I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 16 ร่างกายที่เกิดจากการสรรค์สร้าง

| Devouring The Heavens | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ซวนหยวนอยู่ในอารมณ์ที่ดี เขาไม่ได้คาดหวังว่ากับสิ่งที่จะออกมา

 

ตอนนี้เขาคือผู้ที่ครอบครองดาบมังกรวารีและแหวนนักสู้ในแหวนนั้นมีของบางชิ้นที่มีคุณภาพสูงและเงินอีกจำนวนมาก

 

มีหนึ่งพันเหรียญพฤกษาอยู่ในนั้น ใครจะไปคิดล่ะว่า มันจะคุ้มค่าขนาดนี้?

 

ผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนมีจุดมุ่งหมายที่จะทะลวงไปยังขอบเขตที่สูงขึ้น มีขอบเขตนักสู้ ขอบเขตนักรบ ขอบเขตจอมยุทธ์ ขอบเขตจิตวิญญาณ ขอบเขตพฤกษา มันหมายความว่า 10เหรียญนักสู้ สามารถแลกได้ 1 เหรียญนักรบ และ 10 เหรียญนักรบสามารถแลกได้ 1 เหรียญจอมยุทธ์ สำหรับ 10 เหรียญจอมยุทธ์สามารถแลกได้ 1 เหรียญจิตวิญญาณ และ 10 เหรียญจิตวิญญาณ แลกได้ 1 เหรียญพฤกษา แต่ละสกุลเงินจะเพิ่มมูลค่านับ 10 เท่าจากสกุลเงินก่อนหน้า ทุกคนไม่สามารถพกเงินล้านล้านเหรียญนักสู้ไปกับตัวได้ คนที่อยู่ต่างขอบเขตกันมักจะจัดการกับเงินของพวกเขาโดยฝากไว้ที่ใดที่หนึ่ง เพื่อจัดการกับความมั่งคั่งนั้น ดังนั้นจึงเป็นโชคลาภอันมหาศาลสำหรับพวกขอบเขตนักรบอย่างซวนหยวน ที่ได้เป็นเจ้าของเหรียญพฤกษาที่มากมายขนาดนี้ ทุกเหรียญที่เขาเคยรวบรวมมาในเดือนนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่เคยเป็นความมั่งคั่งของอู๋ตง

 

ซวนหยวนที่อยู่บนหลังของกู่ฉิง เขากำลังยิ้มและคิดเกี่ยวกับเงินที่เขามี ใบหน้าของเขาสามารถอธิบายได้ถึงความพึงพอใจของเขาในขณะนี้ได้

 

เขาสัญญากับสื่อคงหยูและหลิวเพียวซู่ว่าในอีก 20 วันเขาจะมุ่งหน้าไปยังเมืองจันทร์สลายและเข้าร่วมการทดสอบเพื่อที่จะกลายเป็นศิษย์ของสำนักจันทร์พฤกษา

 

ตลอดเส้นทางเขานั่งอยู่บนหลังของกู่ฉิง และเริ่มที่จะท่องเคล็ดวิชา ‘วิถีแห่งการดูดกลืน’ นับตั้งแต่ที่เขาคุ้นเคยกับ “จารึกมังกรสวรรค์” ที่หลอมรวมกับร่างกายของเขาและไข่มุก เขาเสร็จสิ้น ‘วิถีแห่งการดูดกลืน’ ในอีกครึ่งชั่วยามต่อมา

 

เหมือนกับชื่อของมัน ‘วิถีแห่งการดูดกลืน’ ผู้ฝึกตนที่ฝึกวิชานี้จะได้รับอนุญาตให้ดูดซับพลังปราณจากจักวาลได้อย่างต่อเนื่องแม้ในขณะที่เขาไม่ได้นั่งสมาธิ ดังนั้นหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการฝึกวิชานี้ ร่างกายของซวนหยวนก็ถูกฟื้นฟู ผิวหนังของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นและอ่อนนุ่มมากพอที่จะสร้างความอัปยศให้กับสาวงามทั้งหลาย

 

ความแข็งแกร่งของซวนหยวนเพิ่มขึ้นจากวัว 49 ตัว เป็น 54 ตัว ขณะที่เขาประสบความสำเร็จในการฝึก ‘วิถีแห่งการดูดกลืน’

 

ซวนหยวนยังไปไม่ถึงจุดสู้สุดของขอบเขตนักรบของเขา ด้วยความแข็งแกร่งของเขาจะต้องสร้างความตื่นตกใจให้กับทุกคนผู้ที่เห็นมันเป็นครั้งแรก

 

เนื่องจากปกติขีดจำกัดของขอบเขตนักรบคือเทียบเท่ากับวัว 36 ตัว มีเพียงแค่หยิบมือเดียวที่ทำลายขีดจำกัดเหล่านี้ คนเหล่านั้นจะต้องเป็นอัจฉริยาในโลกแห่งการต่อสู้

 

และซวนหยวนก็เป็นอัจฉริยะในหมู่ของอัจฉริยะเพราะเขามีร่างกายที่เกิดจากการสรรค์สร้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีร่างกายพิเศษเช่นนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกที่หนักหนาสาหัสเช่นกัน ซวนหยวนได้รับการช่วยเหลือจากทักษะกลืนกิน เป็นซวนช่วยต่อการฝึกฝนของเขาเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม เฒ่าโลภมากบอกกับซวนหยวนไว้ว่า เขาไม่ควรที่จะโออวดจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านี้ เมือเกือบมาถึงเมืองจันทร์สลาย เขาได้ปิดจุดชีพจรหลังจากที่ดูดซับพลังปราณเป็นจำนวนมาก แม้ว่าซวนหยวนจะสำเร็จ ‘วิถีแห่งการดูดกลืน’ เพื่อความสมบูรณ์แบบของเขา เขาจะใช่สิ่งที่อาจารย์คนสวนสอนเขา

 

ซวนหยวนตระหนักถึงทักษะที่เฒ่าโลภมากสอนเขาเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของร่างกายที่เกิดจากการสรรค์สร้าง กล้ามเนื้อของเขาสั่นสะเทือน แต่การสั่นสะเทือนแต่ละครั้ง บ่งชี้ให้เห็นว่าพลังปราณภายในร่างกายของเขากำลังถูกกลั่นอย่างช้าๆ แต่ที่แน่ๆ มันจะกลายเป็นพลังปราณที่บริสุทธิ์และจะถูกดูดซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อของเขา โดยการฝึกฝนกรงเล็บห้ามังกรอย่างต่อเนื่อง เขาไม่เคยจำเป็นที่จะต้องชำระพลังปราณ

 

ด้วยร่างกายที่เกิดจากการสรรค์สร้าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเขา เพียงแค่เขาฝึกทักษะกลืนกิน เขาก็ยิ่งมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ทักษะระดับเต๋า จัดเป็นจุดสูงสุด

 

เขามาถึงหนึ่งในทางเข้าของเมืองจันทร์สลาย

 

ประตูบานใหญ่ที่มีความสูงราว 8 เมตร สร้างมาจากหินสีเทา มันไม่ใช่เพียงแค่ประตูบานใหญ่ แต่มันยังถูกปกป้องโดยตระกูลเยว่

 

มีผู้คนเข้าออกเยอะกว่าปกติ มันอาจจะเป็นเพราะการรับสมัครศิษย์ ด้วยซวนหยวนที่กำลังขี่กู่ฉิงอยู่ ผู้คนมากมายจึงเปิดทางให้กับเขา เพื่อที่จะไปหน้าประตูและแจ้งกับยามเฝ้าหน้าประตู

เด็กผู้ชายที่ขี่หมาป่านั้น อยู่ในบัญชีดำของตระกูลเยว่

 

พวกมันไม่คาดฝันว่าซวนหยวนจะกล้าเข้ามาในเมือง เขาเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วหรือไง? เหล่ายามประมาณ 12 คนที่ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับวัว 9 วิ่งเข้าไปประจันหน้า และพร้อมที่จะฆ่าซวนหยวน

 

ซวนหยวนยิ้มอย่างเย็นชาและไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มาสร้างความรำคาญให้กับตน เขาฟาดแส้ไปข้างหน้า คนที่เหมือนกับหัวหน้าถูกแส้พาดเข้าอย่างแรง หน้าอกของเขายุบลงไป กระดูกซี่โครงแตกหัก มันเปราะบางราวกับแก้ว

 

เศษสวะพวกนี้สมควรที่จะได้รับมัน ซวนหยวนจำได้ว่าพวกยามเหล่านี้มันจะเรียกเก็บภาษีมากมายจากคนจนที่เดินทางเข้ามาในเมือง ผู้ที่ไม่สามารถจ่ายได้จะถูกขับไล่ออกจากเมือง ทำให้หลายคนเลือกที่จะลักลอบเข้ามาในเมือง ถ้าถูกจับได้ผู้บุกรุกทั้งหมดจะถูกฆ่าตายหรือต้องพิการ

 

เสียงของแส้ตามมาด้วยเสียงร้างอย่างเวทนาจากเหล่ายามเฝ้าประตู พวกมันทั้งหมดนอนกองอยู่กับพื้นราวกับสุนัขที่กำลังรอความตาย กระดูกของพวกมันเกือบทั้งหมดถูกทำลาย

 

