ้าอยากให้เร็วกว่านี้บอกได้นะครับ อาจจะผิดเยอะขึ้นบ้าง

5.มาอีกตอนน่าจะสิ้นเดือนแหละครับ ผมสอบยังไม่เสร็จ

ที่มา:

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments