ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปซวนหยวนถลกหนังอสูรพยัคฆ์ทมิฬและนำไปตากบนหิน
เนื้อของอสูรพยัคฆ์ทมิฬเต็มไปด้วยมัดกล้ามและมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเนื้อหมูป่า เขาแยกมันออกเป็น 2 ส่วน หนึ่งนำไปทำเนื้อสด อีกหนึ่งนำไปตากแห้ง
ถึงแม้ซวนหยวนจะร่ำรวยกว่าแต่ก่อน แต่เขาก็ไม่สามารถจะเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของได้ ดังนั้นเงินทั้งหมดจึงไร้ประโยชน์ เขายังจำเป็นที่จะต้องล่าสัตว์ประทังชีวิต
“สำนักจันทร์พฤกษา? ดีมาก, เจ้าได้สร้างโอกาสให้กับตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ชาญฉลาดมาก ข้าจะอยู่กับเจ้าได้อีกแค่ 20 กว่าวัน มันเป็นสิ่งถูกต้องที่เจ้าจะเลือกมัน” หยินเฉินลู่ยังสวมใส่ชุดสีขาวของนาง ดูแล้วคล้ายกับเทพธิดาที่ไร้ที่ติ
ซวนหยวนพยักหน้าและกล่าว“ ข้าไม่ได้สนใจสำนักจันทร์พฤกษา ถ้าท่านจะอยู่สอนข้าต่อ ”
เขาเดินออกไปและนั่งอยู่ริมแม่น้ำ หัวใจของเขากระสับกระส่ายเป็นอบย่างมาก
อาจารย์คนสวยเดินเข้ามาในชีวิตของเขา นางไม่ได้สิ่งอะไรตอบแทนแต่ก็ทำเพื่อเขามากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เขาคงตกตายไปนานแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมสำนักจันทร์พฤกษา นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาไม่มีคิดที่จะปกปิดอะไรจากนาง
เขาครุ่นคิดอยู่ครึ่งชั่วยาม และทำให้หัวใจของเขาสงบลง
ตัดสินจากสิ่งที่เขาได้เห็น เยว่หรงได้เข้าสู่ขอบเขตนักรบแล้ว มันหมายความว่าถ้าเขาต้องการที่จะเป็นศิษย์ของสำนัก เขาก็จะต้องเข้าสู่ขอบเขตนักรบเช่นกัน
เสียงของหยินเฉินลู่พลันดังขึ้นในหัวของเขา “ ถ้าเจ้าต้องการที่จะก้าวข้ามสู่ขอบเขตนักรบ เจ้าจำเป็นที่จะต้องรู้สึกได้ถึงร่างกายของเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเข้าใจการเชื่อมต่อระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อของเจ้า… ”
ซวนหยวนเข้าใจเรื่องนี้ในทันที ผิวหนังของเขาสามารหายใจและรับพลังปราณเข้ามาทำความสะอาด สิ่งสกปกถูกบังคับให้ออกไป
ทันใดนั้น เขาสามารถรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนจากผิวหนังของเขา ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เขาสามารถรับรู้ถึงกล้ามเนื้อภายใต้ผิวหนังของเขาได้
พลังงานจู่ๆ ก็พุ่งออกมาจากกล้ามเนื้อของเขา เขาสามารถรับรู้ได้ถึงการไหลเวียนของพลังปราณในปริมาณมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อของเขา พลังปราณเริ่มไหลเข้าสู่กล้ามเนื้อและแผดเสียงร้อง
ซวนหยวนรู้สึกราวกับว่าผิวหนังและกล้ามเนื้อของเข้าหลอมรวมเข้าด้วยกัน!
เขารู้สึกราวกับว่าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าวัว 18 ตัว เพิ่มไปเป็น 24 ตัว
แม้ว่าอสูรหมียักษ์จะยืนอยู่หน้าเขาตอนนี้ ซวนหยวนก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะมันได้
ซวนหยวนรู้สึกความสำเร็จของเขาและประหลาดใจกับมัน
เขามีความเข้าใจในเรื่องการเชื่อมต่อระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อแล้ว เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบแต่กลับมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับวัว 24 ตัว นี่มันเปรียบเหมือนการที่คนธรรมดาก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบได้ถึงสองครั้ง ร่างกายของลูกศิษย์ของข้าคนนี้ เป็นดั่งสับประหลาดโดยแท้”
“ยอดเยี่ยมมาก” หยินเฉินลู่ก้าวออกมาจากบ้านต้นไม้ นางถือเสื้อเกราะที่ทำจากโลหะอ่อนและมอบมันให้กับซวนหยวน มันมีคำจารึกตัวเล็กๆสลักอยู่และ มีเคล็ดวิชาต่อสู้สลักอยู่ด้านบน
“ นี่เป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยในการชำระผิวหนังของเจ้า เคล็ดวิชาต่อสู้นี้เรียกว่า “เคล็ดวิชากรงเล็บห้ามังกร” ในการฝึกฝนต่อไปนี้ เจ้าจะต้องดูดซับพลังปราณเข้าไปในกล้ามเนื้อของเจ้า เพื่อสั่งให้มันเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของเจ้า จำไว้ ถ้าจะให้ดีที่สุด เจ้าต้องปิดจุดชีพจรทันทีหลังจากที่ดูดซับพลังปราณเข้าไปได้ส่วนหนึ่ง เพื่อไม่ให้มันลั่วไหลออกมา ส่วนชุดเกราะนี้มีชื่อว่า “ตาชั่งมังกรไฟ” ข้าให้เจ้า รับมันไปซะ ”
ซวนหยวนรับชุดเกราะมา เข้าตื่นเต้นอย่างมากและจำดจำทุกอย่างที่จารึกเอาไว้ด้านบน เขาสวมมัน เกราะที่มีความอ่อนนุ่มผสานเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์และรู้สึกสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าพลังป้องกันของเกราะนี้ แข็งแกร่งกว่าแม้กระทั่งเกร็ดของมังกร ชีวิตของเขาจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากเกราะชุดนี้
“ เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของเคล็ดวิชา ‘กรงเล็บห้ามังกร’ ”
ไหล่ของหยินเฉินลู่โผล่ออกมาจากชุดของนาง ผมสีดำเข้มของนางปริวไสวขึ้น ขณะที่นิ้วมือที่เปรียบเหมือนหยกขาวกำลังรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นกำปั้น ทันใดนั้นนางดูเหมือนกับมังกรที่กำลังโผบิน นางปล่อยหมัดออกไปและ คลื่นที่รูปร่างคล้ายมังกรพุ่งออกจากหมัดของนาง ผมของนางสงบลงและนางก็ปิดจุดชีพจรทั้งหมด
“ ความแข็งแกร่งระดับวัวเป็นเพียงความแข็งแกร่งของสัตว์เดรัจฉาน ความแข็งแกร่งด้านกายภาพที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นคือ แรงกดดัน ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่สามารถบดขี้ทุกอย่างได้ พลังที่เทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของวัวนั้นเป็นพื้นฐานที่สุด เมื่อเจ้าเข้าสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้น เจ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด ”
หยินเฉินลู่เปรียบเสมือนมังกรน้อยที่มาจากสรวงสวรรค์ นางมองอย่างข่มขู่ ซวนหยวนเพียงมองขึ้นไปด้วยความเกรงกลัว
“นักสู้ใช้พลังปราณเพื่อปรับแต่งกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย นี่คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตต่อไป เจ้าจะต้องกักเก็บพลังปราณเอาไว้ในร่างกายของเจ้าเท่าที่เป็นไปได้ และปิดจุดชีพจรของเจ้า ถ้าพลังฉีของเจ้ารั่วไหลออกมา ความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะกระจายออกมา ข้าคิดว่าเจ้าคงจะสามารถจิตนาการได้ถึงสิ่งที่จะตามมาได้” นางจบการสาธิตขณะที่กล่าวจบ นางหายใจเข้าออก อากาศที่นางหายใจออกมานั้น กระแทกกับพื้นอย่างแรงจนสามารถสร้างหลุมเล็กๆ ขึ้นมาได้
“พลังปราณไม่สามารถถูกบังคับให้เข้าสู่ร่างกายของเจ้า เพื่อที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง เจ้าต้องได้รับความช่วยเหลือจากเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะเปลี่ยนพลังปราณให้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะเข้าถึงการฝึกฝนได้”
ซวนหยวนสังเกตอย่างจริงจัง บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากหยินเฉินลู่เปลี่ยนไปหลังจากที่นางใช้เคล็ดวิชากรงเล็บห้ามังกร ผมสีดำเข้มและเสื้อผ้าของนางลอยขึ้นในอากาศขณะที่นางเคลื่อนไหว
ทันทีซวนหยวนก็รับรู้ได้ถึงช่องว่างระหว่างเขากับหยินลู่เฉิน พวกเขาอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นโลกที่เขาไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้
นางเดินจากไปทันที หลังจากที่กล่าวจบ
ซวนหยวนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารีบนั่งลงบนพื้นและเริ่มที่จะดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายแล้วปิดจุดชีพจรของเขา เขาเริ่มที่จะฝึกเคล็ดวิชากรงเล็บห้ามังกร ตอนนี้เขาจดจำรูปแบบการเคลื่อนไหวของมันได้หมดแล้ว
ซวนหยวนยังไม่คุ้นเคยกับเทคนิคการต่อสู้ และหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเขากลับมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังของเขานั้นบริสุทธิ์ และเปลี่ยนเป็นพลังปราณแห่งการต่อสู้
เพียงเมื่อซวนหยวนดูซับพลังปราณเข้าสู้กล้ามเนื้อของเขา ความแข็งแกร่งของเขากลับไหลกระจายออกมาอย่างกระทันหัน ทั้งหมดที่พยายามมากลับไร้ความหมาย เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกเจ็ดวัน
ด้วยการฝึกการเคลื่อนที่ ความแข็งแกร่งของซวนหยวนที่เทียบเท่ากับวัว 24 ตัว กลายเป็น 30 ตัว แต่เวลาที่ซวนหยวนพยายามที่จะดูดซับพลังปราณเข้าไปในกล้ามเนื้อและทำให้มันเป็นพลังปราณแห่งการต่อสู้ มันกลับกระจายตัวออกและหายไปในทันที ทำให้ซวนหยวนผิดหวังเป็นอย่างมาก
รู้ว่าซวนหยวนอารมณ์เสีย หยินเฉินลู่ให้กำลังใจเขาและยิ้ม“ ไปและหาอะไรใส่ท้องของเจ้าซะ บางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของเจ้า อย่าพึ่งยอมแพ้”
ด้วยกำลังใจจากนาง ได้เสริมสร้างความมั่นใจให้เขาเป็นอย่างมาก ด้วยสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากนาง จนก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักสู้ แต่ด้วยขีดจำกัดของเขาด้วยความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับวัว 18 ตัว และเมือเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบ ความแข็งแกร่งของเขามากเป็นสองเท่าของนักสู้ในขั้นเดียวกัน นั่นเป็นเพราะร่างกายที่พิเศษของเขา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบกับความยากลำบากมากกว่าคนอื่นๆ
“ ท่านอาจารย์คนสวยกล่าวออกมาได้ถูกต้อง ข้านั้นไม่ใช่คนธรรมดา ข้านั่นเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง ปัญหาเล็กๆน้อยๆเยี่ยงนี้ไม่สามารถนับได้ว่าสำคัญ อย่างน้อยข้าก็จดจำการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ ถึงแม้ ถ้าข้าไม่อาจจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตจอมยุทธ์ได้ มันก็ไม่ใช่ความผิดของท่าน ”
“ตราบเท่าที่เจ้าไม่ไปยั่วโทสะของคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า มันก็เพียงพอที่จะทำให้ตัวเจ้าปลอดภัย” หยินเฉินลู่จะจากไปในอีกสิบวัน นางยังไม่อาจเข้าใจถึงร่างกายที่พิเศษของซวนหยวน นางเคยได้ยินว่าบางคนนั้นมีร่างกายที่พิเศษ บุคคลเช่นนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากเมื่อพวกเขาอยู่ในขอบเขตนักสู้หรือนักรบ แต่พวกเค้าจะประสบกับความอยากลำบากมากเมื่อพยายามที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตต่อไป บางที่ซวนหยวนอาจจะเป็นบุคคลเช่นนั้น มันจะน่ากลัวสำหรับคนที่มีอีโก้สูงอย่างเขา นับตั้งแต่ที่เขาคิดว่าตัวเองเก่ง และในท้ายที่สุดเขาอาจจะไม่สามารถที่จะก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ได้ หยินเฉินลู่ยังหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่สงบสุขและปลอดภัย บางทีเขาอาจจะไม่สามารถตัดผ่านเข้าสู้ขอบเขตจอมยุทธ์ได้ แต่เขาก็ยังคงจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย
ซวนหยวนเขาไม่ได้งี่เง่าพอที่จะไม่รู้จุดประสงค์ของอาจารย์ ที่อยากให้เขาอยู่อย่างปลอดภัย แต่เขาก็ยังผิดหวังอยู่ดี เหมือนเขาเริ่มที่จะปีนป่ายไปบนสรวงสวรรค์แต่ก็ถูกผลักตกลงมา…
“ศิษย์เข้าใจแล้ว… อาจารย์”