“นี้เป็นเพียงบทเรียนที่พวกเจ้าชอบรังแกคนยากจน ถ้ายังมีอีก จะไม่ใช่แค่กระดูกของพวกเจ้าเท่านั้นที่จะถูกทำลาย!! ”

 

ซวนหยวนที่อยู่บนหลังของกู่ฉิงมุ่งหน้าตรงไปอย่างต่อเนื่อง มีผู้คนข้างทางส่งเสียงเชียร์ให้กับเขา พวกเขาคือคนที่ถูกเอาเปรียบและถูกทำให้อับอายจากเหล่ายามพวกนั้น ตอนนี้พวกเขารีบวิ่งผ่านประตูที่ไร้ผู้ดูแล ก่อนที่เหล่ายามจากประตูอื่นจะมา พวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร

 

___________________________

 

ภายในตระกูลเยว่

 

ข่าวที่เหล่ายามถูกทำร้ายได้มาถึงในตระกูล เย่วจือ ตอนนี้มีใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ด้วยความโกรธนั้นทำให้เขาปาถ้วยใส่ผนังอย่างจัง

 

“ เพ้งง!! ”

 

“ ไอ้สารเลวนี่!! มันกล้าที่จะเข้ามาในเมืองและก่อปัญหาในเมืองของข้า!! ”

 

มีชายสองคนนั่งถัดจากเยว่จือ เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่บ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นศิษย์สายในของสำนักจันทร์พฤกษา พวกเขากำลังคลอเคลียกับเหล่าหญิงงามที่เยว่จือนำมาเสนอให้ ในช่วงที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น ได้มีเด็กรับใช้วิ่งเข้ามากระซิบที่ข้างหูเยว่จือ และมันทำให้เยว่จือโกรธมาก ซึ่งนั่นเป็นการขัดจังหวะความสนุกของพวกเขา

 

“ เฮ้ นายน้อยเยว่จือ เลิกบ้าได้แล้ว ” หนึ่งในศิษย์สายในกล่าวออกมา มันมีนามว่า สือเจิ้งเฟิง เขาอยู่บนจุดสูงสุดของขอบเขตนักรบ อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นเขาจะกลายเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจอมยุทธ์

 

“ พวกเราสามารถช่วยเจ้าได้ ถ้าเจ้าต้องการ ” หานมู่ชายอีกคนกล่าว เขามีความแข็งแกร่งเท่ากับสือเจิ้งเฟิง

 

“ขออภัยศิษย์พี่ ที่ข้าได้หยาบคายไปเมื่อครู่ แต่ไอเจ้าเด็กนี้มันบังอาจนัก มันกล้าท้าทายตระกูลของข้า เหล่าข้ารับใช้มากมายของตระกูลเยว่กลับตกตายด้วยมือของมัน แม้แต่กระบี่ของพี่สาวข้าก็ถูกมันช่วงชิงไป นางตำหนิข้าสำหรับเรื่องนี้ เมื่อนางกลับมา” เยว่จือโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากที่โดนเยว่หรงดุด่า เยว่หรงรู้ว่ามันเป็นเพราะการกระทำของน้องชายคนเล็กของนางและด้วยความประมาทของนางเอง ที่ย้อนกลับมาทำลายศักดิ์สรีและความภาคภูมิใจของนางเสียเอง นางโกรธแค้นและอับอายเป็นอย่างมาก เมื่อคิดถึงสิ่งที่ซวนหยวนลูบคลำร่างกายของนาง

 

สือเจิ้งเฟิงกล่าวด้วยความโกรธเมื่อได้ยิงสิ่งที่เยว่จือพูด

 

“ อะไรนะ? มันฆ่าข้ารับใช้ตระกูลเยว่ และยังบังอาจขโมยกระบี่ของคุณหนูเยว่หรงด้วยงั้นรึ ไอ้สารเลว! ข้าจะทำให้มันต้องร้องขอความตาย!! ”

 

หานมู่เหลือบมองไปที่สือเจิ้งเฟิงและคิดกับตัวเองอย่างเย็นชา “ สือเจิ้งเฟิงโปรดปรานเยว่หรงและต้องการความดีความชอบต่อหน้านาง เขาต้องการที่จะเกี่ยวดองกับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยการแต่งงาน เขาจะต้องเป็นคู่แข่งกับข้าในสำนัก”

 

หานมู่ยิ้ม และกล่าว “ ไปกันเถอะ ไปหาไอเด็กเวรที่กล้ามายั่วยุตระกูลเยว่ ข้าจะทำให้มันเหมือนตกนรกทั้งเป็น!! ”

 

แผนของซวนหยวนคือการสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่าศิษย์ภายในเพื่อที่เขาจะได้เข้าสำนักได้ง่ายขึ้น มันจะดีมากถ้าพวกเขายินดีจะช่วย….

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments